answers
sequence
article_id
stringlengths
3
20
context
stringlengths
52
87.2k
question
stringlengths
4
234
question_id
stringlengths
1
24
title
stringlengths
0
179
{ "answer_end": [ 61 ], "answer_start": [ 56 ], "text": [ "เบิ้ง" ] }
546550
แมงมุมทารันทูล่า แมงมุมทารันทูล่า ( ; ภาษาไทยถิ่นอีสาน: เบิ้ง) เป็นสัตว์ขาปล้องจำพวกแมงมุมกลุ่มหนึ่ง จัดอยู่ในวงศ์ Theraphosidae เป็นแมงมุมที่มีวิวัฒนาการมาตั้งแต่ยุคโบราณกว่า 350 ล้านปีมาแล้ว โดยมีการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างร่างกายน้อยมาก มีรูปร่างทั่วไปคล้ายกับแมงมุมท้องปล้อง แต่ทารันทูล่าจะไม่เหลือปล้องบริเวณท้องอีกแล้ว ทารันทูล่าทั่วไปเป็นแมงมุมขนาดใหญ่ มีขายาว และมีลักษณะเด่นคือ มีเส้นขนจำนวนมากขึ้นอยู่ตามตัวและขา เห็นได้ชัดเจน ส่วนมากมีสีสันหรือลวดลายที่สดใส พบได้ทั่วไปทุกมุมโลก ไม่เว้นแม้แต่ทะเลทราย, ทุ่งหญ้า หรือในถ้ำที่มืดมิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบร้อนชื้น หรืออุณหภูมิแบบป่าดิบชื้น ยกเว้นขั้วโลกเท่านั้นลักษณะ ลักษณะ. ทารันทูล่ามีขนาดแตกต่างหลากหลายออกไป ตั้งแต่ 2.5 เซนติเมตร จนถึง 33 เซนติเมตร น้ำหนักกว่า 160 กรัม (แต่โดยเฉลี่ยประมาณ 6 นิ้ว หรือ 15 เซนติเมตร) จัดเป็นแมงมุมที่มีอายุขัยยาวนานกว่าแมงมุมจำพวกอื่น โดยมีอายุยาวนานถึง 15-20 ปี โดยทั่วไปแล้ว ทารันทูล่า มีประสาทสายตาที่ไม่ค่อยจะดี จึงใช้ขนตามตัวเป็นตัวจับแรงสั่นสะเทือน ซึ่งสามารถทำให้ทารันทูล่ารับรู้ได้แม้กระทั่งทิศทาง หรือระยะห่างของวัตถุการแบ่งประเภท การแบ่งประเภท. ทารันทูล่า แบ่งออกได้เป็น 2 จำพวกใหญ่ ๆ ตามประเภทของการอยู่อาศัย คือ อาศัยอยู่บนต้นไม้ กับขุดรูอาศัยอยู่ในดิน ประเภทที่อาศัยอยู่ตามต้นไม้จะสร้างใยอย่างหนาแน่น หรืออาศัยอยู่ตามโพรงหรือซอกหลืบของต้นไม้ หรือแม้กระทั่งสร้างใยไว้ระหว่างกิ่งไม้ รูปร่างลักษณะของทารันทูล่าประเภทนี้จะแตกต่างจากทารันทูล่าที่อาศัยอยู่บนพื้นดิน คือ มีลำตัวไม่ใหญ่หรืออ้วนเทอะทะมากนัก แต่จะมีรูปร่างเพรียวยาว มีขาที่ยาว และปลายขาจะมีแบนใหญ่กว่า เพราะต้องการพื้นผิวสัมผัสที่มากกว่าเพื่อประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหว ซึ่งทาทันทูล่าที่อาศัยบนต้นไม้จะมีการเคลื่อนที่ที่ว่องไวปราดเปรียวกว่าที่อยู่อาศัย ที่อยู่อาศัย. ส่วนประเภทที่อาศัยอยู่บนพื้นดิน จะขุดดินเป็นรูลึกประมาณ 30-45 เซนติเมตร หรือเสาะแสวงหาโพรง ภายในรูมีใยฉาบอยู่โดยรอบ เพื่อป้องกันดินรอบ ๆ พังทลายลงมา ซึ่งใยรอบ ๆ ปากรูนี้จะไม่มีความเหนียวหรือเหมาะแก่การจับเหยื่อเลย แต่มีไว้เพื่อป้องกันการพังทลายของรูมากกว่า และช่วยป้องกันมิให้มีสัตว์หรือสิ่งใด ๆ มารบกวน ภายนอกของรูก็มักมีใยอยู่บริเวณรอบ ๆ ด้วย บางชนิดจะสร้างใยจนล้นออกมานอกบริเวณปากรู และปากรูมักจะสะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอ หากใยขาดก็จะซ่อมแซมใหม่ทันที โดยปกติแล้ว ทารันทูล่าเป็นแมงมุมที่รักความสะอาด หากมีเศษชิ้นส่วนต่าง ๆ ตกลงไปในรู หรือเศษอาหารที่กินเหลือ ก็จะคาบมาทิ้งไว้ข้างนอกทันทีชนิด ชนิด. ปัจจุบัน มีการค้นพบทารันทูล่าแล้วกว่า 900 ชนิด และก็ยังมีชนิดที่ค้นพบใหม่อยู่เรื่อย ๆ สำหรับในประเทศไทยก็มีทารันทูล่าอาศัยอยู่ประมาณ 4 ชนิด คือ บึ้งดำ (Haplopelma minax) จัดเป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด มีขนาดใหญ่ที่สุด มีอุปนิสัยดุร้ายก้าวร้าว, บึ้งสีน้ำเงิน (H. lividum) มีขนาดย่อมลงมา มีสีน้ำเงินเข้มตลอดทั้งตัว มีสีสันสวยงาม มีอุปนิสัยดุร้ายก้าวร้าวเช่นเดียวกัน, บึ้งลาย หรือ บึ้งม้าลาย (H. albostriatum) เป็นชนิดที่พบได้น้อยที่สุด มีลวดลายตามขาอันเป็นที่มาของชื่อ มีนิสัยดุร้ายก้าวร้าว แต่น้อยกว่า 2 ชนิดแรก และบึ้งสีน้ำตาล (Chilobrachys huahini) มีสีน้ำตาลอมแดง มีอุปนิสัยดุร้ายก้าวร้าว เช่นเดียวกัน และยังมีอีกหลายชนิดที่ยังไม่ได้มีการค้นพบหรือระบุชื่อทางวิทยาศาสตร์ในประเทศไทย ในประเทศไทย. ในหลายพื้นที่ของประเทศไทย เช่น ภาคกลาง หรือภาคอีสาน รวมถึงในประเทศใกล้เคียง เช่น กัมพูชา จะนิยมจับทารันทูล่ามารับประทานกัน หรือนำมาแกล้มสุรา โดยถือเป็นอาหารพื้นบ้าน โดยมักจะนำมาปิ้งหรือย่าง ด้วยการขุดรู มีรสชาติคล้ายกับกุ้งหรือปู มีความหอมมัน แต่ทว่าไม่มีเปลือกแข็ง และทารันทูล่าในอีกหลายชนิดก็นิยมเลี้ยงกันเป็นสัตว์เลี้ยงสำหรับผู้ที่นิยมเลี้ยงสัตว์แปลก ๆวัฒนธรรม วัฒนธรรม. ในวรรณกรรม หรือวัฒนธรรมร่วมสมัย มีทารันทูล่า หรือบึ้ง อ้างอิงถึงเป็นจำนวนมาก อาทิ Wild Wild West ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดแนวไซไฟแฟนตาซี ในปี ค.ศ. 1999, The Lord of the Rings ตอน The Return Of The King หรือในวรรณกรรมเรื่อง ลูกอีสาน ที่กล่าวถึงความแร้นแค้นของคนในชนบทอีสาน ที่ต้องขุดบึ้งกิน เอามาทำลาบ โดยเชื่อว่าหากบึ้งตัวไหนมี 10 ขา จะเรียกว่า "บึ้งบ้า" ไม่สามารถนำมากินได้ เพราะจะทำให้เป็นบ้า เป็นต้น นอกจากนี้แล้วยังมีความเชื่อของไทยอีก เช่น ถ้าบึ้งขึ้นบ้านจะถือว่าโชคร้าย คนในบ้านจะเจ็บไข้ได้ป่วย ต้องทำพิธีสะเดาะเคราะห์ หรือเชื่อว่า หากพบเห็นรูบึ้งหันไปทางทิศตะวันออก จะนำมาซึ่งโชคลาภ เป็นต้น
แมงมุมทารันทูล่าในภาษาไทยถิ่นอีสานเรียกว่าอะไร
3316
{ "answer_end": [ 100 ], "answer_start": [ 94 ], "text": [ "จา พนม" ] }
102842
ต้มยำกุ้ง (ภาพยนตร์) ต้มยำกุ้ง () เป็นภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้ ที่นำแสดงโดย ทัชชกร ยีรัมย์ หรือ จา พนม ผลงานการกำกับโดย ปรัชญา ปิ่นแก้ว ออกฉายในวันที่ 11 สิงหาคม ปี พ.ศ. 2548 ในประเทศไทย ภาพยนตร์ทำรายได้ในประเทศไทย 183.35 ล้านบาทเรื่องย่อ เรื่องย่อ. การเดินทางข้ามโลกของ ขาม (จา พนม ยีรัมย์) เด็กหนุ่มบ้านป่าที่ชีวิตต้องพลิกผันโดยเงื้อมมือของผู้มีอิทธิพลระดับประเทศที่ลักพาช้างพลายสองพ่อลูก ซึ่งเด็กหนุ่มและพ่อของเขารักดั่งชีวิต และมีความมุ่งหมายอันสูงสุดที่จะมอบเป็นคชบาทแด่ในหลวง ไปขาย ณ ประเทศออสเตรเลีย ทางเดียวที่จะช่วยเหลือและรักษาชีวิตของช้างอันเป็นที่รักของเขาได้ นั่นก็คือ การบุกตะลุยถึงถิ่นเสือ โดยการเดินทางข้ามโลก เรื่องไม่ง่ายอย่างใจคิด แม้เขาจะได้รับความช่วยเหลือจาก จ่ามาร์ค (หม่ำ จ๊กมก) นายตำรวจไทยและปลา (บงกช คงมาลัย) สาวไทยที่ถูกหลอกมาขายตัวในซิดนีย์ก็ตาม แต่ที่นั่น เขากลับต้องไปพัวพันกับการไล่ล่าของแก๊งค์มาเฟียที่นำโดย มาดามโรส (จิน ซิง) ที่มีลูกสมุนต่างชาติที่เต็มไปด้วยฝีมือทางการต่อสู้อย่าง จอห์นนี่ (จอห์นนี่ เหงียน) และ ทีเค (นาธาน โจนส์) อย่างไม่ได้ตั้งใจ ณ วินาทีนี้ การต่อสู้ข้ามชาติเพื่อเอาชีวิตรอดของเด็กหนุ่มและเพื่อนพ้อง ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เพื่อตามหาและช่วยเหลือ พ่อใหญ่ และ ขอน ช้างพ่อลูก ที่เปรียบได้กับญาติพี่น้องของเขา นำไปสู่บททดสอบและการต่อสู้ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาให้โลกได้ล่วงรู้ถึง อานุภาพของ "แม่ไม้มวยไทยโบราณ" ที่หนักหน่วง รุนแรง และยังไม่เคยได้รับการเปิดเผยมาก่อน โดยเฉพาะ "ตำนานมวยคชสาร"นักแสดงนักแสดง. - ทัชชกร ยีรัมย์ รับบทเป็น ขาม - เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา รับบทเป็น จ่ามาร์ค - จิน ซิง รับบทเป็น มาดามโรส - จอห์นนี่ เหงียน รับบทเป็น จอห์นนี่ - นาธาน โจนส์ รับบทเป็น ทีเค - บงกช คงมาลัย รับบทเป็น ปลา - เดวิด อัศวนนท์ รับบทเป็น ริค - ลาธีฟ คราวเดอร์ รับบทเป็น นักสู้คาโปเอร่า - สิริลภัส กองตระการ รับบทเป็น กุ้ง - จอน ฟู รับบทเป็น นักสู้วูซูรางวัลในประเทศไทย รางวัลในประเทศไทย. ตารางสาขารางวัลที่ได้เข้าชิงรางวัล สีเขียวคือได้รับรางวัล สีแดงคือได้รับการเสนอชื่อแต่พลาดรางวัลไปเกี่ยวกับภาพยนตร์เกี่ยวกับภาพยนตร์. - The Protector เป็นชื่อในสหรัฐอเมริกา ส่วน Warrior King เป็นชื่อใน สหราชอาณาจักร
ภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้เรื่องต้มยำกุ้งนำแสดงโดยใคร
3317
{ "answer_end": [ 133 ], "answer_start": [ 118 ], "text": [ "ปรัชญา ปิ่นแก้ว" ] }
102842
ต้มยำกุ้ง (ภาพยนตร์) ต้มยำกุ้ง () เป็นภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้ ที่นำแสดงโดย ทัชชกร ยีรัมย์ หรือ จา พนม ผลงานการกำกับโดย ปรัชญา ปิ่นแก้ว ออกฉายในวันที่ 11 สิงหาคม ปี พ.ศ. 2548 ในประเทศไทย ภาพยนตร์ทำรายได้ในประเทศไทย 183.35 ล้านบาทเรื่องย่อ เรื่องย่อ. การเดินทางข้ามโลกของ ขาม (จา พนม ยีรัมย์) เด็กหนุ่มบ้านป่าที่ชีวิตต้องพลิกผันโดยเงื้อมมือของผู้มีอิทธิพลระดับประเทศที่ลักพาช้างพลายสองพ่อลูก ซึ่งเด็กหนุ่มและพ่อของเขารักดั่งชีวิต และมีความมุ่งหมายอันสูงสุดที่จะมอบเป็นคชบาทแด่ในหลวง ไปขาย ณ ประเทศออสเตรเลีย ทางเดียวที่จะช่วยเหลือและรักษาชีวิตของช้างอันเป็นที่รักของเขาได้ นั่นก็คือ การบุกตะลุยถึงถิ่นเสือ โดยการเดินทางข้ามโลก เรื่องไม่ง่ายอย่างใจคิด แม้เขาจะได้รับความช่วยเหลือจาก จ่ามาร์ค (หม่ำ จ๊กมก) นายตำรวจไทยและปลา (บงกช คงมาลัย) สาวไทยที่ถูกหลอกมาขายตัวในซิดนีย์ก็ตาม แต่ที่นั่น เขากลับต้องไปพัวพันกับการไล่ล่าของแก๊งค์มาเฟียที่นำโดย มาดามโรส (จิน ซิง) ที่มีลูกสมุนต่างชาติที่เต็มไปด้วยฝีมือทางการต่อสู้อย่าง จอห์นนี่ (จอห์นนี่ เหงียน) และ ทีเค (นาธาน โจนส์) อย่างไม่ได้ตั้งใจ ณ วินาทีนี้ การต่อสู้ข้ามชาติเพื่อเอาชีวิตรอดของเด็กหนุ่มและเพื่อนพ้อง ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เพื่อตามหาและช่วยเหลือ พ่อใหญ่ และ ขอน ช้างพ่อลูก ที่เปรียบได้กับญาติพี่น้องของเขา นำไปสู่บททดสอบและการต่อสู้ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาให้โลกได้ล่วงรู้ถึง อานุภาพของ "แม่ไม้มวยไทยโบราณ" ที่หนักหน่วง รุนแรง และยังไม่เคยได้รับการเปิดเผยมาก่อน โดยเฉพาะ "ตำนานมวยคชสาร"นักแสดงนักแสดง. - ทัชชกร ยีรัมย์ รับบทเป็น ขาม - เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา รับบทเป็น จ่ามาร์ค - จิน ซิง รับบทเป็น มาดามโรส - จอห์นนี่ เหงียน รับบทเป็น จอห์นนี่ - นาธาน โจนส์ รับบทเป็น ทีเค - บงกช คงมาลัย รับบทเป็น ปลา - เดวิด อัศวนนท์ รับบทเป็น ริค - ลาธีฟ คราวเดอร์ รับบทเป็น นักสู้คาโปเอร่า - สิริลภัส กองตระการ รับบทเป็น กุ้ง - จอน ฟู รับบทเป็น นักสู้วูซูรางวัลในประเทศไทย รางวัลในประเทศไทย. ตารางสาขารางวัลที่ได้เข้าชิงรางวัล สีเขียวคือได้รับรางวัล สีแดงคือได้รับการเสนอชื่อแต่พลาดรางวัลไปเกี่ยวกับภาพยนตร์เกี่ยวกับภาพยนตร์. - The Protector เป็นชื่อในสหรัฐอเมริกา ส่วน Warrior King เป็นชื่อใน สหราชอาณาจักร
ใครคือผู้กำกับภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้เรื่องต้มยำกุ้ง
3318
{ "answer_end": [ 65 ], "answer_start": [ 56 ], "text": [ "ซ่อนกลิ่น" ] }
342618
มนต์ชัย ศิริลัทพร มนต์ชัย ศิริลัทพร เป็นเจ้าของนามปากกา ซ่อนกลิ่น นักเขียนโรมานซ์ เกิดเมื่อวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2514 ที่กรุงเทพมหานคร จบการศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เริ่มเขียนเรื่อง หิมพานต์ เป็นเรื่องแรก และไปโพสต์ลงในเว็บเด็กดี ในปี พ.ศ. 2547 มีผลงานเล่มแรกคือ 615 รหัสมรณะ โดยสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์ มีผลงานที่สร้างเป็นละครโทรทัศน์ คือ ดวงใจอัคนี เคยทำงานเป็นวิศวกรบริษัท แต่ปัจจุบันลาออกมารับงานเป็นวิศวกร ฟรีแลนซ์ที่มาของนามปากกา ที่มาของนามปากกา. เดิมใช้ชื่อจริงเป็นนามปากกา แต่เมื่อได้เขียนนิยายแนวโรแมนซ์ จึงเปลี่ยนเป็น ซ่อนกลิ่น โดยคิดว่าจะหานามปากกาที่มันออกแนวๆดอกไม้ จึงนึกขึ้นได้ว่าเคยเขียนดอกไม้ดอกหนึ่งเป็นปริศนาในหนังสือเรื่องแรกคือ ดอกซ่อนกลิ่น และนำมาเป็นนามปากกาผลงานผลงาน. 1. 615 รหัสมรณะ 2. ลิขิตรัก ทะเลทรายเลือด 3. เชลยแค้น 4. ทาสรักทะเลทราย 5. เงาพิศวาสทะเลทราย 6. ชี้คหัวใจเถื่อน 7. ป่ามรณะ 8. เพลิงแค้นซ่อนรัก 9. เจ้าหญิงทะเลทราย 10. คลื่นร้างพรางรัก 11. ซีรีส์ชุดบ้านไร่ปลายฝัน เรื่อง ดวงใจอัคนี 12. จุมพิตฟาโรห์ 13. ทรายเลื่อมมุก 14. ซีรีส์ชุด The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ เรื่อง เล่ห์บ่วงมนตรา 15. ทายาทบัลลังก์อสูร 16. โจรกรรมรัก คดีมงกุฎเพชร 17. ตราบาปสามหัวใจ 18. ซีรีส์ชุดสุภาพบุรุษจุฑาเทพ เรื่อง คุณชายรัชชานนท์ 19. ซีรีส์ชุด แวมไพร์บาร์เทอรส์ เรื่อง เจ้าเวหา 20. แสงตะวันพระจันทร์แรม เขียนร่วมกับ ณารา 21. จอมโจรแดนเถื่อน 22. องครักษ์แดนเถื่อน 23. โจรกรรมรัก เล่ม 2 ตอน ตะลุยโลกมหัศจรรย์ เขียนร่วมกับ วาริส, อุมาริการ์, นภาสรร, อิสย่าห์, เก้าแต้ม,แพรณัฐ, ร่มแก้ว 24. ซีรีส์นิยายชุด The Cupids บริษัทรักอุตลุด เรื่อง ซ่อนรักกามเทพ 25. 30 วันเพื่อรัก 30 ปีเพื่อรอ 26. เดิมพันหัวใจเจ้าชายชีค 27. ต่างขั้วหัวใจเดียว เขียนร่วมกับ ณารา 28. ปาฏิหาริย์รักไม่เคยเลือน 29. ซีรีส์นิยายชุด ดวงใจเทวพรหม เรื่อง ลออจันทร์ผลงานที่ผลิตเป็นละครโทรทัศน์ผลงานที่ผลิตเป็นละครโทรทัศน์. 1. ซีรีส์ชุด บ้านไร่ปลายฝัน เรื่อง ดวงใจอัคนี 2. ซีรีส์ชุด The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ เรื่อง เล่ห์บ่วงมนตรา 3. ซีรีส์ชุด สุภาพบุรุษจุฑาเทพ เรื่อง คุณชายรัชชานนท์ 4. ซีรีส์ชุด The Cupids บริษัทรักอุตลุด เรื่อง ซ่อนรักกามเทพ
มนต์ชัย ศิริลัทพร ผู้เขียนนวนิยายเรื่องดวงใจอัคนี มีนามปากกาว่าอะไร
3319
{ "answer_end": [ 39 ], "answer_start": [ 24 ], "text": [ "งูพิษเขี้ยวหลัง" ] }
411982
วงศ์งูพิษเขี้ยวหลัง วงศ์งูพิษเขี้ยวหลัง () เป็นวงศ์ของงูมีพิษวงศ์หนึ่ง ใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Colubridae นับเป็นวงศ์ของงูที่มีปริมาณสมาชิกในวงศ์มากที่สุด ด้วยมีมากมายถึงเกือบ 300 สกุล และมีทั้งหมดในปัจจุบัน (ค.ศ. 2014) 1,938 ชนิด และจำแนกออกเป็นวงศ์ย่อย ๆ ได้อีก 12 วงศ์ (ดูในตาราง) โดยใช้ชื่อวงศ์ว่า Colubridae รูปร่างโดยรวมของงูในวงศ์นี้คือ กระดูกพรีแมคซิลลาไม่มีฟัน กระดูกแมคซิลลาเรียงตัวตามยาวและมีฟันชนิดที่ต่างกันไป แบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด คือ aplyph, opisthoglyph, proteroglyph ช่องเปิดของตาอยู่ตรงรอยต่อระหว่างกระดูกฟรอนทัล-กระดูกพาไรทัล-กระดูกพาราสฟีนอยด์ ขากรรไกรล่างไม่มีกระดูกโคโรนอยด์และกระดูกเดนทารีมีฟัน ไม่มีกระดูกเชิงกราน ไม่มีปิดข้างซ้ายหรือมีแต่ก็น้อยมาก มีท่อนำไข่ทั้งสองข้างและเจริญเท่ากัน โดยรวมแล้วพิษของงูในวงศ์นี้เมื่อเทียบกับงูพิษวงศ์อื่นแล้ว เช่น วงศ์งูพิษเขี้ยวหน้า (Elapidae) หรือวงศ์งูหางกระดิ่ง (Viperidae) นับว่ามีพิษร้ายแรงน้อยกว่ามาก หรือบางชนิดก็ไม่มีพิษเลย คำว่า "Colubridae" ที่ใช้เป็นชื่อวงศ์นั้น มาจากภาษาละตินว่า "" แปลว่า "งู"
วงศ์ของงูที่มีปริมาณสกุลงูมากที่สุดคือวงศ์ใด
3320
{ "answer_end": [ 236 ], "answer_start": [ 215 ], "text": [ "ชินพรรธน์ ธันยวิโรจน์" ] }
97353
เด่นชัย สายสุพรรณ เด่นชัย สายสุพรรณ เป็นนักร้องลูกทุ่งชายชาวสุพรรณที่สร้างนักร้องลูกทุ่งชื่อดังมามากมาย เด่นชัยอยู่ในวงการเพลงมานานกว่า 20 ปี มีผลงานเพลงดังมากมายประวัติ ประวัติ. เด่นชัย สายสุพรรณ ชื่อจริงของเขาคือ ชินพรรธน์ ธันยวิโรจน์ เป็นชาวบางตาเถร อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2507 จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม เป็นคนชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เล็ก ชอบไปร้องเพลงในงานบวชงานแต่ง แต่ค่อนข้างขี้อาย หลังจากเรียนจบก็ทำงานรับราชการ ในช่วงวันหยุดดูรายการประกวดการขับร้องเพลง 4 ภูมิภาคของศูนย์ดนตรีวาทินี ทางช่อง 11 จึงลองส่งเทปบันทึกเสียงไป ปรากฏว่าถูกเรียกตัวเข้ามาแข่ง และก็กวาดชัยชนะเรื่อยมา และเป็นผู้ชนะเลิศในปี 2536 ทั้งประเภทคะแนนกรรมการ และคะแนนจากการโหวตของผู้ชม โดยเพลงที่เขาใช้ประกวดจนได้รับรางวัลในวันนั้น คือเพลง คาถามหานิยม ของยอดรัก สลักใจ หลังจากนั้น เด่นชัยได้ถูกทาบทามให้มาเป็นนักร้องคนแรกในสังกัดของวอเนอร์มิวสิก ซึ่งเพิ่งมาเป็นสาขาในประเทศไทย และผลงานเพลงแรกของเจา คือเพลง พี่ไม่ดังนางไม่มอง และได้ออกผลงานกับทางวอเนอร์ มิวสิกอยู่ 4 ชุด เมื่อหมดสัญญา ก็ย้ายมาอยู่กับ บ็อกซิ่งซาวด์ ซึ่งตอนนั้นก็มีอาภาพร นครสวรรค์ อยู่ด้วย บวกกับความที่เด่นชัยมีบุคลิกที่ทะเล้นน่ารัก เด่นชัยจึงหันมาดังกับ แนวกุ๊กกิ๊ก เพลงแนวผัวเมีย แนวเอาใจคนมีอายุ เป็นต้น เมื่อเริ่มร้องเพลง "ดีแล้วครับ" แก้กับเพลง "เลิกแล้วค่ะ" ของอาภาพรที่กำลังดังอย่างสุด ๆ ในตอนนั้น เด่นชัยออกงานเพลงกับต้นสังกัดใหม่อยู่ราว 4 ชุด ก่อนจะย้ายมาออกกำลังค่ายนพพรโปรโมชั่นอีก 1 ชุด และสร้างชื่อเสียงให้กับเด่นชัยด้วยเพลงน่ารักๆ อย่าง เพลง จังหวัดขาดรัก และยังมีเพลงอื่นๆในอัลบั้มที่ติดหูคนฟังอีกมากมาย รวมไปถึงค่ายโฟร์เอสและมีผลงานกับสังกัดชวนชม โปรโมชั่น อาทิ อัลบั้มชุด เด่นดำทำดี ลำนำรักสลักใจ ซึ่งมีการนำเพลงของยอดขุนพลเพลงลูกทุ่งอย่าง ยอดรัก สลักใจมาขบร้องใหม่ โดยมีความพิเศษ คือการแต่งกลอนเกริ่นไปในตอนต้นของบทเพลงด้วย และล่าสุดมีเด่นชัยมีผลงานเป็นซิงเกิ้ลออกมาให้หายคิดถึงกัน คือเพลง จังหวัดไม่ขาดรัก ทำไมถึงแก่ยังงี้ และมีรักมีทุกข์ ที่ประพันธ์ขึ้นโดยเทวดาเพลงอย่างครชลธี ธารทอง และปัจจุบันเด่นชัย ได้มีการทำวงรำวงย้อนยุค โดยใช้ชื่อว่า รำวงร่วมสมัย เด่นชัย สายสุพรรณ ประกอบไปด้วยเพลงสนุกสนาน อาทิ ตบให้ตาย คนกินแดด ผัวหัวหงอก พี่ไม่ดังนางไม่มอง กลองยาวเด่นชัย อิจฉาตายาย ไม่มีดีกว่า เสี่ยวอีสาน ไอ้หนุ่มเรืออวน และ ลอยลมบน ให้แฟนๆหายคิดถึงกันอีกด้วยผลงานเพลงผลงานเพลง. - พี่ไม่ดังนางไม่มอง (2537) - เกิดมาหล่อ (2540) - ดีแล้วครับ (2541) - โห่ทั้งน้ำตา (ตุลาคม 2545) - มีเมียตอนแก่ (2548)ผลงานเพลงดังผลงานเพลงดัง. - จังหวัดขาดรัก - ไม่หย่าก็บ้าแล้ว - สุขสันต์วันเศร้า - ดีแล้วครับ - พี่ไม่ดังนางไม่มอง
เด่นชัย สายสุพรรณ มีชื่อจริงว่าอะไร
3321
{ "answer_end": [ 35 ], "answer_start": [ 18 ], "text": [ "เด่นชัย สายสุพรรณ" ] }
97353
เด่นชัย สายสุพรรณ เด่นชัย สายสุพรรณ เป็นนักร้องลูกทุ่งชายชาวสุพรรณที่สร้างนักร้องลูกทุ่งชื่อดังมามากมาย เด่นชัยอยู่ในวงการเพลงมานานกว่า 20 ปี มีผลงานเพลงดังมากมายประวัติ ประวัติ. เด่นชัย สายสุพรรณ ชื่อจริงของเขาคือ ชินพรรธน์ ธันยวิโรจน์ เป็นชาวบางตาเถร อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2507 จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม เป็นคนชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เล็ก ชอบไปร้องเพลงในงานบวชงานแต่ง แต่ค่อนข้างขี้อาย หลังจากเรียนจบก็ทำงานรับราชการ ในช่วงวันหยุดดูรายการประกวดการขับร้องเพลง 4 ภูมิภาคของศูนย์ดนตรีวาทินี ทางช่อง 11 จึงลองส่งเทปบันทึกเสียงไป ปรากฏว่าถูกเรียกตัวเข้ามาแข่ง และก็กวาดชัยชนะเรื่อยมา และเป็นผู้ชนะเลิศในปี 2536 ทั้งประเภทคะแนนกรรมการ และคะแนนจากการโหวตของผู้ชม โดยเพลงที่เขาใช้ประกวดจนได้รับรางวัลในวันนั้น คือเพลง คาถามหานิยม ของยอดรัก สลักใจ หลังจากนั้น เด่นชัยได้ถูกทาบทามให้มาเป็นนักร้องคนแรกในสังกัดของวอเนอร์มิวสิก ซึ่งเพิ่งมาเป็นสาขาในประเทศไทย และผลงานเพลงแรกของเจา คือเพลง พี่ไม่ดังนางไม่มอง และได้ออกผลงานกับทางวอเนอร์ มิวสิกอยู่ 4 ชุด เมื่อหมดสัญญา ก็ย้ายมาอยู่กับ บ็อกซิ่งซาวด์ ซึ่งตอนนั้นก็มีอาภาพร นครสวรรค์ อยู่ด้วย บวกกับความที่เด่นชัยมีบุคลิกที่ทะเล้นน่ารัก เด่นชัยจึงหันมาดังกับ แนวกุ๊กกิ๊ก เพลงแนวผัวเมีย แนวเอาใจคนมีอายุ เป็นต้น เมื่อเริ่มร้องเพลง "ดีแล้วครับ" แก้กับเพลง "เลิกแล้วค่ะ" ของอาภาพรที่กำลังดังอย่างสุด ๆ ในตอนนั้น เด่นชัยออกงานเพลงกับต้นสังกัดใหม่อยู่ราว 4 ชุด ก่อนจะย้ายมาออกกำลังค่ายนพพรโปรโมชั่นอีก 1 ชุด และสร้างชื่อเสียงให้กับเด่นชัยด้วยเพลงน่ารักๆ อย่าง เพลง จังหวัดขาดรัก และยังมีเพลงอื่นๆในอัลบั้มที่ติดหูคนฟังอีกมากมาย รวมไปถึงค่ายโฟร์เอสและมีผลงานกับสังกัดชวนชม โปรโมชั่น อาทิ อัลบั้มชุด เด่นดำทำดี ลำนำรักสลักใจ ซึ่งมีการนำเพลงของยอดขุนพลเพลงลูกทุ่งอย่าง ยอดรัก สลักใจมาขบร้องใหม่ โดยมีความพิเศษ คือการแต่งกลอนเกริ่นไปในตอนต้นของบทเพลงด้วย และล่าสุดมีเด่นชัยมีผลงานเป็นซิงเกิ้ลออกมาให้หายคิดถึงกัน คือเพลง จังหวัดไม่ขาดรัก ทำไมถึงแก่ยังงี้ และมีรักมีทุกข์ ที่ประพันธ์ขึ้นโดยเทวดาเพลงอย่างครชลธี ธารทอง และปัจจุบันเด่นชัย ได้มีการทำวงรำวงย้อนยุค โดยใช้ชื่อว่า รำวงร่วมสมัย เด่นชัย สายสุพรรณ ประกอบไปด้วยเพลงสนุกสนาน อาทิ ตบให้ตาย คนกินแดด ผัวหัวหงอก พี่ไม่ดังนางไม่มอง กลองยาวเด่นชัย อิจฉาตายาย ไม่มีดีกว่า เสี่ยวอีสาน ไอ้หนุ่มเรืออวน และ ลอยลมบน ให้แฟนๆหายคิดถึงกันอีกด้วยผลงานเพลงผลงานเพลง. - พี่ไม่ดังนางไม่มอง (2537) - เกิดมาหล่อ (2540) - ดีแล้วครับ (2541) - โห่ทั้งน้ำตา (ตุลาคม 2545) - มีเมียตอนแก่ (2548)ผลงานเพลงดังผลงานเพลงดัง. - จังหวัดขาดรัก - ไม่หย่าก็บ้าแล้ว - สุขสันต์วันเศร้า - ดีแล้วครับ - พี่ไม่ดังนางไม่มอง
ใครคือผู้ร้องเพลงลูกทุ่งที่มีชื่อว่า ดีแล้วครับ ซึ่งเป็นเพลงแก้ของเพลง เลิกแล้วค่ะ ของอาภาพร นครสวรรค์
3322
{ "answer_end": [ 841 ], "answer_start": [ 835 ], "text": [ "นครรัฐ" ] }
8257
อาณาจักร อาณาจักร () หมายถึง เขตแดนที่อยู่ในอำนาจปกครองของประเทศหนึ่ง อาจจำแนกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้ฝ่ายอาณาจักรฝ่ายอาณาจักร. - จักรวรรดิ เขตปกครองที่มีจักรพรรดิเป็นประมุข เช่น จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ - รัฐร่วมประมุข (ไม่ใช่ United Kingdom) คือรัฐอิสระมากกว่าสองรัฐขึ้นไปที่อยู่ภายใต้การปกครองของพระมหากษัตริย์องค์เดียวกัน แต่ในขณะเดียวกันพรมแดน กฎหมาย และนโยบายของแต่ละอาณาจักรในกลุ่มยังคงเป็นอิสระต่อกัน จึงมิใช่การรวมเป็นอาณาจักรเดียวกัน เช่น สหราชอาณาจักรโปแลนด์-ลิทัวเนีย หรือสหราชอาณาจักรคาลมาร์ - ราชอาณาจักร - อาณาบริเวณที่ปกครองโดยประมุขที่เป็นพระราชา - อาณาจักรซาร์ (Tsardom) - อาณาบริเวณที่ปกครองโดยประมุขที่มีตำแหน่งเป็น “ซาร์” เช่น “อาณาจักรซาร์รัสเซีย” ที่มี “ซาร์แห่งรัสเซีย” เป็นประมุข - ประเทศราช สามนตราช เมืองขึ้น รัฐบรรณาการ หรืออาณาจักรในเครือ (Vassal) - เช่น เคาน์ตีตริโปลีที่ขึ้นกับราชอาณาจักรเยรูซาเลม - นครรัฐ (City state) - เมืองหรือนครที่มีฐานะเป็นรัฐอิสระ มีประมุขของตนเอง เช่นนครรัฐวาติกัน หรือนครรัฐอันสบาค ซึ่งเป็นนครรัฐในเครือรัฐภายใต้การปกครองของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ - จักรพรรดินครอิสระ (Free imperial city) - นครที่ปกครองโดยจักรพรรดิอย่างเป็นทางการโดยตรง แทนที่จะปกครองโดย “เจ้าชายแห่งจักรวรรดิ” () ที่อาจจะเป็นดยุก หรือเจ้าชายมุขนายก - อาร์ชดัชชี (archduchy) - อาณาเขตในการปกครองของอาร์ชดยุก - แกรนด์ดัชชี (Grand duchy) - อาณาเขตที่ปกครองโดยประมุขที่มีตำแหน่งเป็น “แกรนด์ดยุก” หรือ “แกรนด์ดัชเชส” เช่น “แกรนด์ดัชชีเมคเลนบูร์ก-ชเตรลิทซ์” ที่มี “แกรนด์ดยุกแห่งเมคเลนบูร์ก” เป็นประมุข - พรินซิพาลิตี (principality) - อาณาเขตในปกครองของเจ้าชายหรือเจ้าหญิง เช่น ราชรัฐแอนติออก - ดัชชี (Duchy) - อาณาเขตที่ปกครองโดยประมุขที่มีตำแหน่งเป็น “ดยุก” เช่น “ดัชชีเบอร์กันดี” ที่มี “ดยุกแห่งเบอร์กันดี” เป็นประมุข - ราชรัฐ เป็นคำที่ราชบัณฑิตยสถานบัญญัติให้ใช้เรียกชื่อรัฐเอกราชที่ในปัจจุบันมีฐานะเป็น "แกนด์ดัชชี" (ประเทศลักเซมเบิร์ก) และ "พรินซิพาลิตี" (ประเทศลิกเตนสไตน์และประเทศโมนาโก) (ดูเพิ่มเติม) รวมถึง "อาร์ชดัชชี" และ "ดัชชี" () - อาณาจักรชายแดน หรืออาณาจักรมาร์ช หรือรัฐมาร์เกรฟ (March หรือ Margrave) - อาณาเขตที่ปกครองโดยประมุขที่มีตำแหน่งเป็น “มาร์ควิส” หรือ “มาร์เกรฟ” เช่น รัฐมาร์เกรฟโมราเวีย (March of Moravia) หรือ รัฐมาร์เกรฟไมเซิน (Margraviate of Meissen) รัฐมาร์เกรฟมีฐานะสูงกว่าเคาน์ตีแต่ต่ำกว่าดัชชี หรืออาจจะหมายถึงอาณาเขตแดนเช่นภูมิภาคชายแดนเวลส์ (Welsh Marches) หรือ ภูมิภาคชายแดนฮิสปาเนีย (Marca Hispanica) - อาณาจักรเอิร์ล (Earldom) - อาณาบริเวณที่ปกครองโดยประมุขที่มีตำแหน่งเป็น “เอิร์ล” เช่น “อาณาจักรเอิร์ลแห่งอารันเดล” ที่มี “เอิร์ลแห่งอารันเดล” เป็นประมุขเช่นจอห์น ฟิทซแอแลนที่ 7 เอิร์ลแห่งอารันเดล - เคาน์ตี (County) - (โบราณ) อาณาเขตที่ปกครองโดย “เคานต์” เช่น “เคาน์ตีเอเดสซา” ที่มี “เคานต์แห่งเอเดสซา” เป็นประมุข เช่น บอลวินด์ที่ 1 เคานต์แห่งเอเดสซา - รัฐเคาะลีฟะฮ์ (Caliphate) - อาณาบริเวณระดับอาณาจักรที่ปกครองโดยประมุขที่มีตำแหน่งเป็น “เคาะลีฟะฮ์” เช่น “รัฐเคาะลีฟะฮ์กอร์โดบา - รัฐสุลต่าน (Sultanate) - อาณาบริเวณที่ปกครองโดยประมุขที่มีตำแหน่งเป็น “สุลต่าน” เช่น “รัฐสุลต่านรูม” - รัฐข่าน (Khanate) - อาณาบริเวณที่ปกครองโดยประมุขที่มีตำแหน่งเป็น “ข่าน” เช่น “รัฐข่านอาวาร์” - รัฐเดสปอต (Despotate) - อาณาจักรระดับหนึ่งที่ใช้กันในจักรวรรดิไบแซนไทน์ เช่น “รัฐเดสปอตเอพิรอส”ฝ่ายคริสตจักรฝ่ายคริสตจักร. - เขตมุขนายก (Bishopric) - ปกครองโดย “มุขนายก” (Bishop) - เขตอัครมุขนายก (Archbishopric) - ปกครองโดย “อัครมุขนายก” (Archbishop) - เขตมุขนายกผู้ครองนคร (Prince-Bishopric) - ปกครองโดย “เจ้าชายมุขนายก” (Prince-Bishop)ความหมายอื่นความหมายอื่น. - ประเทศในเครือจักรภพ (dominion) - ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน - รัฐ - เขตแดนที่อยู่ในอำนาจปกครองของประเทศ - อาณาจักร (ชีววิทยา) (kingdom) - อาณาจักรเป็นหมวดหมู่ที่กว้างที่สุดในการศึกษาเกี่ยวกับการแบ่งหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิต
เมืองหรือนครที่มีฐานะเป็นรัฐอิสระและมีประมุขของตนเองเรียกว่าอะไร
3323
{ "answer_end": [ 383 ], "answer_start": [ 373 ], "text": [ "อเมริกาใต้" ] }
809864
ขี้ไก่ย่าน ขี้ไก่ย่าน เป็นพืชที่สามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว มีลักษณะเป็นไม้เลื้อย เติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง แสงส่องถึง และมีความอุดมสมบูรณ์ของดินมาก สามารถปรับตัวได้แม้ว่าดินจะมีความอุดมสมบูรณ์น้อย เมล็ดสามารถกระจายได้ไกลโดยอาศัยลม ในการออกดอกหนึ่งครั้งสามารถผลิตเมล็ดได้จำนวนมากกว่า 20,000 - 40,000 เมล็ดโดยประมาณประวัติ ประวัติ. ขี้ไก่ย่าน มีถิ่นกำเนิดทางอเมริกาใต้ ไม่มีหลักฐานแน่นอนว่าได้แพร่ระบาดเข้ามาประเทศไทยตั้งแต่เมื่อใดลักษณะลักษณะ. - ต้น ไม้ล้มลุกเลื้อย ลำต้นสูง 7 ม. มีขน เกลี้ยง หรือมีขนนุ่มเล็กน้อย - ใบ จะออกตรงข้ามกัน รูปไข่แกมสามเหลี่ยม กว้าง 1.5-6 ซ.ม. ยาว 3-10 ซ.ม. ตรงปลาย ใบจะแหลมเรียว โคนใบรูปหัวใจ ขอบใบจัก เป็นซี่ฟันหยาบๆ ผิวเกลี้ยง - ดอก ออกตามง่ามใบ เป็นกระจุก ริ้วประดับ บาง ค่อนข้างจะโปร่งใส กลีบดอกสีขาว แกมเขียว ยาว 4-5 มม. โคนเชื่อมติดกัน ตรงปลายแยกออกเป็น 5 แฉก อับเรณูสี เทาอมน้ำเงินอ่อน หรือสีดำอมเทา ท่อเกสร ตัวเมียสีขาว - ผล ถ้าแห้ง จะมีสีน้ำตาลเข้ม มีต่อมระยางค์แข็งจำนวนมากยาว 3-4 มม. ผลอ่อนสีขาว ถ้าแห้งเป็นสีแดงการรุกรานสถานการณ์การรุกรานในไทย การรุกราน. สถานการณ์การรุกรานในไทย. ขี้ไก่ย่านเป็นวัชพืชประเภทใบกว้างอายุหลายปี ลำต้นเป็นเถายาวเลื้อยคลุมพันธุ์ไม้อื่น พบขึ้นทั่วไปในสภาพดินชื้น แพร่กระจายในแหล่งปลูกพืชยืนต้นและที่รกร้างว่างเปล่า ลักษณะของความเสียหาย แก่งแย่งธาตุอาหารและน้ำ กับพืชปลูกและปกคลุมไม้ต้นหรือไม้พุ่มจนขาดแสงแดดและตายไป พบขี้ไก่ย่านได้ทั่วประเทศ ยังไม่มีการระบาดรุนแรง แต่พบมีการระบาดเล็กน้อย ในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้สถานการณ์การรุกรานในต่างประเทศ สถานการณ์การรุกรานในต่างประเทศ. ขี้ไก่ย่าน เป็นวัชพืชที่แพร่กระจายในเขตร้อน เติบโตอย่างรวดเร็ว และปกคลุมพืชชนิดอื่นๆ ในประเทศเนปาล ขี้ไก่ย่านบุกรุกเข้าไปในอุทยานแห่งชาติชิดวัน( Chitwan National Park) โดยขี้ไก่ย่านปกคลุมมากกว่า 20% ของพื้นที่อุทยาน ทำให้เกิดปัญหาต่อพืชชนิดอื่นในพื้นที่มีการต่อต้านการแพร่กระจายของขี้ไก่ย่านในหลายๆประเทศ โดยการใช้ herbicides 2,4-D 2,4,5-T และ paraquat นอกจากนี้ยังมีการใช้ศัตรูตามธรรมชาติของขี้ไก่ย่านในรัฐอัสสัมและศรีลังกา เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของขี้ไก่ย่านสาเหตุที่ถูกจัดเป็นสายพันธุ์รุกรานร้ายแรง สาเหตุที่ถูกจัดเป็นสายพันธุ์รุกรานร้ายแรง. เนื่องจากย่านขี้ไก่มักการแพร่กระจายพบขึ้นทั่วไปในสภาพดินชื้น และยังขึ้นเลื้อยคลุมพรรณไม้อื่นทำให้ไม้ได้รับผลกระทบจากการ ขาดแสงสว่างในการสังเคราะห์ด้วยแสง
ต้นขี้ไก่ย่านมีถิ่นกำเนิดมาจากทวีปใด
3324
{ "answer_end": [ 951 ], "answer_start": [ 948 ], "text": [ "ขาว" ] }
809864
ขี้ไก่ย่าน ขี้ไก่ย่าน เป็นพืชที่สามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว มีลักษณะเป็นไม้เลื้อย เติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง แสงส่องถึง และมีความอุดมสมบูรณ์ของดินมาก สามารถปรับตัวได้แม้ว่าดินจะมีความอุดมสมบูรณ์น้อย เมล็ดสามารถกระจายได้ไกลโดยอาศัยลม ในการออกดอกหนึ่งครั้งสามารถผลิตเมล็ดได้จำนวนมากกว่า 20,000 - 40,000 เมล็ดโดยประมาณประวัติ ประวัติ. ขี้ไก่ย่าน มีถิ่นกำเนิดทางอเมริกาใต้ ไม่มีหลักฐานแน่นอนว่าได้แพร่ระบาดเข้ามาประเทศไทยตั้งแต่เมื่อใดลักษณะลักษณะ. - ต้น ไม้ล้มลุกเลื้อย ลำต้นสูง 7 ม. มีขน เกลี้ยง หรือมีขนนุ่มเล็กน้อย - ใบ จะออกตรงข้ามกัน รูปไข่แกมสามเหลี่ยม กว้าง 1.5-6 ซ.ม. ยาว 3-10 ซ.ม. ตรงปลาย ใบจะแหลมเรียว โคนใบรูปหัวใจ ขอบใบจัก เป็นซี่ฟันหยาบๆ ผิวเกลี้ยง - ดอก ออกตามง่ามใบ เป็นกระจุก ริ้วประดับ บาง ค่อนข้างจะโปร่งใส กลีบดอกสีขาว แกมเขียว ยาว 4-5 มม. โคนเชื่อมติดกัน ตรงปลายแยกออกเป็น 5 แฉก อับเรณูสี เทาอมน้ำเงินอ่อน หรือสีดำอมเทา ท่อเกสร ตัวเมียสีขาว - ผล ถ้าแห้ง จะมีสีน้ำตาลเข้ม มีต่อมระยางค์แข็งจำนวนมากยาว 3-4 มม. ผลอ่อนสีขาว ถ้าแห้งเป็นสีแดงการรุกรานสถานการณ์การรุกรานในไทย การรุกราน. สถานการณ์การรุกรานในไทย. ขี้ไก่ย่านเป็นวัชพืชประเภทใบกว้างอายุหลายปี ลำต้นเป็นเถายาวเลื้อยคลุมพันธุ์ไม้อื่น พบขึ้นทั่วไปในสภาพดินชื้น แพร่กระจายในแหล่งปลูกพืชยืนต้นและที่รกร้างว่างเปล่า ลักษณะของความเสียหาย แก่งแย่งธาตุอาหารและน้ำ กับพืชปลูกและปกคลุมไม้ต้นหรือไม้พุ่มจนขาดแสงแดดและตายไป พบขี้ไก่ย่านได้ทั่วประเทศ ยังไม่มีการระบาดรุนแรง แต่พบมีการระบาดเล็กน้อย ในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้สถานการณ์การรุกรานในต่างประเทศ สถานการณ์การรุกรานในต่างประเทศ. ขี้ไก่ย่าน เป็นวัชพืชที่แพร่กระจายในเขตร้อน เติบโตอย่างรวดเร็ว และปกคลุมพืชชนิดอื่นๆ ในประเทศเนปาล ขี้ไก่ย่านบุกรุกเข้าไปในอุทยานแห่งชาติชิดวัน( Chitwan National Park) โดยขี้ไก่ย่านปกคลุมมากกว่า 20% ของพื้นที่อุทยาน ทำให้เกิดปัญหาต่อพืชชนิดอื่นในพื้นที่มีการต่อต้านการแพร่กระจายของขี้ไก่ย่านในหลายๆประเทศ โดยการใช้ herbicides 2,4-D 2,4,5-T และ paraquat นอกจากนี้ยังมีการใช้ศัตรูตามธรรมชาติของขี้ไก่ย่านในรัฐอัสสัมและศรีลังกา เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของขี้ไก่ย่านสาเหตุที่ถูกจัดเป็นสายพันธุ์รุกรานร้ายแรง สาเหตุที่ถูกจัดเป็นสายพันธุ์รุกรานร้ายแรง. เนื่องจากย่านขี้ไก่มักการแพร่กระจายพบขึ้นทั่วไปในสภาพดินชื้น และยังขึ้นเลื้อยคลุมพรรณไม้อื่นทำให้ไม้ได้รับผลกระทบจากการ ขาดแสงสว่างในการสังเคราะห์ด้วยแสง
ผลอ่อนของต้นขี้ไก่ย่านมีสีอะไร
3325
{ "answer_end": [ 15 ], "answer_start": [ 8 ], "text": [ "ธนาณัติ" ] }
891276
ธนาณัติ ธนาณัติ () เป็นเอกสารหรือตราสารซึ่งที่ทำการไปรษณีย์ต้นทาง หรือธนาคารในบางประเทศ ออกเป็นสำคัญว่าได้รับเงินพร้อมค่าธรรมเนียมแล้ว ผู้ขอออกสามารถส่งให้ผู้รับนำไปขึ้นเงิน ณ ที่ทำการไปรษณีย์ปลายทางหรือธนาคารได้ การส่งธนาณัติจะกระทำด้วยวิธีไปรษณีย์ภาคพื้น วิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีอื่นที่ปลอดภัยก็ได้ ธนาณัติมีลักษณะคล้ายตั๋วสัญญาใช้เงิน เว้นแต่แทนที่สัญญาจะจ่ายเงิน ก็จะเป็นบังคับให้ที่ทำการไปรษณีย์ปลายทางจ่ายเงินตามจำนวนที่กำหนดตราบที่ธนาณัตินั้นยังไม่สิ้นสภาพ ธนาณัติมีความคล้ายคลึงกับเช็คที่ออกโดยธนาคารหรือแคชเชียร์เช็ค ในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร รูปแบบของธนาณัติที่ออกโดยไปรษณีย์จะคล้ายคลึงกับเช็ค คือสามารถจ่ายให้แก่ผู้รับที่มีชื่ออยู่ หรือตัวผู้ฝากเองก็ได้หากต้องการไถ่ถอน นอกจากนี้สามารถสั่งมิให้จ่ายเป็นเงินสดโดยการขีดเส้นขนานไว้บนธนาณัตินั้น ธนาณัติฉบับใดมีเส้นขนานขีดไว้ ต้องโอนเงินเข้าสู่บัญชีเงินฝากของผู้รับหรือใช้ชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคที่ไปรษณีย์ก็ได้ อย่างไรก็ตามไม่มีตัวเลือกนี้ในประเทศไทยเนื่องจากความซับซ้อนของการปฏิบัติงาน นอกจากนี้ ธนาณัติมักจำกัดจำนวนเงินฝากส่งอย่างสูงไว้เพื่อความปลอดภัย ตามไปรษณียนิเทศ จำนวนนี้เป็นไปตามที่บริษัทไปรษณีย์ไทยจำกัด (ปณท.) กำหนดไว้ คือ 50,000 บาท ในขณะที่บริษัทไปรษณีย์อังกฤษกำหนดไว้ที่ 250 ปอนด์สเตอร์ลิง ส่วนบริษัทไปรษณีย์สหรัฐกำหนดไว้ที่ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ธนาณัติไทยมีข้อกำหนดในเรื่องอายุของธนาณัติที่จะนำไปขึ้นเงินได้ คือ ธนาณัติที่มีอายุไม่เกิน 4 เดือน นับถัดจากเดือนที่ออก สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้ทันที หากเกินกว่านั้น ปณท. จะประกาศให้ผู้รับหรือผู้ฝากมาติดต่อขอรับเงินโดยยื่นคำร้องตามที่กำหนด หากพ้นจากนั้น 1 ปี ธนาณัตินั้นก็จะสิ้นสภาพไม่สามารถนำมาขึ้นเงินได้อีก ในขณะที่ธนาณัติของสหรัฐอเมริกาจะไม่มีการสิ้นสภาพตราบที่ไม่มีการขูดลบหรือยกเลิก
ตราสารซึ่งที่ทำการไปรษณีย์ต้นทางออกเพื่อให้ผู้รับนำไปขึ้นเงิน ณ ที่ทำการไปรษณีย์ปลายทางเรียกว่าอะไร
3326
{ "answer_end": [ 112 ], "answer_start": [ 106 ], "text": [ "แสงแดด" ] }
149802
ฝ้า ฝ้า เป็นสภาพผิวหนังของใบหน้าที่มีปื้นเป็นสีคล้ำ เกิดจากการเพิ่มจำนวนเม็ดสีที่ผิวหนังซึ่งถูกกระตุ้นด้วยแสงแดด ส่วนใหญ่ผู้หญิงจะเป็นฝ้าแต่ผู้ชายก็เป็นฝ้าได้หากตากแดดมากเกินไป วัยที่เริ่มเป็นฝ้า ได้แก่ วัยกลางคน พบเป็นกันมากในประเทศเขตร้อนเพราะได้รับแสงแดดมากกว่าที่อื่น ยังมีปัจจัยทางพันธุกรรมและฮอร์โมนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย สำหรับฝ้าที่เกิดจากฮอร์โมน คือฝ้าที่เกิดระหว่างการตั้งครรภ์หรือในช่วงที่กินยาคุมกำเนิด เมื่อหมดการกระตุ้นจากฮอร์โมนตามที่กล่าวมาฝ้าที่เป็นอยู่ก็จะหายขาดไปเอง รวมถึงการแพ้เครื่องสำอางบางอย่างอาจทำให้เกิดฝ้าดำขึ้นได้ ฝ้าที่เกิดใหม่มักเป็นชนิดตื้น เกิดจากการที่ผิวหนังชั้นหนังกำพร้ามีจำนวนเม็ดสีเพิ่มขึ้น แต่เมื่อเป็นไปนาน ๆ ก็มีโอกาสกลายเป็นฝ้าลึก ซึ่งเกิดจากการเพิ่มของเม็ดสีในชั้นหนังแท้ สีฝ้าจะคล้ำเข้มมากขึ้น และรักษาให้หายยากการรักษา การรักษา. การทายาที่มีตัวยาไฮโดรควิโนน หรือกรดวิตามินเอ พวกนี้จะไปยับยั้งการสร้างเม็ดสี สารในกลุ่มไวเทนนิ่ง เช่น กรดโคจิก ชาเขียว ชาขาว ซึ่งจะมีพิษน้อยกว่าในกลุ่มที่เป็นยา แต่ประสิทธิภาพในการรักษายังไม่แน่นอน เพราะไม่มีหลักฐานวิชาการสนับสนุนชัดเจน การรักษาด้วยเทคโนโลยี เช่น การทำเลเซอร์ด้วย คาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์ต้องระวัง เพราะมีผลข้างเคียงสูงบางคนทำแล้วหายก็จริง แต่ผิวที่ขึ้นใหม่จะคล้ำเป็นรอยดำ ซึ่งเกิดจากรอยแผลของการทำเลเซอร์ ส่วนการรักษาฝ้าด้วยวิธีไอออนโตหรือโฟโตนั้นยังไม่เป็นการรักษาที่ยอมรับในระดับสากล หากจะใช้วิธีการักษาดังกล่าวต้องใช้ควบคู่กับการทายาด้วยจึงจะได้ผล
ฝ้าเกิดจากการเพิ่มจำนวนเม็ดสีที่ผิวหนังซึ่งถูกกระตุ้นด้วยอะไร
3327
{ "answer_end": [ 33 ], "answer_start": [ 22 ], "text": [ "ติณสูลานนท์" ] }
54117
สะพานติณสูลานนท์ สะพานติณสูลานนท์ เป็นสะพานคอนกรีตที่ยาวที่สุดในประเทศไทย อยู่ในอำเภอเมืองสงขลา และอำเภอสิงหนคร โดยเชื่อมเกาะยอ 2 ด้าน ระหว่างฝั่งบ้านน้ำกระจาย อำเภอเมืองสงขลา และบ้านเขาเขียว อำเภอสิงหนคร ความยาวของสะพาน 2 ช่วงแรก 940 เมตร และ 1,700 เมตร ตามลำดับ รวมเป็น 2,640 เมตร ก่อสร้างขึ้นในสมัย ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จุดประสงค์ของการสร้างสะพานแห่งนี้ คือ การรองรับการคมนาคมทางรถยนต์ โดยไม่ต้องรอข้ามแพขนานยนต์ซึ่งมีไม่เพียงพอกับปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้การเดินทางต้องใช้เวลานาน ทั้งเมื่อข้ามฝั่งมาแล้วก็ยังทำให้การจราจรติดขัดในตัวเมืองอีกด้วย ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2524 รัฐบาลจึงมีนโยบายจะพัฒนาจังหวัดสงขลา และอำเภอหาดใหญ่ให้เป็นเมืองหลัก โดยกรมทางหลวงเป็นเจ้าของโครงการ และบริษัทจากประเทศไต้หวันเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง เปิดให้ใช้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2527 สะพานติณสูลานนท์ ถือเป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 408 ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 414 กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 407 (สงขลา-หาดใหญ่) ชาวจังหวัดสงขลานิยมเรียกสะพานนี้ติดปากว่า "สะพานป๋าเปรม" "สะพานติณ" หรือ "สะพานเปรม" และถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อของจังหวัด
สะพานคอนกรีตที่ยาวที่สุดในประเทศไทยคือสะพานใด
3328
{ "answer_end": [ 2120 ], "answer_start": [ 2101 ], "text": [ "All About That Bass" ] }
650293
เมแกน เทรนเนอร์ เมแกน อลิซาเบธ เทรนเนอร์ () เป็นนักร้อง และนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน เริ่มต้นการแสดงดนตรีครั้งแรกให้กับวงท้องถิ่น และเป็นนักแต่งเพลงกับค่ายบิ๊กเยลโลด็อกมิวสิค ก่อนที่เธอจะมาจดสัญญากับค่ายเพลงอีพิกเรเคิดส์ พร้อมกับปล่อยซิงเกิล "All About That Bass" ที่สามารถขึ้นเป็นอันดับหนึ่งบนชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100 จนเธอกลายเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายประวัติชีวิตในวัยเด็กและเริ่มต้นสู่อาชีพศิลปิน ประวัติ. ชีวิตในวัยเด็กและเริ่มต้นสู่อาชีพศิลปิน. เทรนเนอร์เกิดเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 1993 ที่เกาะแนนทัคเก็ต ในรัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นบุตรสาวคนโต มีบิดาชื่อแกรี และมารดาชื่อเคลลี่ เทรนเนอร์ เธอมีน้องชาย 2 คนคือ ไรอัน และจัสติน เทรนเนอร์เริ่มต้นสร้างเพลงตั้งแต่อายุ 7 ขวบ และหัดแต่งเพลงแรกตอนอายุ 11 ขวบ โดยพ่อแม่ของเธอได้ซื้อคอมพิวเตอร์ให้ตอนอายุ 13 ปี และสร้างสตูดิโอในบ้านไว้ให้เธอได้อัดเพลง เทรนเนอร์เติบโตและได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีในแนนทัคเก็ต จนกระทั่งครอบครัวของเธอย้ายมาที่เคปค้อด เธอจึงจำเป็นต้องเข้าเรียนที่เนาเซตไฮสกูล (Nauset Regional High School) ที่ไฮสกูลเธอได้เรียนรู้ทั้งการร้องเพลง การเล่นกีตาร์ และเล่นทรัมเป็ตในวงแจ๊ส นอกจากนี้เธอยังได้เรียนกับจอห์นนี สปามปินาโต สมาชิกวงเดอะสปามปินาโตบราเธอร์ เธอได้เริ่มแสดงดนตรีโดยเป็นนักกีตาร์ คียบอร์ด และร้องให้กับวงท้องถิ่นชื่อ "ไอแลนด์ ฟิวชัน" เป็นเวลา 4 ปี เมื่อเทรนเนอร์มีอายุครบ 17 ปี เธอได้ถูกแนะนำโดยอัล แอนเดอร์สัน สมาชิกวงเอ็นอาร์บีคิว ให้คาร์ลา วอลเลซ เจ้าของร่วมและผู้จัดการทั่วไปของค่ายบิ๊กเยลโลด็อกมิวสิค รู้จัก จนเธอได้เข้ามาเซ็นสัญญาเป็นนักแต่งเพลงกับค่ายของวอลเลซหลังจากวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 18 ปีของเทรนเนอร์ได้ไม่นาน ต่อมาในปี ค.ศ. 2011 ระหว่างที่เธอยังเรียนอยู่ที่ไฮสกูล เทรนเนอร์ได้เขียนเพลงและได้ปล่อยอัลบั้มแรกของเธอ "I'll Sing With You" ในวันที่ 31 มกราคม และอัลบั้ม "Only 17" ในวันที่ 14 กันยายน หลังจากนั้นเธอเดินทางไปกับทริปเขียนเพลงที่ลอสแอนเจลิส, นครนิวยอร์ก และแนชวิลล์ และตั้งถิ่นฐานอยู่ที่แนชวิลล์ตอนอายุ 19 ปี เทรนเนอร์มีผลงานเขียนเพลงให้กับ ซาบรีนา คาร์เพนเตอร์, แรสคอล แพลตส์, อาร์ไฟฟ์ และศิลปินอีกมากมายAll About That Bass และ Title All About That Bass และ Title. ระหว่างทริปของเทรนเนอร์ เธอได้พบกับเควิน คาดิช ผู้เคยได้เข้ารับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี ทั้งสองได้ร่วมกันเขียนเพลง "All About That Bass" ในปี ค.ศ. 2014 โดยทางค่ายบิ๊กเยลโลด็อกมิวสิคบอกกับเธอว่า "มันคือเพลงที่ดีและมีศิลปินน้อยคนนักที่จะร้องเพลงนี้ได้" จนเมื่อแอล.เอ. เรด ประธานกรรมการและซีอีโอของค่ายอีพิกเรเคิดส์ ได้ยินดีโมของเพลงนี้จากเธอ จึงได้พาไปเซ็นสัญญากับค่ายของเขา และได้ปล่อยซิงเกิลนี้ในฐานะศิลปินเดี่ยว ในวันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ. 2014 "All About That Bass" เป็นเพลงแรกของเทรนเนอร์ที่สามารถขึ้นเป็นอันดับหนึ่งบนชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100 และชาร์ตอีกหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย, แคนาดา, เดนมาร์ก และนิวซีแลนด์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังสร้างประวัติศาสตร์บนชาร์ตของสหราชอาณาจักร โดยเป็นเพลงแรกที่ทำสตรีมส์อะโลนสู่ Official Singles Chart Top 40 ในยอดขาย 1.17 ล้านสตรีมส์ ต่อมาในวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 2014 เทรนเนอร์ได้ปล่อยอีพีแรกของเธอชื่อว่า "Title" ซึ่งสามารถทำยอดขาย 21,000 แผ่น ในวีคแรกบนชาร์ตบิลบอร์ด 200ผลงานอัลบั้มสตูดิโออัลบั้มผลงานอัลบั้ม. สตูดิโออัลบั้ม. - I'll Sing with You (2011) - Only 17 (2011)อีพีอีพี. - Title (2014) - Thank You(2015)
เมแกน เทรนเนอร์ กับเควิน คาดิช สองนักร้องชาวอเมริกันร่วมกันเขียนเพลงอะไรในปี 2014
3329
{ "answer_end": [ 25 ], "answer_start": [ 13 ], "text": [ "พระเจ้าฮโยจง" ] }
155928
พระเจ้าฮโยจง พระเจ้าฮโยจง ( ; พ.ศ. 2162 ถึง พ.ศ. 2202) เป็นกษัตริย์องค์ที่ 17 (พ.ศ. 2192 ถึง พ.ศ. 2202) แห่งราชวงศ์โชซอน ในรัชสมัยของพระองค์โชซอนต้องทำสงครามกับรัสเซียตามคำขอของราชวงศ์ชิง และทรงมีแผนการที่จะบุกจีนแก้แค้นสงครามกับแมนจูแต่สิ้นพระชนม์เสียก่อนองค์ประกันของราชวงศ์ชิง องค์ประกันของราชวงศ์ชิง. เมื่อองค์ชายนึงยางพระบิดาได้รับบัลลังก์ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าอินโจในพ.ศ. 2166 ด้วยการยึดอำนาจของฝ่ายตะวันตก พระโอรสทั้งสองก็ได้เข้าวังและได้รับแต่งตั้งเป็นองค์ชายรัชทายาทโซฮย็อนและองค์ชายพงนิม แต่นโยบายที่เข้าข้างราชวงศ์หมิงของฝ่ายตะวันตกทำให้โชซอนต้องทำสงครามกับราชวงศ์ชิง ในพ.ศ. 2170 ถึง พ.ศ. 2179 ผลคือโชซอนตกเป็นเมืองขึ้นของแมนจูต้องส่งบรรณาการให้ และองค์ชายทั้งสองต้องไปเป็นตัวประกันที่เมืองเสิ่นหยาง บ่อยครั้งที่หวงไท่จี๋สั่งให้องค์ชายทั้งสองช่วยรบกับมองโกล แต่องค์ชายพงนิมทรงเห็นว่าพระชนม์ชีพขององค์ชายโซฮย็อนนั้นสำคัญ เพราะจะต้องทรงเป็นกษัตริย์ต่อไป องค์ชายพงนิมจึงออกรบแทนพระเชษฐาอยู่หลายครั้ง พ.ศ. 2187 ราชวงศ์ชิงยึดปักกิ่งได้ องค์ชายทั้งสองก็ได้เดินทางไปประทับทับที่ปักกิ่ง ซึ่งองค์ชายโซฮย็อนได้พบกับอดัมส์ แชล มิชชันนารีชาวเยอรมัน ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในการเผยแพร่อารยธรรมตะวันตกในจีน องค์ชายโซฮย็อนทรงประทับใจในวิทยาการตะวันตกต่างๆ เมื่อทรงกลับไปยังโชซอนในพ.ศ. 2188 ก็ทรงขัดแย้งกับพระเจ้าอินโจ ซึ่งทรงมีความคิดอนุรักษนิยม จนองค์ชายโซฮย็อนสิ้นพระชนม์ พระเจ้าอินโจทรงรับสั่งให้จัดการพิธีศพอย่างรวดเร็วและกล่าวหาชายาขององค์ชายโซฮย็อนว่าเป็นฆาตกรและสั่งประหาร นักประวัติศาสตร์คาดว่าพระเจ้าอินโจน่าจะทรงเป็นผู้สังหารเอง เมื่อพระเจ้าอินโจสิ้นพระชนม์ในพ.ศ. 2192 องค์ชายพงนิมจึงกลับมาโชซอน ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าฮโยจงอิทธิพลของซงชียอล อิทธิพลของซงชียอล. การเป็นองค์ประกันในจีนทำให้พระเจ้าฮโยจงทรงคิดแค้นพวกแมนจู จึงทรงวางแผนที่จะบุกราชวงศ์ชิงโดยเริ่มจากการสะสมกำลังทัพและอาวุธต่างๆ สร้างป้อมปราการตามริมแม่น้ำยาลู ทรงเรียงพระอาจารย์ซงชียอลจากฝ่ายตะวันตก ซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตีในการบุกราชวงศ์ชิงมารับราชการ ซงชียอลยึดมั่นในหลักการขงจื้อของจูจื่อ ปราชญ์สมัยราชวงศ์ซ่ง ว่าเป็นหลักการที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียว หากใครกล้าติเตียนหรือขัดแย้งกับหลักการของจูจื่อ จะถูกปลดจากต่ำแหน่งและเนรเทศ อิทธิพลของซงชียอลทำให้จูจื่อเป็นปราชญ์หนึ่งเดียวของโชซอนไปหลายร้อยปี และได้รับการนับถือมากกว่าตัวขงจื้อเองเสียอีก แต่ก็มีขุนนางฝ่ายใต้ที่เห็นว่าซงชียอลงมงายกับหลักการของจูจื่อมากเกินไป ภายใต้การนำของยุนฮยู ต่อต้านอำนาจของซงชียอลและฝ่ายตะวันตกแฮ็นดริก ฮาเมิล แฮ็นดริก ฮาเมิล. ในพ.ศ. 2196 แฮ็นดริก ฮาเมิล (Hendrick Hamel) พนักงานบัญชีบริษัทอินเดียตะวันออกของฮอลันดา และลูกเรืออีก 30 กว่าคนถูกพายุพัดมาเกยฝั่งที่เกาะเชจูขณะกำลังเดินทางไปญี่ปุ่น ชาวโชซ็อนที่เห็นชาวตะวันตกเป็นครั้งแรกต่างพากันหวาดกลัว ทั้ง ๆ ที่ฝ่ายฮาเมิลน่าจะเป็นคนที่หวาดกลัวมากกว่า ขณะของฮาเมิลถูกพระเจ้าฮโยจงจับขังเป็นทาส และบังคับให้สร้างปืนเพื่อใช้รบกับแมนจู จนไม่มีวี่แววว่าจะได้รับการปล่อยตัว ในพ.ศ. 2206 หลังจากถูกขังมา 13 ปี ฮาเมิลก็หลบหนีออกมาจากอาณาจักรฤๅษีนี้ได้สงครามกับรัสเซีย สงครามกับรัสเซีย. ในพ.ศ. 2197 ราชวงศ์ชิงขอให้โชซอนส่งทัพไปช่วยรบกับรัสเซีย กองทัพผสมจีนโชซอนชนะทัพรัสเซียในการรบที่ฮูตง และในพ.ศ. 2201 ชนะรัสเซียที่แม่น้ำซุงการี สงครามกับรัสเซียเป็นสงครามครั้งสุดท้ายที่ใช้กำลังพลเป็นจำนวนมากตลอดช่วงเวลาที่เหลือของราชวงศ์โชซอน พระเจ้าฮโยจงทรงวางแผนที่จะบุกจีน เป็นความใฝ่ฝันสูงสุดในพระชนม์ชีพของพระองค์ แต่ทรงสิ้นพระชนม์ไปเสียก่อนในพ.ศ. 2202พระนามเต็ม พระนามเต็ม. สมเด็จพระราชา ฮโยจง แทโจ ฮุมชอน ดัลโด ควางก๊ก ฮงยอล ซอนมุน จางมู ซินซอง ฮโยนิน มยองอึย จองด็อก แห่งเกาหลีพระบรมวงศานุวงศ์พระบรมวงศานุวงศ์. - พระราชบิดา : พระเจ้าอินโจ - พระราชมารดา: สมเด็จพระราชินีอินรยอล ตระกูลฮัน แห่งชองจู (인렬왕후 한씨) - พระมเหสี- สมเด็จพระราชินีอินซอน ตระกูลจาง แห่งท็อกซู (인선왕후 장씨) - พระสนม- พระสนมอันบิน ตระกูลลี แห่งคยองจู (안빈 이씨) - พระสนมซุกอึย ตระกูลคิม(숙의 김씨) - พระสนมซุกวอน ตระกูลจอง (숙원 정씨) - พระราชโอรส- องค์ชายลียอน มกุฎราชกุมารแห่งโชซอน พระราชโอรสของสมเด็จพระราชินีอินซอน ตระกูลจาง แห่งท็อกซู - พระราชธิดา- องค์หญิงซุกชิน (숙신공주) พระราชธิดาของสมเด็จพระราชินีอินซอน ตระกูลจาง แห่งท็อกซู - องค์หญิงซุกอัน (숙안공주) พระราชธิดาของสมเด็จพระราชินีอินซอน ตระกูลจาง แห่งท็อกซู - องค์หญิงซุกมยอง (숙명공주) พระราชธิดาของสมเด็จพระราชินีอินซอน ตระกูลจาง แห่งท็อกซู - องค์หญิงซุกฮวี (숙휘공주) พระราชธิดาของสมเด็จพระราชินีอินซอน ตระกูลจาง แห่งท็อกซู - องค์หญิงซุกจอง (숙정공주) พระราชธิดาของสมเด็จพระราชินีอินซอน ตระกูลจาง แห่งท็อกซู - องค์หญิงซุกคยอง (숙경공주) พระราชธิดาของสมเด็จพระราชินีอินซอน ตระกูลจาง แห่งท็อกซู - องค์หญิงซุกนยอง (숙녕옹주) พระราชธิดาของพระสนมอันบิน ตระกูลลี แห่งคยองจู - องค์หญิงอึยซุน (의순공주) พระธิดาบุญธรรมของสมเด็จพระราชินีอินซอน ตระกูลจาง แห่งท็อกซู
กษัตริย์องค์ที่ 17 แห่งราชวงศ์โชซอนของเกาหลีในอดีตมีพระนามว่าอะไร
3330
{ "answer_end": [ 39 ], "answer_start": [ 20 ], "text": [ "สุสานหลวงหมิงเซี่ยว" ] }
795492
สุสานหลวงหมิงเซี่ยว สุสานหลวงหมิงเซี่ยว ( Míng Xiào Líng; ) เป็นที่ฝังพระศพจักรพรรดิหงอู่ ปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิง เริ่มก่อสร้างในรัชสมัยจักรพรรดิหงอู่ เมื่อปี ค.ศ. 1381 และมาเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี ค.ศ. 1405 ในรัชสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อ รวมเวลาทั้งสิ้น 24 ปี ใช้แรงงานในการก่อสร้างกว่า 100,000 คนและมีสิ่งสำคัญคือป้ายศิลาจารึกที่จักรพรรดิหย่งเล่อโปรดเกล้า ฯ ให้จารึกคำสรรเสริญพระเกียรติยศของจักรพรรดิหงอู่พระราชบิดากว่า 2,746 ตัวอักษร สุสานหลวงแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการสมัยที่ 24 ของยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 2000 และได้มีการขึ้นทะเบียนเพิ่มเติมเมื่อปี ค.ศ. 2003 และ ค.ศ. 2004
พระศพของจักรพรรดิหงอู่ ปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงฝังอยู่ที่ใดในจีน
3331
{ "answer_end": [ 186 ], "answer_start": [ 185 ], "text": [ "7" ] }
120590
วัดป่าดาราภิรมย์ วัดป่าดาราภิรมย์ ตั้งอยู่ที่ 514 ต.ริมใต้ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับพระบรมราชานุญาตยกฐานะให้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ นับได้ว่าเป็นพระอารามหลวงแห่งที่ 7 ในจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ด้านหลังที่ว่าการอำเภอแม่ริมและค่ายดารารัศมี นามของวัดนี้ถูกตั้งขึ้นตามพระนามของเจ้าดารารัศมี พระราชชายาประวัติ ประวัติ. พระครูวินัยธรมั่น ภูริทตฺโต ได้ออกจาริกธุดงค์มาทางภาคเหนือและได้พำนัก ณ ป่าช้าร้างติดกับสวนเจ้าสบาย พระตำหนักดาราภิรมย์ของเจ้าดารารัศมี พระราชชายาในรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นสถานที่สงบ เป็นสปายะในการบำเพ็ญกรรมฐาน และมีพระสงฆ์ได้เข้ามาบำเพ็ญกรรมฐาน ณ ที่แห่งนี้ เมื่อชาวบ้านในละแวกเห็นแล้วได้เกิดศรัทธาจึงได้ร่วมกันสร้างเสนาสนะต่างๆ ถวายเพื่อให้คณะสงฆ์ได้ใช้ในกิจการสงฆ์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2484 เจ้าลดาคำ ณ เชียงใหม่ ทายาทของเจ้าดารารัศมี พระราชชายา ได้ถวายที่ดินดังกล่าวซึ่งอยู่ในเขตพระราชฐานพระตำหนักเจ้าดารารัศมีให้แก่วัด วัดป่าดาราภิรมย์ ได้ประกาศตั้งเป็นวัดวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2481 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2522 ประกอบพิธีผูกพัทธสีมา เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 ปัจจุบัน พระราชวิสุทธิญาณ (ฤทธิรงค์ ญาณวโร) เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน (ธ.) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสถาปัตยกรรมสถาปัตยกรรม. - พระอุโบสถ ประดิษฐานพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปสุโขทัย พระนามว่า “พระสยัมภูโลกนาถ” - พระธาตุเจดีย์พระพุทธบาทสี่รอย ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทสี่รอยจำลอง ศิลปสุโขทัยประยุกต์ พระนามว่า “พระพุทธการุญกิตติคุณขจร” - มณฑปพระเจ้าทันใจ มณฑปเป็นศิลปล้านนาแบบเชียงตุง ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปเชียงแสนสิงห์ - หอกิตติคุณ จัดสร้างในการฉลองชนมายุ 80 ปี พระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่พระธรรมดิลก ภายในได้รวบรวมเกียรติประวัติ ของพระเดชพระคุณเจ้า - พระวิหารหลวง - หอพระแก้ว - หอพระกรรมฐาน
วัดป่าดาราภิรมย์ นับว่าเป็นพระอารามหลวงแห่งที่เท่าไรของจังหวัดเชียงใหม่
3332
{ "answer_end": [ 303 ], "answer_start": [ 290 ], "text": [ "เจ้าดารารัศมี" ] }
120590
วัดป่าดาราภิรมย์ วัดป่าดาราภิรมย์ ตั้งอยู่ที่ 514 ต.ริมใต้ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับพระบรมราชานุญาตยกฐานะให้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ นับได้ว่าเป็นพระอารามหลวงแห่งที่ 7 ในจังหวัดเชียงใหม่ อยู่ด้านหลังที่ว่าการอำเภอแม่ริมและค่ายดารารัศมี นามของวัดนี้ถูกตั้งขึ้นตามพระนามของเจ้าดารารัศมี พระราชชายาประวัติ ประวัติ. พระครูวินัยธรมั่น ภูริทตฺโต ได้ออกจาริกธุดงค์มาทางภาคเหนือและได้พำนัก ณ ป่าช้าร้างติดกับสวนเจ้าสบาย พระตำหนักดาราภิรมย์ของเจ้าดารารัศมี พระราชชายาในรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นสถานที่สงบ เป็นสปายะในการบำเพ็ญกรรมฐาน และมีพระสงฆ์ได้เข้ามาบำเพ็ญกรรมฐาน ณ ที่แห่งนี้ เมื่อชาวบ้านในละแวกเห็นแล้วได้เกิดศรัทธาจึงได้ร่วมกันสร้างเสนาสนะต่างๆ ถวายเพื่อให้คณะสงฆ์ได้ใช้ในกิจการสงฆ์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2484 เจ้าลดาคำ ณ เชียงใหม่ ทายาทของเจ้าดารารัศมี พระราชชายา ได้ถวายที่ดินดังกล่าวซึ่งอยู่ในเขตพระราชฐานพระตำหนักเจ้าดารารัศมีให้แก่วัด วัดป่าดาราภิรมย์ ได้ประกาศตั้งเป็นวัดวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2481 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2522 ประกอบพิธีผูกพัทธสีมา เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 ปัจจุบัน พระราชวิสุทธิญาณ (ฤทธิรงค์ ญาณวโร) เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน (ธ.) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสถาปัตยกรรมสถาปัตยกรรม. - พระอุโบสถ ประดิษฐานพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปสุโขทัย พระนามว่า “พระสยัมภูโลกนาถ” - พระธาตุเจดีย์พระพุทธบาทสี่รอย ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทสี่รอยจำลอง ศิลปสุโขทัยประยุกต์ พระนามว่า “พระพุทธการุญกิตติคุณขจร” - มณฑปพระเจ้าทันใจ มณฑปเป็นศิลปล้านนาแบบเชียงตุง ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปเชียงแสนสิงห์ - หอกิตติคุณ จัดสร้างในการฉลองชนมายุ 80 ปี พระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่พระธรรมดิลก ภายในได้รวบรวมเกียรติประวัติ ของพระเดชพระคุณเจ้า - พระวิหารหลวง - หอพระแก้ว - หอพระกรรมฐาน
ชื่อของวัดป่าดาราภิรมย์ ในจังหวัดเชียงใหม่ ถูกตั้งขึ้นตามพระนามของพระราชชายาในรัชกาลที่ 5 องค์ใด
3333
{ "answer_end": [ 87 ], "answer_start": [ 73 ], "text": [ "เอเชียตะวันออก" ] }
523780
ชบา ชบา () เป็นพืชมีดอกในสกุล Hibisceae วงศ์ Malvaceae เป็นพืชพื้นเมืองในเอเชียตะวันออก ชาวโอรังอัสลีในรัฐเประก์ มาเลเซีย ใช้เปลือกรากแช่ในน้ำข้ามคืนและดื่มขณะท้องว่างเพื่อรักษาฝีในวรรณกรรม ในวรรณกรรม. ชบาปรากฏในวรรณกรรมเรื่อง รามเกียรติ์ ตอนพระรามลาสระภังคฤๅษ พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 1
ต้นชบาเป็นพืชพื้นเมืองของทวีปใด
3334
{ "answer_end": [ 476 ], "answer_start": [ 460 ], "text": [ "Love on the Rock" ] }
943731
ภูริตา สุปินชุมภู ภูริตา สุปินชุมภู (ชื่อเล่น : น้ำหวาน) เกิดเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2536 ปัจจุบันภูริตาเป็นนักแสดงในสังกัดสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3ประวัติ ประวัติ. ภูริตา สุปินชุมภู ชื่อเดิม พิไลพร สุปินชุมภู เกิดเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2536 (ชื่อเล่น : น้ำหวาน) เป็นนักแสดงชาวไทย จบการศึกษาจาก สาขาสารสนเทศศึกษา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เริ่มต้นเข้าวงการบันเทิงจากการถ่ายโฆษณาและมีโอกาสได้แสดงภาพยนตร์เรื่องแรกชื่อเรื่อง Love on the Rock รักหมดแก้ว รับบทเป็น ไฟเลี้ยว สาวสวย บุคคลิกเปรี้ยวจี๊ด ต่อมาในปี 2559 ภูริตาได้มีโอกาสแสดงภาพยนตร์ เรื่อง From Bangkok To Mandalay ถึงคน... ไม่คิดถึง เป็นภาพยนตร์ร่วมทุนระหว่างไทย-เมียนมาร์ ถือเป็นผลงานโกอินเตอร์ของภูริตาทีเดียว จนกระทั่งล่าสุดภูริตามีผลงานละครเรื่องแแรกทาง สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 คือเรื่อง Mister Merman แฟนฉันเป็นเงือกโดยรับบทเป็น ฟ้าฝน สาวสวยวัย 23 ปี ที่บังเอิญประสบอุบัติเหตุตกเรือกลางทะเลเข้า แต่เหมือนโชคชะตานำพาให้ 'ทะเล' เงือกหนุ่มเจ้าระเบียบเข้ามาช่วยชีวิตเธอเอาไว้ และเรื่องราววุ่นวายทั้งหมดก็ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อฟ้าฝนพบว่าจู่ๆ ตนเองก็ได้กลายเป็นเงือกซะอย่างนั้น ทุกอย่างไม่ได้สวยหรูเหมือนนิทานที่เธอเคยเล่าให้เด็กๆ ฟัง เมื่อชีวิตการเป็นเงือกมันไม่ปลอดภัย นายเงือกมืออาชีพอย่างทะเลจึงก้าวเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับนางเงือกมือใหม่อย่างฟ้าฝน พ่วงด้วยภารกิจการสืบหาแล็บทดลองลับ และหาวิธีการทำให้ฟ้าฝนกลับไปเป็นมนุษย์ก่อนที่เธอจะสลายเป็นฟองไปภายในเวลา 2 เดือน... แสดงร่วมกับ ธารา ทิพา , วัทธิกร เพิ่มทรัพย์หิรัญ , วิชยุตม์ ลิ่มรัตนะมงคลผลงานละครโทรทัศน์ผลงาน. ละครโทรทัศน์. - ละครโทรทัศน์ทั้งหมดด้านล่างนี้ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3ซีรีส์ภาพยนตร์ภาพยนตร์. - (2557) Love on the Rocks รักหมดแก้ว รับบท ไฟเลี้ยว - (2559) From Bangkok to Mandalay ถึงคน...ไม่คิดถึง รับบท ปิ่นหนังสั้นหนังสั้น. - (2559) TEASER 15 นาที ประกอบมิวสิกวิดีโอเพลง หลุมรัก รับบท แอน - (2559) หนังสั้น โฆษณา Samsung Note 5 เลิกดีกว่าไหม? ถ้ามีแฟนแบบนี้ รับบท พิมพ์ - (2561) Love At First Sip the Movie รับบท มิลล์ (ภาพยนตร์สั้นประกอบโฆษณา Coffee mate Milky)มิวสิกวิดีโอเพลงเพลง. - ตัวลอย (Delight)
ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ภูริตา สุปินชุมภู แสดงคือเรื่องใด
3335
{ "answer_end": [ 67 ], "answer_start": [ 62 ], "text": [ "วงกลม" ] }
767471
มณฑล (แบบจำลองทางรัฐศาสตร์) มณฑล () มีความหมายตามรากศัพท์ว่า "วงกลม" นักรัฐศาสตร์เลือกใช้คำว่ามณฑลเพื่ออธิบายลักษณะของอำนาจทางรัฐศาสตร์ในประวัติศาสตร์โบราณบนพื้นที่อุษาคเนย์ในยุคสมัยที่อำนาจท้องถิ่นมีความสำคัญหลักในการปกครอง ซึ่งมีจุดศูนย์กลางของอำนาจอยู่ที่เมืองหรือเกอดาตวน และแผ่กระจายสู่บริเวณโดยรอบ ทั้งนี้เพื่อให้ต่างออกไปจากกรอบคิดของคนในยุคปัจจุบันซึ่งให้ความสำคัญกับความเป็นเอกภาพของรัฐอย่างเช่นการปกครองแบบราชอาณาจักรรวมศูนย์ หรือรัฐสมัยใหม่ที่เกิดขึ้นหลังจากเทคโนโลยีแผนที่ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 แนวคิดเรื่องมณฑลได้รับความสนใจจากวอลเตอร์ (1982) ซึ่งได้ให้คำจำกัดความไว้ว่าThe map of earlier Southeast Asia which evolved from the prehistoric networks of small settlements and reveals itself in historical records was a patchwork of often overlapping mandalas. แนวคิดนี้ถูกริเริ่มขึ้นมาเพื่อทำความเข้าใจกับรูปแบบการสร้างรัฐอำนาจบนดินแดนอุษาคเนย์ ตัวอย่างเช่น รูปแบบของสหพันธราชอาณาจักรอันมีอำนาจหลัก ณ ศูนย์กลางการปกครอง แนวคิดนี้พัฒนาขึ้นจากแนวคิดด้านการปกครองของอินเดียเพื่อเลี่ยงการใช้คำว่ารัฐในความหมายของรัฐสมัยใหม่ซึ่งมีพื้นฐานจากขนบการปกครองของจีนหรือยุโรปซึ่งมองว่าแผ่นดินเป็นจุดกำหนดรัฐและมีอาณาบริเวณที่กำหนดแน่นอนตายตัวโดยที่ทุกเขตการปกครองขึ้นตรงต่อส่วนกลาง ต่างจากแนวคิดของมณฑลที่มองว่าอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนนั้นถูกกำหนดโดยศูนย์กลางหลักเป็นสำคัญ ขอบเขตของอธิปไตยอาจครอบคลุมอาณาเขตของเมืองประเทศราชอื่นในลักษณะของการแผ่อำนาจ แต่จะไม่เข้าไปควบคุมดูแลกิจการภายในของเมืองประเทศราชนั้น ระบบอำนาจแบบมณฑลอาจเทียบได้กับระบบเจ้าขุนมูลนายของยุโรปในลักษณะของความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านครกับเมืองประเทศราช อย่างไรก็ดี หัวเมืองประเทศราชภายใต้ระบบอำนาจแบบมณฑลมีความเป็นเอกเทศมากกว่าในระบบเจ้าขุนมูลนาย ความสัมพันธ์เป็นไปในลักษณะส่วนตัวมากกว่าทางการ หัวเมืองที่เป็นประเทศราชหนึ่ง ๆ อาจอยู่ใต้อำนาจของหลายขั้วอำนาจใหญ่ในเวลาเดียวกันได้
ความหมายตามรากศัพท์ของคำว่า มณฑล คืออะไร
3336
{ "answer_end": [ 57 ], "answer_start": [ 50 ], "text": [ "อินเดีย" ] }
2892
ภาษาฮินดี ภาษาฮินดีเป็นภาษาที่พูด ส่วนใหญ่ในประเทศอินเดียเหนือและกลาง เป็นภาษากลุ่มอินโด-ยูโรเปียน อยู่ในกลุ่มย่อย อินโด-อิหร่าน มีวิวัฒนาการมาจากภาษาปรากฤต ในสาขาอินโด-อารยันกลาง ของยุคกลาง และมีวิวัฒนาการทางอ้อมจากภาษาสันสกฤต ภาษาฮินดีได้นำคำศัพท์ชั้นสูงส่วนใหญ่มาจากภาษาสันสกฤต นอกจากนี้ เนื่องจากอิทธิพลของชาวมุสลิมในอินเดียเหนือ ภาษาฮินดียังมีคำที่ยืมมาจากภาษาเปอร์เซีย ภาษาอาหรับ และ ภาษาตุรกี เป็นจำนวนมาก และในที่สุดได้ก่อให้เกิดภาษาอูรดูขึ้น สำหรับภาษา"ฮินดีมาตรฐาน" หรือ "ฮินดีแท้" นั้น มีใช้เฉพะการสื่อสารที่เป็นทางการ ขณะที่ภาษาซึ่งใช้ในชีวิตประจำวันในพื้นที่ส่วนใหญ่นั้น ถือว่าเป็นหนึ่งในภาษาถิ่นย่อย ของภาษาฮินดูสตานี ในแง่ความสัมพันธ์ทางภาษาศาสตร์นั้น ภาษาฮินดีและภาษาอูรดู ถือว่าเป็นภาษาเดียวกัน แตกต่างตรงที่ ภาษาฮินดีนั้นเขียนด้วยอักษรเทวนาครี (Devanāgarī) ขณะที่ภาษาอูรดูนั้น เขียนด้วยอักษรเปอร์เซียและอาหรับประวัติพัฒนาการของภาษาในอินเดียก่อนภาษาฮินดี ประวัติ. พัฒนาการของภาษาในอินเดียก่อนภาษาฮินดี. รูปภาษาโบราณของภาษาตระกูลอินโด-ยุโรป ในอินเดียนั้น พบอยู่ในภาษาสันสกฤตพระเวท ต่อมาปาณินิได้ตั้งกฎเกณฑ์ทางไวยากรณ์ และจัดให้อยู่ในลักษณะแบบแผน สมัยอารยะของภาษายุคกลาง (500 ปีก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 1000) เริ่มขึ้นหลังจากสมัยอารยะของภาษายุคโบราณ (1500-500 ปีก่อนคริสตกาล) ในระยะที่หนึ่งของยุคนี้ภาษาบาลีได้พัฒนาขึ้นมา ในระยะที่สองภาษาปรากฤตได้พัฒนาขึ้น ในระยะสุดท้ายนั้นเรียกว่าระยะของภาษาอัปภรัญศ์(เศารเสนี มาคธี มหาราษฏรี) ภาษาในอินเดียปัจจุบันพัฒนาขึ้นจากภาษาอัปภรัญศ์นี้เอง เหตุที่มีต้นกำเนิดมาจากภาษาสันสกฤต ทำให้ในทางทฤษฎีของเสียง คำศัพท์ และไวยากรณ์ของภาษาในปัจจุบันเช่น ภาษาฮินดี ภาษามราฐี ภาษาคุชราต ภาษาเบงกาลี เป็นต้น มีความคล้ายคลึงกันมาก และภาษาสันสกฤตยังมีอิทธิพลต่อภาษากลุ่มดราวิเดียนด้วย อันมีสาเหตุจากความคล้ายคลึงทางวัฒนธรรมและการติดต่อสัมพันธ์กันมานับศตวรรษ และจะเห็นได้ว่าภาษาอาหรับ ภาษาเปอร์เซีย และภาษาอังกฤษที่มาในรูปภาษาของผู้ปกครองนั้นมีอิทธิพลโดยทั่วไปต่อทุกภาษาในอินเดียการก่อตัวของภาษาฮินดี การก่อตัวของภาษาฮินดี. ภาษาฮินดีในรูปมาตรฐาน พัฒนาออกมาจากภาษาขาริโพลี ภาษาขาริโพลีนั้นยอมรับกันว่าคือภาษาท้องถิ่นภาษาหนึ่งของกลุ่มภาษาฮินดีตะวันตก ซึ่งพูดอยู่ในบริเวณเมืองนิวเดลฮี เมรัฐ บิชเนาร์ และสฮารันปุร รูปวรรณกรรมที่สละสลวยในภาษาขาริโพลีนั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นภาษาฮินดียุคใหม่ การใช้ภาษาขาริโพลีในสมัยโบราณ พบในศตวรรษที่ 10 ใช้อย่างแพร่หลาย และมีระบบในงานวรรณกรรมของอมีร ขุสโร (ค.ศ. 1253-1325) รูปหนึ่งของภาษาขาริโพลีที่พัฒนาออกมาในศตวรรษที่ 16-17 ปรากฏในภาคใต้ เรียกว่า ภาษาทักขินี ในราชสำนักแห่งโมกุลนั้นใช้ภาษาอาหรับและภาษาเปอร์เซีย ในขณะที่การใช้ภาษาผสมผสานระหว่างภาษาขาริโพลี กับ ภาษาเปอร์เซีย ของเหล่าทหารและประชาชนทำให้เกิดภาษาอูรดู ภาษาและวรรณกรรมฮินดีพัฒนาขึ้นอย่างสำคัญในสมัยศตวรรษที่ 19 ในขบวนการเรียกร้องอิสรภาพ เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันของชนทั้งประเทศ จึงยอมรับภาษาฮินดีหรือฮินดุสตานีในรูปภาษาของการสื่อสารระหว่างประชาชน ผู้นำทั้งหลายได้ใช้ภาษาฮินดีเพื่อสร้างความเข้าใจแก่มวลชน ก่อนหน้ายุคนี้ ในวรรณคดีภาษาฮินดีพบแต่วรรณกรรมประเภทร้อยกรองที่เขียนด้วย ภาษาพรัช และ ภาษาอวธี เท่านั้น แต่ในยุคนี้ ภารเตนดุ หริศจันดระ, อาจารยะ มหาวีร ประสาท ดวิเวดี, ดร.ศยามสุนดัร ดาส, เปรมจันด และประสาท เป็นต้น คือผู้จัดมาตรฐานให้แก่ภาษาฮินดีและแก่วรรณกรรมทั้งร้อยกรองและร้อยแก้วภาษาฮินดีในฐานะภาษาประจำชาติ ภาษาฮินดีในฐานะภาษาประจำชาติ. ภาษาฮินดีในรูปที่ได้รับการจัดมาตรฐานในปัจจุบัน นอกจากใช้ในงานวรรณกรรมแล้ว ยังใช้ในด้านการศึกษา วิทยาการ เทคโนโลยี และการปกครอง ภาษาฮินดีในรูปดังกล่าวจึงมีการออกเสียง การเขียนและโครงสร้างไวยากรณ์ที่เป็นแบบอย่างมาตรฐาน และในกรอบของรูปมาตรฐานนี้จึงมีความแตกต่างจากภาษาท้องถิ่นที่ใช้พูดกันในประเทศ ในวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2492 ภาษาฮินดีได้รับการยอมรับเป็นภาษาประจำชาติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐอินเดียส่วนที่ 17 หมวดที่ 1 มาตรา 343 บัญญัติให้ภาษาฮินดีเป็นภาษาประจำชาติและใช้อักษรเทวนาครี ในปัจจุบันภาษาฮินดีเป็นภาษาราชการของรัฐอุตตรประเทศ พิหาร มัธยประเทศ ราชสถาน หรยาณา หิมาจัลประเทศและกรุงเดลี สำหรับในรัฐปัญจาบ คุชราต มหาราษฏระ และหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ให้ภาษาฮินดีอยู่ในสถานะภาษาที่สองสำเนียงและการแพร่กระจายของภาษาฮินดี สำเนียงและการแพร่กระจายของภาษาฮินดี. ในสถานการณ์ของภาษาในประเทศอินเดียนั้น หนึ่งปัจเจกบุคคลสามารถพูดได้อย่างน้อยสองภาษาหรือหลายภาษา ก่อนอื่นในภูมิภาคที่พูดภาษาฮินดีนั้นในระดับต่างๆ พบภาษาพูด 4 รูปแบบ ดังนี้1. ภาษาสันสกฤตและภาษาอาหรับในพิธีการทางศาสนา 2. ภาษาฮินดี อังกฤษ และภาษาอูรดู ในการสื่อสารที่เป็นทางการ 3. ภาษาพรัช ภาษาอวธี ภาษาโภชปุรี ภาษาราชสถาน เป็นต้น ในการสนทนาอย่างไม่เป็นทางการและในระดับครอบครัว 4. ภาษากัลกะติยา ภาษาบัมบะอิยา ภาษาไฮดราบะดี เป็นต้น ในระดับภาษาชาวบ้านสำหรับการติดต่อสื่อสารอย่างเป็นกันเอง ผู้ที่ไม่ได้พูดภาษาฮินดีแต่อาศัยอยู่ในภูมิภาคของภาษาฮินดี นอกจากการพูดภาษาแม่ของตนแล้ว อาจใช้ภาษาในลักษณะข้อที่ 2 และ 4 ประการเดียวกันนี้ผู้ที่พูดภาษาฮินดีแต่อาศัยอยู่ในภูมิภาคที่ไม่พูดภาษาฮินดี โดยทั่วไปแล้วอาจใช้ภาษาในลักษณะข้อที่ 2, 3 และ 4 ในเขตภูมิภาคของภาษาฮินดีนั้น ภาษาฮินดีใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างกันมากที่สุด เขตภูมิภาคของภาษาฮินดีคือในรัฐอุตระประเทศ พิหาร หริยาณา มัธยะประเทศ ราชัสถาน นิวเดลฮี และแผ่ไปจนถึงหิมาจัลประเทศ ในรัฐต่างๆ ที่กล่าวถึงนี้ มีภาษาท้องถิ่นใช้สื่อสารในระดับไม่เป็นทางการอีกด้วย ภาษาท้องถิ่นของภาษาฮินดีที่กำลังกล่าวถึง แบ่งเป็นกลุ่มต่างๆ ได้ดังนี้- ฮินดีตะวันตก ในกลุ่มนี้มี 5 ภาษาท้องถิ่นคือ ภาษาบรัช, ภาษาขรีโบลี, ภาษาหริยนวี (บางกะรู), ภาษาบุนเดลี และภาษากันเนาจี - ฮินดีตะวันออก ในกลุ่มนี้มี 3 ภาษาท้องถิ่นคือ ภาษาอวธี ภาษาบเฆลี ภาษาฉัตตีสครห์ - ภาษาพิหาร ในกลุ่มนี้มี 3 ภาษาท้องถิ่นคือ ภาษาโภชปุรี ภาษามคธี ภาษาไมถิลี - ราชสถานี ในกลุ่มนี้มี ภาษาเมวรี ภาษามาร์วารี ภาษาหาเราตี ภาษาเมวาตี เป็นต้น - ปหารี ในกลุ่มนี้มี ภาษามัณฑิยาลี ภาษาคัรฮะวาลี ภาษากุมาอูนนี เป็นต้น ภาษาฮินดีไม่เพียงใช้พูดแต่ในรัฐที่เจ้าของภาษาฮินดีอาศัยอยู่เท่านั้น แต่ยังใช้พูดทั่วทั้งประเทศอินเดีย ภาษาหลักและภาษาท้องถิ่นของภูมิภาคที่ต่างๆ กันนั้นจึงปรากฏอิทธิพลในภาษาฮินดี ด้วยเหตุนี้สำเนียงการออกเสียง การเขียน โครงสร้างและการใช้ จึงทำให้ภาษาฮินดีเริ่มพัฒนารูปที่ต่างออกไปมากมาย และเกิดปัญหายุ่งยากในการทำความเข้าใจอย่างสมบูรณ์ในความหลากหลายนั้น หากพิจารณาลักษณะการใช้ จุดประสงค์ และภูมิภาคแล้ว ไม่ว่าภาษาใดๆจะปรากฏความหลากหลายของรูปแบบให้เห็น ในประเด็นทางภูมิภาคจะพบภาษาท้องถิ่นมากมาย ในประเด็นของจุดประสงค์พบรูปแบบภาษาที่หลากหลาย เช่นภาษาที่ใช้ในการติดต่อธนาคาร ในการกีฬา ในธุรกิจการค้าหรือในกิจการต่างๆ ในส่วนของลักษณะการใช้นั้นแบ่งออกได้เป็นแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ภาษาที่ประชาชนทั่วไปใช้ในการติดต่อสื่อสารกันเองคือตัวอย่างของภาษาที่ไม่เป็นทางการซึ่งมีเป็นร้อยๆ ชนิด และโดยทั่วไปในเมืองต่างๆ ก็มีการผสมกับอิทธิพลจากภาษาพูดหรือภาษาท้องถิ่นของเมืองนั้นๆ เช่น ภาษาฮินดีแบบเมืองนิวเดลฮี ภาษาฮินดีแบบเมืองมุมไบ(บัมบะอิยา) ภาษาฮินดีแบบเมืองกัลกัตตา(กัลกะติยา) ภาษาฮินดีแบบเมืองไฮดราบัด(ไฮดราบะดี) เป็นต้น รูปแบบภาษาที่นำไปใช้โดยทั่วไปแล้วจึงอยู่ในขอบเขตของลักษณะการใช้ จุดประสงค์และเขตภูมิภาคดังกล่าวมา ดังนั้นเมื่อเราจะกล่าวถึงภาษาในระดับชาติของอินเดียซึ่งเป็นที่ยอมรับว่าเป็นรูปแบบที่แสดงความเป็นชาติแล้ว ภาษาในรูปที่เรากำลังกล่าวถึงนั้นเรียกว่าภาษามาตรฐานหรือภาษาที่เป็นทางการ ภาษาฮินดีมาตรฐานก็ได้รับความพยายามกระทำให้ถึงซึ่งเกียรติยศอันนั้นด้วยกระบวนการจัดมาตรฐาน ภาษาฮินดีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในรูปแบบเดียวกันตั้งแต่เหนือจดใต้ ตะวันออกจดตะวันตก ในประเทศที่เต็มไปด้วยความหลากหลายอย่างอินเดีย กระบวนการชำระและเปลี่ยนแปลงจึงยังคงดำเนินเรื่อยมาพร้อมๆ กับกาลเวลาที่ดำเนินไป เพื่อทำให้ภาษาฮินดีเป็นรูปแบบเดียวกันทั้งประเทศอินเดียอีกทั้งทรงพละกำลังยิ่งขึ้น ทรงสิทธิโดยสมบูรณ์ และเป็นวิทยาการไวยากรณ์ ไวยากรณ์. ไวยากรณ์ของภาษาฮินดีมีความซับซ้อนมากกว่าภาษาอังกฤษมาก การเรียงประโยคเป็นแบบประธาน-กรรม-กริยา ไม่มีคำบุพบทแต่ใช้คำปรบทแทนเพศ เพศ. คำนามในภาษาฮินดีแบ่งเป็น 2 เพศ คือ บุรุษลึงค์ และสตรีลึงค์ การกำหนดเพศนี้ใช้กับนามที่ไม่มีชีวิตด้วย เสียงสระท้ายคำจะช่วยบอกเพศของคำ คำยืมจากภาษาสันสกฤตจะกำหนดเพศเช่นเดียวกับภาษาสันสกฤต คำยืมจากภาษาอาหรับและภาษาเปอร์เซียจะถูกกำหนดเพศด้วย คำยืมจากภาษาอังกฤษมีการระบุเพศเหมือนกันแต่ไม่แน่นอนคำถาม คำถาม. คำสรรพนามแสดงคำถามโดยทั่วไปคือ ใคร (कौन) อะไร (क्या) ทำไม (क्यों) เมื่อใด (कब) ที่ไหน (कहां) อย่างไร (कैसे) มากเท่าใด (कितना) ชนิดใด (कैसा) คำว่า क्या ใช้เป็นตัวบ่งชี้คำถามในคำถามแบบใช่/ไม่ใช่ ได้ด้วยสรรพนาม สรรพนาม. คำสรรพนามทั้งสามบุรุษเป็นเพศเดียวกันหมด โดยการระบุเพศจะแสดงที่คำกริยา มีการกสำหรับคำสรรพนามสองการกคือประธานและความเป็นเจ้าของ คำสรรพนามบุรุษที่สองในภาษาฮินดี แบ่งตามระดับความสุภาพได้สามระดับคือ- आप เป็นทางการและแสดงความนับถือ ใช้เหมือนกันทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ - तुम ไม่เป็นทางการ ใช้กับผู้มีอายุหรือตำแหน่งต่ำกว่า - तूँ ไม่เป็นทางการอย่างมาก ใช้กับเพื่อนสนิท ภาษาฮินดีไม่มีคำนำหน้านามอย่างคำว่า the ในภาษาอังกฤษ ส่วน a/an ภาษาฮินดีใช้คำว่า एकแทนการเรียงคำ การเรียงคำ. การเรียงคำในประโยคเป็น ประธาน-กริยาวิเศษณ์-กรรมรองและคำขยาย-กรรมตรงและคำขยาย-คำแสดงคำถามหรือปฏิเสธ-กริยาและกริยาช่วย รูปปฏิเสธแสดงโดยการเติม नहीं(ไม่) ลงในประโยค หรือเติมคำนำหน้า ता ในบางการก คำคุณศัพท์มาก่อนคำนาม กริยาช่วยตามหลังกริยาหลักกาล กาล. กาลในภาษาฮินดีได้แก่ ปัจจุบันกาลไม่สมบูรณ์ ใช้กับเหตุการณ์ทั่วไปหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่พูด ปัจจุบันกำลังกระทำ อดีตกาลกำลังกระทำ อดีตกาลไม่สมบูรณ์ อดีตกาลสัมบูรณ์ นอกจากนี้มีประโยคในรูปคำสั่ง มีเงื่อนไข หรือเหตุการณ์สมมติ โดยปกติแล้วกาลและรูปแบบต่างๆแสดงในรูปกริยาช่วย ส่วนกริยาหลักแสดงจำนวนและเพศของคำนามการก การก. ภาษาฮินดีมีการผันคำน้อย ความสัมพันธ์ระหว่างคำนามในประโยคแสดงด้วยปรบท คำนามมีสามการกคือการกตรง ไม่ใช้ปรบท มักเป็นประธานของประโยค การกรองใช้กับนามที่มีปรบทต่างๆกัน นามบางคำมีการกเรียกขานด้วย คำคุณศัพท์จะผันไปในทิศทางเดียวกับคำนาม
ภาษาฮินดีเป็นภาษาที่คนส่วนใหญ่ในประเทศใดใช้สื่อสารกัน
3338
{ "answer_end": [ 435 ], "answer_start": [ 431 ], "text": [ "2492" ] }
10838
8 สิงหาคม วันที่ 8 สิงหาคม เป็นวันที่ 220 ของปี (วันที่ 221 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 145 วันในปีนั้นเหตุการณ์เหตุการณ์. - พ.ศ. 2329 (ค.ศ. 1786) - ดร. มิเชล กาเบรียล แพกการ์ด และ ฌาคส์ บัลมาต์ พิชิตยอดเขามองต์บลังค์บนเทือกเขาแอลป์ ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก - พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) - สงครามโลกครั้งที่สอง: เยอรมันเริ่มยุทธการแห่งบริเตน โดยส่งฝูงบินไปทิ้งระเบิดเกาะอังกฤษ - พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) - ประเทศภูฏานได้รับเอกราช - พ.ศ. 2500 (ค.ศ. 1957) - พิธีวางศิลาฤกษ์วิทยาลัยเทคนิคภาคพายัพ สังกัด กระทรวงศึกษาธิการ ณ จังหวัดเชียงใหม่ - พ.ศ. 2419 (ค.ศ. 1876) - โทมัส เอดิสัน จดสิทธิบัตรเครื่องพิมพ์ปรุไข - พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) - สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ก่อตั้งขึ้นที่กรุงเทพมหานคร - พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - การก่อการกำเริบ 8888 ที่ประเทศพม่า - พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - พระภิกษุ สามเณร และอุบาสก อุบาสิกาชาวไทยถูกฆ่าที่วัดพรหมคุณาราม เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา - พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) - วันเปิดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลกฤดูร้อน ครั้งที่ 24 ที่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ณ ราชมังคลากีฬาสถาน - พ.ศ. 2551 (ค.ศ. 2008) - วันเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008 ที่กรุงเป่ย์จิง ประเทศจีน ณ สนามกีฬาแห่งชาติปักกิ่ง (สนามรังนก) - พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011) - เกิตุเหตุจลาจลที่กรุงลอนดอนมีผู้ร่วมชุมนุม 500 คน ตำรวจบาดเจ็บ 35 นาย - พ.ศ. 2559 (ค.ศ. 2016) - แบล็กพิงก์เปิดตัวครั้งแรกกับอัลบั้ม สแควร์วันวันเกิดวันเกิด. - พ.ศ. 2367 (ค.ศ. 1824) - จักรพรรดินีมารีเยีย อะเลคซันโดรฟนาแห่งรัสเซีย (สวรรคต 3 มิถุนายน พ.ศ. 2423) - พ.ศ. 2444 (ค.ศ. 1901) - เออร์เนสต์ ลอว์เรนซ์ นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2501) - พ.ศ. 2445 (ค.ศ. 1902) - พอล ดิแรก นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 20 ตุลาคม พ.ศ. 2527) - พ.ศ. 2453 (ค.ศ. 1910) - จิมมี เมอร์ฟี นักฟุตบอลและผู้จัดการทีมชาวเวลส์ (ถึงแก่กรรม 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532) - พ.ศ. 2462 (ค.ศ. 1919) - ดิโน เดอ ลอเรนติส ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชาวอิตาลี (ถึงแก่กรรม 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553) - พ.ศ. 2465 (ค.ศ. 1922) - อัลเบร์โต กรานาโด นักประพันธ์และนักวิทยาศาสตร์ชาวคิวบา (ถึงแก่กรรม 5 มีนาคม พ.ศ. 2554) - พ.ศ. 2466 (ค.ศ. 1923) - ละติฟา อัลซัยยัต นักเขียนชาวอียิปต์ (เกิด 10 กันยายน พ.ศ. 2539) - พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) - ดัสติน ฮอฟฟ์แมน นักแสดงชาวอเมริกัน - พ.ศ. 2490 (ค.ศ. 1947) - ณรงค์เดช นันทโพธิ์เดช อดีตผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 (ถึงแก่กรรม 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2528) - พ.ศ. 2494 (ค.ศ. 1951) - ลูวี ฟัน คาล ผู้จัดการทีมชาวเนเธอร์แลนด์ - พ.ศ. 2506 (ค.ศ. 1963) - ลีโอ กาเมซ แชมป์โลกมวยสากลชาวเวเนซุเอลา - พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - แดนนี แกบบิดอน นักฟุตบอลทีมชาติเวลส์ - พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) -- คะโอะริ อีดะ นักแสดงหญิงชาวญี่ปุ่น - โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ นักเทนนิสชาวสวิส - พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - แคที เลียง นักแสดงหญิงชาวสกอต - พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) -- เจ้าหญิงเบียทริซแห่งยอร์ก พระธิดาพระองค์ใหญ่ใน เจ้าฟ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก กับ ซาราห์ ดัชเชสแห่งยอร์ก อดีตพระชายา - อีกอร์ สมอลนีคอฟ นักฟุตบอลชาวรัสเซีย - พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - วรางคณา เงื่อนตะคุ นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงชาวไทย - พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง (มิ้นต์) นักแสดงหญิงชาวไทย - พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) - พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดชาวไทย - พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) - ชอว์น เมนเดส นักร้องชาวแคนาดาวันถึงแก่กรรมวันถึงแก่กรรม. - พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - เจมส์ เออร์วิน นักบินอวกาศชาวอเมริกัน (เกิด พ.ศ. 2473) - พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010) - แพตทริเซีย นีล นักแสดงหญิงชาวอเมริกัน (เกิด ค.ศ. 1926)วันสำคัญและวันหยุดเทศกาลวันสำคัญและวันหยุดเทศกาล. - โรมันคาทอลิก - วันฉลองนักบุญดอมินิก - ไต้หวัน - วันพ่อ - วันอาเซียน - วันก่อตั้งสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ประเทศภูฏานได้รับเอกราชเมื่อปีพ.ศ.ใด
3339
{ "answer_end": [ 104 ], "answer_start": [ 96 ], "text": [ "นิวยอร์ก" ] }
205327
สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ อาคารสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ () ก่อสร้างขึ้นบนที่ดินใกล้แม่น้ำอีสต์ในรัฐนิวยอร์ก นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อพ.ศ. 2492-2493 บริจาคโดยจอห์น ดี. รอกกีเฟลเลอร์ จูเนียร์ ด้วยมูลค่า 8.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และออกแบบโดยออสการ์ นีไมเออร์ สถาปนิกชาวบราซิล สำนักงานใหญ่สหประชาชาติเปิดทำการเมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2493 นอกจากนี้ยังมีสำนักงานตัวแทนที่สำคัญตั้งอยู่ในนครเจนีวา นครเฮก กรุงเวียนนา กรุงโคเปนเฮเกน กรุงเทพมหานคร ฯลฯ
อาคารสำนักงานใหญ่สหประชาชาติตั้งอยู่ในรัฐใดของประเทศสหรัฐอเมริกา
3340
{ "answer_end": [ 258 ], "answer_start": [ 241 ], "text": [ "ออสการ์ นีไมเออร์" ] }
205327
สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ อาคารสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ () ก่อสร้างขึ้นบนที่ดินใกล้แม่น้ำอีสต์ในรัฐนิวยอร์ก นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อพ.ศ. 2492-2493 บริจาคโดยจอห์น ดี. รอกกีเฟลเลอร์ จูเนียร์ ด้วยมูลค่า 8.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และออกแบบโดยออสการ์ นีไมเออร์ สถาปนิกชาวบราซิล สำนักงานใหญ่สหประชาชาติเปิดทำการเมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2493 นอกจากนี้ยังมีสำนักงานตัวแทนที่สำคัญตั้งอยู่ในนครเจนีวา นครเฮก กรุงเวียนนา กรุงโคเปนเฮเกน กรุงเทพมหานคร ฯลฯ
ใครคือผู้ออกแบบอาคารสำนักงานใหญ่สหประชาชาติในประเทศสหรัฐอเมริกา
3341
{ "answer_end": [ 96 ], "answer_start": [ 91 ], "text": [ "มลายู" ] }
315258
มะโย่ง มะโย่ง หรือ เมาะโย่ง (รูมี: Mak Yong, Mak Yung) เป็นการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยเชื้อสายมลายูในแถบสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้แก่ จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และบางส่วนของจังหวัดสงขลา นอกจากนี้ยังมีการแสดงมะโย่งใน รัฐกลันตัน รัฐตรังกานู รัฐเกดะห์ และรัฐปะลิส ในประเทศมาเลเซีย และหมู่เกาะริเยา ในประเทศอินโดนีเซีย โดยการแสดงมะโย่ง เป็นศิลปะการร่ายรำที่ผสมผสานทางพิธีกรรม ความเชื่อ การละคร นาฏศิลป์ และดนตรีเข้าด้วยกัน ปัจจุบันการแสดงมะโย่งกำลังขาดผู้สืบทอด ในมาเลเซียมะโย่งเป็นการแสดงที่ถูกห้ามโดยพรรคอิสลามแห่งมาเลเซีย เพราะความที่แฝงความเชื่องของลัทธิวิญญาณนิยม (animism) และรากเหง้าความเชื่อฮินดู-พุทธดั้งเดิมของชาวมลายู ก่อนที่จะเปลี่ยนไปนับถืออิสลาม นอกจากนี้การเข้ามาของสื่อวิทยุโทรทัศน์ก็ทำให้การแสดงมะโย่งหมดความสำคัญลงไป อย่างไรก็ตามประเทศไทยได้เล็งเห็นความสำคัญของการแสดงมะโย่งในฐานะศิลปะพื้นบ้านของชาวไทยมลายู ทางมหาวิทยาลัยราชภัฎยะลาจึงได้มีการฟื้นฟู และให้นักศึกษาได้ศึกษาและค้นหาความรู้และค้นหาความรู้ เพื่อนำมาปฏิบัติจริง โดย มะโย่ง หรือ เมาะโย่ง มีลีลาคล้ายคลึงกับมโนราห์มาก แสดงเพื่อความบันเทิง และเพื่อใช้แก้บนหรือสะเดาะเคราะห์ ในปี ค.ศ. 2005, องค์กรยูเนสโกประกาศรับรองให้มะโย่งเป็น "หนึ่งในศิลปะชั้นเอกในทางมุขปาถะ และสมบัติที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ"ประวัติ ประวัติ. ความเป็นมาของมะโย่งนั้นคงได้รับการถ่ายทอดวิธีการเล่นจาก แหล่งเดียวกันกับละครรำของไทย ซึ่งสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ กล่าวว่า “ละครรำไทยมี 3 อย่าง ละครชาตรีหรือมโนรา 1 ละครใน 1 ละครนอก 1 ไทยได้รับมาจากอินเดียเช่นเดียวกับพม่า ละครพม่าที่เล่นกันในพื้นเมือง (ปี พ.ศ. 2434) กระบวน การเล่นเป็นอย่างเดียวกับละคร (มโนรา) ชาตรีของไทยเรา คือ ตัวละครมีแต่นายโรง 1 นางตัว 1 จำอวดตัว 1 ตัวละครขับร้องเอง มีลูกคู่และปี่พาทย์รับ” ที่รัฐเกรละทางตอนใต้ของประเทศอินเดียยังมีการแสดงละครเร่อยู่แบบหนึ่งมีชื่อเรียกว่า ยาตรี หรือ ชาตรี ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นต้นกำเนิดของโนราและมะโย่ง โดยสำหรับในประเทศไทย เรื่องราวเกี่ยวกับมะโย่ง โดยเชื่อว่าต้นกำเนิดของมะโย่งอยู่ที่ปัตตานี โดยมีข้อสันนิษฐานแตกต่างกันไป ดังนี้- เชื่อกันว่ามะโย่งเป็นการแสดงที่เกิดจากในเมืองปัตตานี ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นวัฒนธรรมพุทธ-พราหมณ์ เนื่องจากเป็นการแสดงออกของวัฒธรรมความเชื่อดั้งเดิมของชาวปัตตานี โดยไม่มีอิทธิพลภายนอกของอิสลามเข้ามาปะปน ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้เชื่อว่ามะโย่งน่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่า 800 ปี โดยเกิดขึ้นในปัตตานีก่อน จากนั้นจึงแพร่หลายไปทางกลันตัน ตามตำนานเชื่อกันว่าเป็นระบำในพิธีบูชาข้าว - พิจารณาจากรูปศัพท์ ซึ่งกล่าวว่า คำว่า มะโย่ง หรือ เมาะโย่ง มาจากคำว่า มัคฮียัง (MAKHIANG) แปลว่า พระแม่โพสพ เนื่องจากพิธิทำขวัญข้าวในนาของชาวมุสลิมในสมัยโบราณนั้น จะมีหมอผู้ทำพิธีทรงวิญญาณพระแม่โพสพเป็นการแสดงความกตัญญูที่พระแม่โพสพมีเมตตาประทานน้ำนมมาให้เป็นเมล็ดข้าว เพื่อเป็นโภชนาหารของมนุษย์ ตลอดทั้งเพื่อขอความสมบูรณ์พูนสุข ความสวัสดิมงคลให้บังเกิดแก่ชาวบ้านทั้งหลาย ในพิธีจะมีการร้องรำบวงสรวงด้วย ซึ่งในภายหลังได้วิฒนาการมาเป็นละครที่เรียกว่า มะโย่ง หรือ เมาะโย่ง มีการร้องรำและมีดนตรีประกอบ - เมาะโย่งเป็นการแสดงที่ได้รับอิทธิพลมาจากชวาตั้งแต่ครั้งโบราณแล้วเป็นที่นิยม จนแพร่หลายในหมู่ชาวไทยมุสลิมในบริเวณสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และได้อธิบายเพิ่มเติมโดยกล่าวถึงที่มาของคำว่ามะโย่ง คำว่า มะ หรือ เมาะ แปลว่า แม่ ส่วน โย่ง หรือโยง เป็นพระนามของเจ้าหญิงพระองค์หนึ่งแห่งชวา จึงชวนให้สันนิษฐานต่อไปได้ว่า เหตุที่เรียกละครประเภทนี้ว่า มะโย่ง อาจเป็นตัวพระ จึงเรียกกันโดยใช้คำว่า มะ หรือ เมาะนำหน้าเครื่องดนตรี นิยมใช้กันอยู่ 3 ชนิด คือ รือบับ จำนวน 1-2 คน กลองแขก 3 หน้า จำนวน 2 ใบ และฆ้องใหญ่เสียงทุ้มแหลมอย่างละใบ มะโย่งบางคณะยังมีเครื่องดนตรีอีก 2 ชิ้น คือ กอเลาะ (กรับ) จำนวน 1 คู่ และจือแระ จำนวน 3-4 อัน (จือแระ ทำด้วยไม้ไผ่ยาวประมาณ 16–18 นิ้วใช้ตี) อย่างไรก็ตาม การแสดงมะโย่งได้ปรากฏเป็นหลักฐานครั้งแรกในปี พ.ศ. 2155 ความว่า “เมื่อปี 2155 ชาวยุโรปคนหนึ่งชื่อ ปีเตอร์ ฟลอเรส ได้รับเชิญจากนางพญาตานี หรือเจ้าเมืองปัตตานีสมัยนั้นให้ไปร่วมเป็น เกียรติในงานเลี้ยงต้อนรับสุลต่านรัฐปาหัง งานดังกล่าวปีเตอร์เล่าว่า มีการละเล่นอย่างหนึ่ง ลักษณะการแสดงคล้ายนาฏศิลป์ชวา ผู้แสดงแต่งกายแปลกน่าดูมาก ศิลปะดังกล่าวคงหมายถึงมะโย่ง ซึ่งส่วนใหญ่จัดแสดงในงานเพื่อให้อาคันตุกะ ได้ชม” มะโย่งเข้าไปเล่นในกรุงเทพฯ ตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีอยู่โรงหนึ่งแสดงดีเป็นที่นิยมของผู้ดู เรียกกันว่า ละครตาเสือ ตัวตาเสือเป็นนายโรง เล่นตามแบบละครมายง แต่งตัวเป็นมลายู ร้องเป็นภาษามลายู แต่เจรจาเป็นภาษาไทย ชอบเล่นเรื่องอิเหนาใหญ่ ละครตาเสือเล่นมาจนถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตัวละคร ตัวละคร. ผู้แสดงมะโย่งคณะหนึ่งมีประมาณ 20-30 คน เป็นลูกคู่เล่นดนตรี 5-7 คน นอกนั้นเป็นผู้แสดงและเป็นผู้ช่วยผู้แสดงบ้าง ผู้แสดงหรือตัวละครสำคัญมีอยู่ 4 ตัวคือ1. ปะโย่ง หรือ เปาะโย่ง แสดงเป็นพระเอกในฐานะเป็นกษัตริย์หรือเจ้าชาย ใช้ผู้หญิงรูปร่างนางแบบ หน้าตาสะสวย ขับกลอนเก่ง น้ำเสียงดีเป็นผู้แสดงแต่งกายด้วยกางเกงขายาว นุ่งโสร่งพับครึ่งท่อนความยาวเหนือเข่า สวมเสื้อคอกลมแขนสั้น สวมมงกุฏ (กอฏอ) กรองคอ (ลา) เหน็บกริช และถือมีดทวายหรือไม้เรียวอันหนึ่งเพื่อไว้ตีหัวเสนา 2. มะโย่ง หรือ เมาะโย่ง แสดงเป็นนางเอกมีฐานะเป็นเจ้าหญิงหรือสาวชาวบ้าน การแต่งกายจะเปลี่ยนไปตามฐานะ ถ้าเป็นสาวชาวบ้านจะนุ่งผ้าโสร่งยาวกรอมเท้า สวมเสื้อเข้ารูป ถ้ามีฐานะเป็นเจ้าหญิงจะสวมมงกุฏ มีสร้อยข้อมือ กำไลเท้าและสวมแหวนหลายวง 3. ปืนรันมูดอ แสดงเป็นตัวตลกตัวที่ 1 มีฐานะเป็นเสนาหนุ่มคนสนิทของเปาะโย่ง 4. ปืนรันตูวอ แสดงเป็นตัวตลกตัวที่ 2 มีฐานะเป็นเสนาอาวุโส คนสนิทตัวรองของเปาะโย่ง สนิทสนมกับปือรันมูดอ และเป็นตัวคอยที่คอยสนับสนุนให้ปีรันมูดอสามารถตลกจี้เส้นได้มากขึ้น การแต่งกายของปือรันมูดอและปืนรันตูวอ คือนุ่งกางเกงขายาว สวมเสื้อแขนยาวคอตั้ง นุ่งผ้าทับแค่เข่าโพกศีรษะหรือสวมหมากซอเกาะองค์ประกอบในการแสดงเวลาที่ใช้แสดง องค์ประกอบในการแสดง. เวลาที่ใช้แสดง. เมาะโย่งเป็นละครของชาวไทยมุสลิมภาคใต้นิยมกันมากในอดีตจัดแสดงเมื่อมีงานมงคลต่างๆ ของชาวพื้นเมืองเช่น งานมงคลสมรส (มาแกปูโละ) เข้าสุนัต (มะโซะยาวี) เมาลิด ฮารีรายอ การแก้บน (บายากาโอล) การสะเดาะเคราะห์ และพิธีกรรมบูชาขวัญข้าว (ปูยอมือแน) หรือบางครั้งแม้ไม่มีงานบุญก็อาจจะหามาเล่นเพื่อความบันเทิงในหมู่บ้านก็ได้ หรือตามที่เจ้างานรับไปแสดง ปกติแสดงในเวลากลางคืนโดยเริ่มแสดงราว 19 นาฬิกา เลิกเวลาประมาณ 1 นาฬิกาโรงแสดง โรงแสดง. โรงหรือเวทีแสดง (ปาฆง) ปัจจุบันโรงมะโย่งปลูกยกพื้นเตี้ยๆเป็นเพิงหมาแหงน (บาไล) ยกพื้นสูงประมาณ 1 เมตร กว้าง 5-6 เมตร ยาว 8 -10 เมตร จากท้ายโรงประมาณ 1-2 เมตร จะกั้นฝา 3 ด้าน คือ ด้านท้ายกับด้านข้างทั้งสอง ด้านหน้าใช้ฉากปิดกั้นให้มีช่องออกหน้าโรงได้ เนื้อที่ด้านท้ายโรงใช้เป็นที่แต่งกายเก็บของและพักผ่อนนอนหลับ ด้านหน้าโรงเป็นโล่งทั้ง 3 ด้าน จากพื้นถึงหลังคาด้านหน้าสูงประมาณ 3.5 เมตร ชายหลังด้านหน้านี้จะมีระบายป้ายชื่อคณะอย่างโรงลิเกหรือโนรา ส่วนใต้ถุนโรงใช้เป็นที่พักหลับนอนไปด้วยการแต่งกาย การแต่งกาย. ตัวพระนุ่งกางเกงคล้ายสนับเพลา แบบเดียวกับโนรา มีผ้าโสร่งนุ่งทับบน สูงเลยเข่าขึ้นมาเล็กน้อย ศีรษะโพกผ้าสาปูตางัน สวมเสื้อแขนสั้นรัดรูป นิยมใช้ผ้าแพรสีหรือผ้ากำมะหยี่เป็นพื้น เหน็บกริชไว้ข้างสะเอว มือถือมัดหวาย ส่วนตัวนางนุ่งผ้าปาเต๊ะ ลวดลายหลากสี สวมเสื้อกะบายอแขนยาว ใช้ผ้าสีดอกดวงเด่นๆ และมีผ้าสไบคล้องคอห้อยชายลงมาข้างแขน ผมเกล้ามวย มีดอกไม้ทัดหูและสอดแซมผม ส่วนตัวตลก หรือ พราน นุ่งโสร่งไม่สวมเสื้อ ใช้ผ้าขาวม้าคาดท้องและพาดบ่า มีมีด (ปีซาโกล้ด) เหน็บสะเอว สวมหน้ากากหรือตอแปง ส่วนตัวพี่เลี้ยง นางกำนัล นุ่งผ้าปาเต๊ะ สวมเสื้อกะบายอแขนยาวเป็นผ้าธรรมดาเครื่องดนตรี เครื่องดนตรี. เครื่องดนตรีของมะโย่งนั้นมีกลองแขกหรือกลองมลายู 2 ใบ ฆ้องใหญ่ (ตาเวาะ)เสียงทุ้มและแหลมอย่างละใบ ซองา (รือบะ) สำหรับสีคลอเสียงร้องของเมาะโย่ง 1 คัน ปี่ (ซูนู) 1 เลา บางคณะมีเครื่องคนตรีอีก 2 ชนิด คือ กรับ (กอเลาะ) และท่อนไม้ไผ่ยาวประมาณ 16-18 นิ้ว (จือเระ) ใช้ตีธรรมเนียมการแสดง ธรรมเนียมการแสดง. ก่อนเริ่มแสดงจะมีพิธีเบิกโรง เรียกว่า บูกอปาฆง มะโย่งแต่ละคณะจะมี บอมอ หรือ หมอ ประจำอย่างน้อยคณะละ 1 คน บอมอเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางไสยศาสตร์ไว้ป้องกันและแก้เวทมนตร์คาถาที่คู่ต่อสู้ส่งมาทำลายเวลาเล่นประชันโรง และไว้ทำพิธีไหว้ครูบูชาเทพาอารักษ์ วันแรกของการแสดง ผู้จัดงานต้องจัดเครื่องบัตรพลี มีหมาก พลู บุหรี่ ด้ายดิบ ข้าวสาร กำยาน น้ำ เทียน และกล้วยตานี พร้อมด้วยเงินค่ากำนัลจำนวน 30 บาท มามอบให้นายโรงมะโย่งเพื่อทำพิธีเบิกโรง พิธีเริ่มด้วยผู้แสดงและคนเล่นดนตรีเข้ามานั่งล้อมกันเป็นวงกลม หมอผู้ทำพิธีนั่งกลางวงหันหน้าไปทางทิศตะวันออก หยิบผงกำยานพโรยลงในภาชนะที่บรรจุถ่านไฟซึ่งกำลังคุอยู่จนกลิ่นและควันกำยานพุ่งขึ้น หมอยกภาชนะที่บรรจุเครื่องบัตรพลีเวียนไปรอบๆ เปลวควัน 3 รอบ แล้วกล่าวคาถาบวงสรวงพระภูมิเทวา จบแล้วจุดเทียนนำไปติดที่เสาโรงด้านทิศตะวันออกและเสากลางโรง ตลอดถึงเครื่องประโคมอื่นๆ เฉพาะซอและฆ้อง นอกจากติดเทียนบูชาแล้ว จะต้องนำกล้วยตานีไปเซ่นบวงสรวงด้วย มะโย่งถือว่าซอและฆ้องเป็นหลัก เป็นประธานของดนตรี จากนั้นก็บรรเลงเพลงโหมโรง เสร็จจากเบิกโรง คนซอจะออกมานั่งกลางเวที ตัวพระ ตัวนาง และพี่เลี้ยง นั่งเป็นแถวครึ่งวงกลมหันหน้าเข้าหาคนซอ และขับร้องคลอกับเสียงซอ แล้วลุกขึ้นเดินร่ายรำและร้องเพลงไปรอบๆ เวที ทำนองการรำเบิกโรง หลังจากนั้นตัวละครก็จะกลับไปนั่งรอคอยบทบาทที่ตนจะต้องแสดงอยู่ข้างขอบเวที คงเหลือแต่ตัวมะโย่งยืนขับร้องและเจรจาแนะนำตัวให้ผู้ชมทราบว่าเป็นผู้ใด อยู่ทีไหน กำลังจะทำอะไรในท้องเรื่อง จากนั้นตัวมะโย่งเรียกตัวตลกหรือเสนาให้ออกมา แล้วพูดจาเรื่อยเปื่อยไปด้วยถ้อยคำที่ขบขัน จากนั้นก็แสดงนิยายที่ได้เตรียมมาเรื่องที่ทำการแสดง เรื่องที่ทำการแสดง. เรื่องที่มะโย่งนิยมแสดง มักเป็นนิยายเก่าแก่ เกี่ยวกับความรักของชายหนุ่ม-หญิงสาว เช่น รายอมูดอ ลือแมะ, รอยอ ซันแซนา, รายอดอละเวง, รายอมูดอ ปีแน, มาโวะ แดวอ ปีเจ, รายอ กอแน, แดแว มูดอ, อาเนาะรายอ กันตัง, บงซู สตี, กาเด็ง บูเวาะ ตีฆัง, ปุตรีตีมุง เป็นต้น
มะโย่งหรือเมาะโย่งเป็นการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยเชื้อสายใด
3342
{ "answer_end": [ 7142 ], "answer_start": [ 7134 ], "text": [ "บูกอปาฆง" ] }
315258
มะโย่ง มะโย่ง หรือ เมาะโย่ง (รูมี: Mak Yong, Mak Yung) เป็นการแสดงพื้นบ้านของชาวไทยเชื้อสายมลายูในแถบสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้แก่ จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และบางส่วนของจังหวัดสงขลา นอกจากนี้ยังมีการแสดงมะโย่งใน รัฐกลันตัน รัฐตรังกานู รัฐเกดะห์ และรัฐปะลิส ในประเทศมาเลเซีย และหมู่เกาะริเยา ในประเทศอินโดนีเซีย โดยการแสดงมะโย่ง เป็นศิลปะการร่ายรำที่ผสมผสานทางพิธีกรรม ความเชื่อ การละคร นาฏศิลป์ และดนตรีเข้าด้วยกัน ปัจจุบันการแสดงมะโย่งกำลังขาดผู้สืบทอด ในมาเลเซียมะโย่งเป็นการแสดงที่ถูกห้ามโดยพรรคอิสลามแห่งมาเลเซีย เพราะความที่แฝงความเชื่องของลัทธิวิญญาณนิยม (animism) และรากเหง้าความเชื่อฮินดู-พุทธดั้งเดิมของชาวมลายู ก่อนที่จะเปลี่ยนไปนับถืออิสลาม นอกจากนี้การเข้ามาของสื่อวิทยุโทรทัศน์ก็ทำให้การแสดงมะโย่งหมดความสำคัญลงไป อย่างไรก็ตามประเทศไทยได้เล็งเห็นความสำคัญของการแสดงมะโย่งในฐานะศิลปะพื้นบ้านของชาวไทยมลายู ทางมหาวิทยาลัยราชภัฎยะลาจึงได้มีการฟื้นฟู และให้นักศึกษาได้ศึกษาและค้นหาความรู้และค้นหาความรู้ เพื่อนำมาปฏิบัติจริง โดย มะโย่ง หรือ เมาะโย่ง มีลีลาคล้ายคลึงกับมโนราห์มาก แสดงเพื่อความบันเทิง และเพื่อใช้แก้บนหรือสะเดาะเคราะห์ ในปี ค.ศ. 2005, องค์กรยูเนสโกประกาศรับรองให้มะโย่งเป็น "หนึ่งในศิลปะชั้นเอกในทางมุขปาถะ และสมบัติที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ"ประวัติ ประวัติ. ความเป็นมาของมะโย่งนั้นคงได้รับการถ่ายทอดวิธีการเล่นจาก แหล่งเดียวกันกับละครรำของไทย ซึ่งสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ กล่าวว่า “ละครรำไทยมี 3 อย่าง ละครชาตรีหรือมโนรา 1 ละครใน 1 ละครนอก 1 ไทยได้รับมาจากอินเดียเช่นเดียวกับพม่า ละครพม่าที่เล่นกันในพื้นเมือง (ปี พ.ศ. 2434) กระบวน การเล่นเป็นอย่างเดียวกับละคร (มโนรา) ชาตรีของไทยเรา คือ ตัวละครมีแต่นายโรง 1 นางตัว 1 จำอวดตัว 1 ตัวละครขับร้องเอง มีลูกคู่และปี่พาทย์รับ” ที่รัฐเกรละทางตอนใต้ของประเทศอินเดียยังมีการแสดงละครเร่อยู่แบบหนึ่งมีชื่อเรียกว่า ยาตรี หรือ ชาตรี ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นต้นกำเนิดของโนราและมะโย่ง โดยสำหรับในประเทศไทย เรื่องราวเกี่ยวกับมะโย่ง โดยเชื่อว่าต้นกำเนิดของมะโย่งอยู่ที่ปัตตานี โดยมีข้อสันนิษฐานแตกต่างกันไป ดังนี้- เชื่อกันว่ามะโย่งเป็นการแสดงที่เกิดจากในเมืองปัตตานี ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นวัฒนธรรมพุทธ-พราหมณ์ เนื่องจากเป็นการแสดงออกของวัฒธรรมความเชื่อดั้งเดิมของชาวปัตตานี โดยไม่มีอิทธิพลภายนอกของอิสลามเข้ามาปะปน ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้เชื่อว่ามะโย่งน่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่า 800 ปี โดยเกิดขึ้นในปัตตานีก่อน จากนั้นจึงแพร่หลายไปทางกลันตัน ตามตำนานเชื่อกันว่าเป็นระบำในพิธีบูชาข้าว - พิจารณาจากรูปศัพท์ ซึ่งกล่าวว่า คำว่า มะโย่ง หรือ เมาะโย่ง มาจากคำว่า มัคฮียัง (MAKHIANG) แปลว่า พระแม่โพสพ เนื่องจากพิธิทำขวัญข้าวในนาของชาวมุสลิมในสมัยโบราณนั้น จะมีหมอผู้ทำพิธีทรงวิญญาณพระแม่โพสพเป็นการแสดงความกตัญญูที่พระแม่โพสพมีเมตตาประทานน้ำนมมาให้เป็นเมล็ดข้าว เพื่อเป็นโภชนาหารของมนุษย์ ตลอดทั้งเพื่อขอความสมบูรณ์พูนสุข ความสวัสดิมงคลให้บังเกิดแก่ชาวบ้านทั้งหลาย ในพิธีจะมีการร้องรำบวงสรวงด้วย ซึ่งในภายหลังได้วิฒนาการมาเป็นละครที่เรียกว่า มะโย่ง หรือ เมาะโย่ง มีการร้องรำและมีดนตรีประกอบ - เมาะโย่งเป็นการแสดงที่ได้รับอิทธิพลมาจากชวาตั้งแต่ครั้งโบราณแล้วเป็นที่นิยม จนแพร่หลายในหมู่ชาวไทยมุสลิมในบริเวณสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และได้อธิบายเพิ่มเติมโดยกล่าวถึงที่มาของคำว่ามะโย่ง คำว่า มะ หรือ เมาะ แปลว่า แม่ ส่วน โย่ง หรือโยง เป็นพระนามของเจ้าหญิงพระองค์หนึ่งแห่งชวา จึงชวนให้สันนิษฐานต่อไปได้ว่า เหตุที่เรียกละครประเภทนี้ว่า มะโย่ง อาจเป็นตัวพระ จึงเรียกกันโดยใช้คำว่า มะ หรือ เมาะนำหน้าเครื่องดนตรี นิยมใช้กันอยู่ 3 ชนิด คือ รือบับ จำนวน 1-2 คน กลองแขก 3 หน้า จำนวน 2 ใบ และฆ้องใหญ่เสียงทุ้มแหลมอย่างละใบ มะโย่งบางคณะยังมีเครื่องดนตรีอีก 2 ชิ้น คือ กอเลาะ (กรับ) จำนวน 1 คู่ และจือแระ จำนวน 3-4 อัน (จือแระ ทำด้วยไม้ไผ่ยาวประมาณ 16–18 นิ้วใช้ตี) อย่างไรก็ตาม การแสดงมะโย่งได้ปรากฏเป็นหลักฐานครั้งแรกในปี พ.ศ. 2155 ความว่า “เมื่อปี 2155 ชาวยุโรปคนหนึ่งชื่อ ปีเตอร์ ฟลอเรส ได้รับเชิญจากนางพญาตานี หรือเจ้าเมืองปัตตานีสมัยนั้นให้ไปร่วมเป็น เกียรติในงานเลี้ยงต้อนรับสุลต่านรัฐปาหัง งานดังกล่าวปีเตอร์เล่าว่า มีการละเล่นอย่างหนึ่ง ลักษณะการแสดงคล้ายนาฏศิลป์ชวา ผู้แสดงแต่งกายแปลกน่าดูมาก ศิลปะดังกล่าวคงหมายถึงมะโย่ง ซึ่งส่วนใหญ่จัดแสดงในงานเพื่อให้อาคันตุกะ ได้ชม” มะโย่งเข้าไปเล่นในกรุงเทพฯ ตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีอยู่โรงหนึ่งแสดงดีเป็นที่นิยมของผู้ดู เรียกกันว่า ละครตาเสือ ตัวตาเสือเป็นนายโรง เล่นตามแบบละครมายง แต่งตัวเป็นมลายู ร้องเป็นภาษามลายู แต่เจรจาเป็นภาษาไทย ชอบเล่นเรื่องอิเหนาใหญ่ ละครตาเสือเล่นมาจนถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตัวละคร ตัวละคร. ผู้แสดงมะโย่งคณะหนึ่งมีประมาณ 20-30 คน เป็นลูกคู่เล่นดนตรี 5-7 คน นอกนั้นเป็นผู้แสดงและเป็นผู้ช่วยผู้แสดงบ้าง ผู้แสดงหรือตัวละครสำคัญมีอยู่ 4 ตัวคือ1. ปะโย่ง หรือ เปาะโย่ง แสดงเป็นพระเอกในฐานะเป็นกษัตริย์หรือเจ้าชาย ใช้ผู้หญิงรูปร่างนางแบบ หน้าตาสะสวย ขับกลอนเก่ง น้ำเสียงดีเป็นผู้แสดงแต่งกายด้วยกางเกงขายาว นุ่งโสร่งพับครึ่งท่อนความยาวเหนือเข่า สวมเสื้อคอกลมแขนสั้น สวมมงกุฏ (กอฏอ) กรองคอ (ลา) เหน็บกริช และถือมีดทวายหรือไม้เรียวอันหนึ่งเพื่อไว้ตีหัวเสนา 2. มะโย่ง หรือ เมาะโย่ง แสดงเป็นนางเอกมีฐานะเป็นเจ้าหญิงหรือสาวชาวบ้าน การแต่งกายจะเปลี่ยนไปตามฐานะ ถ้าเป็นสาวชาวบ้านจะนุ่งผ้าโสร่งยาวกรอมเท้า สวมเสื้อเข้ารูป ถ้ามีฐานะเป็นเจ้าหญิงจะสวมมงกุฏ มีสร้อยข้อมือ กำไลเท้าและสวมแหวนหลายวง 3. ปืนรันมูดอ แสดงเป็นตัวตลกตัวที่ 1 มีฐานะเป็นเสนาหนุ่มคนสนิทของเปาะโย่ง 4. ปืนรันตูวอ แสดงเป็นตัวตลกตัวที่ 2 มีฐานะเป็นเสนาอาวุโส คนสนิทตัวรองของเปาะโย่ง สนิทสนมกับปือรันมูดอ และเป็นตัวคอยที่คอยสนับสนุนให้ปีรันมูดอสามารถตลกจี้เส้นได้มากขึ้น การแต่งกายของปือรันมูดอและปืนรันตูวอ คือนุ่งกางเกงขายาว สวมเสื้อแขนยาวคอตั้ง นุ่งผ้าทับแค่เข่าโพกศีรษะหรือสวมหมากซอเกาะองค์ประกอบในการแสดงเวลาที่ใช้แสดง องค์ประกอบในการแสดง. เวลาที่ใช้แสดง. เมาะโย่งเป็นละครของชาวไทยมุสลิมภาคใต้นิยมกันมากในอดีตจัดแสดงเมื่อมีงานมงคลต่างๆ ของชาวพื้นเมืองเช่น งานมงคลสมรส (มาแกปูโละ) เข้าสุนัต (มะโซะยาวี) เมาลิด ฮารีรายอ การแก้บน (บายากาโอล) การสะเดาะเคราะห์ และพิธีกรรมบูชาขวัญข้าว (ปูยอมือแน) หรือบางครั้งแม้ไม่มีงานบุญก็อาจจะหามาเล่นเพื่อความบันเทิงในหมู่บ้านก็ได้ หรือตามที่เจ้างานรับไปแสดง ปกติแสดงในเวลากลางคืนโดยเริ่มแสดงราว 19 นาฬิกา เลิกเวลาประมาณ 1 นาฬิกาโรงแสดง โรงแสดง. โรงหรือเวทีแสดง (ปาฆง) ปัจจุบันโรงมะโย่งปลูกยกพื้นเตี้ยๆเป็นเพิงหมาแหงน (บาไล) ยกพื้นสูงประมาณ 1 เมตร กว้าง 5-6 เมตร ยาว 8 -10 เมตร จากท้ายโรงประมาณ 1-2 เมตร จะกั้นฝา 3 ด้าน คือ ด้านท้ายกับด้านข้างทั้งสอง ด้านหน้าใช้ฉากปิดกั้นให้มีช่องออกหน้าโรงได้ เนื้อที่ด้านท้ายโรงใช้เป็นที่แต่งกายเก็บของและพักผ่อนนอนหลับ ด้านหน้าโรงเป็นโล่งทั้ง 3 ด้าน จากพื้นถึงหลังคาด้านหน้าสูงประมาณ 3.5 เมตร ชายหลังด้านหน้านี้จะมีระบายป้ายชื่อคณะอย่างโรงลิเกหรือโนรา ส่วนใต้ถุนโรงใช้เป็นที่พักหลับนอนไปด้วยการแต่งกาย การแต่งกาย. ตัวพระนุ่งกางเกงคล้ายสนับเพลา แบบเดียวกับโนรา มีผ้าโสร่งนุ่งทับบน สูงเลยเข่าขึ้นมาเล็กน้อย ศีรษะโพกผ้าสาปูตางัน สวมเสื้อแขนสั้นรัดรูป นิยมใช้ผ้าแพรสีหรือผ้ากำมะหยี่เป็นพื้น เหน็บกริชไว้ข้างสะเอว มือถือมัดหวาย ส่วนตัวนางนุ่งผ้าปาเต๊ะ ลวดลายหลากสี สวมเสื้อกะบายอแขนยาว ใช้ผ้าสีดอกดวงเด่นๆ และมีผ้าสไบคล้องคอห้อยชายลงมาข้างแขน ผมเกล้ามวย มีดอกไม้ทัดหูและสอดแซมผม ส่วนตัวตลก หรือ พราน นุ่งโสร่งไม่สวมเสื้อ ใช้ผ้าขาวม้าคาดท้องและพาดบ่า มีมีด (ปีซาโกล้ด) เหน็บสะเอว สวมหน้ากากหรือตอแปง ส่วนตัวพี่เลี้ยง นางกำนัล นุ่งผ้าปาเต๊ะ สวมเสื้อกะบายอแขนยาวเป็นผ้าธรรมดาเครื่องดนตรี เครื่องดนตรี. เครื่องดนตรีของมะโย่งนั้นมีกลองแขกหรือกลองมลายู 2 ใบ ฆ้องใหญ่ (ตาเวาะ)เสียงทุ้มและแหลมอย่างละใบ ซองา (รือบะ) สำหรับสีคลอเสียงร้องของเมาะโย่ง 1 คัน ปี่ (ซูนู) 1 เลา บางคณะมีเครื่องคนตรีอีก 2 ชนิด คือ กรับ (กอเลาะ) และท่อนไม้ไผ่ยาวประมาณ 16-18 นิ้ว (จือเระ) ใช้ตีธรรมเนียมการแสดง ธรรมเนียมการแสดง. ก่อนเริ่มแสดงจะมีพิธีเบิกโรง เรียกว่า บูกอปาฆง มะโย่งแต่ละคณะจะมี บอมอ หรือ หมอ ประจำอย่างน้อยคณะละ 1 คน บอมอเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางไสยศาสตร์ไว้ป้องกันและแก้เวทมนตร์คาถาที่คู่ต่อสู้ส่งมาทำลายเวลาเล่นประชันโรง และไว้ทำพิธีไหว้ครูบูชาเทพาอารักษ์ วันแรกของการแสดง ผู้จัดงานต้องจัดเครื่องบัตรพลี มีหมาก พลู บุหรี่ ด้ายดิบ ข้าวสาร กำยาน น้ำ เทียน และกล้วยตานี พร้อมด้วยเงินค่ากำนัลจำนวน 30 บาท มามอบให้นายโรงมะโย่งเพื่อทำพิธีเบิกโรง พิธีเริ่มด้วยผู้แสดงและคนเล่นดนตรีเข้ามานั่งล้อมกันเป็นวงกลม หมอผู้ทำพิธีนั่งกลางวงหันหน้าไปทางทิศตะวันออก หยิบผงกำยานพโรยลงในภาชนะที่บรรจุถ่านไฟซึ่งกำลังคุอยู่จนกลิ่นและควันกำยานพุ่งขึ้น หมอยกภาชนะที่บรรจุเครื่องบัตรพลีเวียนไปรอบๆ เปลวควัน 3 รอบ แล้วกล่าวคาถาบวงสรวงพระภูมิเทวา จบแล้วจุดเทียนนำไปติดที่เสาโรงด้านทิศตะวันออกและเสากลางโรง ตลอดถึงเครื่องประโคมอื่นๆ เฉพาะซอและฆ้อง นอกจากติดเทียนบูชาแล้ว จะต้องนำกล้วยตานีไปเซ่นบวงสรวงด้วย มะโย่งถือว่าซอและฆ้องเป็นหลัก เป็นประธานของดนตรี จากนั้นก็บรรเลงเพลงโหมโรง เสร็จจากเบิกโรง คนซอจะออกมานั่งกลางเวที ตัวพระ ตัวนาง และพี่เลี้ยง นั่งเป็นแถวครึ่งวงกลมหันหน้าเข้าหาคนซอ และขับร้องคลอกับเสียงซอ แล้วลุกขึ้นเดินร่ายรำและร้องเพลงไปรอบๆ เวที ทำนองการรำเบิกโรง หลังจากนั้นตัวละครก็จะกลับไปนั่งรอคอยบทบาทที่ตนจะต้องแสดงอยู่ข้างขอบเวที คงเหลือแต่ตัวมะโย่งยืนขับร้องและเจรจาแนะนำตัวให้ผู้ชมทราบว่าเป็นผู้ใด อยู่ทีไหน กำลังจะทำอะไรในท้องเรื่อง จากนั้นตัวมะโย่งเรียกตัวตลกหรือเสนาให้ออกมา แล้วพูดจาเรื่อยเปื่อยไปด้วยถ้อยคำที่ขบขัน จากนั้นก็แสดงนิยายที่ได้เตรียมมาเรื่องที่ทำการแสดง เรื่องที่ทำการแสดง. เรื่องที่มะโย่งนิยมแสดง มักเป็นนิยายเก่าแก่ เกี่ยวกับความรักของชายหนุ่ม-หญิงสาว เช่น รายอมูดอ ลือแมะ, รอยอ ซันแซนา, รายอดอละเวง, รายอมูดอ ปีแน, มาโวะ แดวอ ปีเจ, รายอ กอแน, แดแว มูดอ, อาเนาะรายอ กันตัง, บงซู สตี, กาเด็ง บูเวาะ ตีฆัง, ปุตรีตีมุง เป็นต้น
พิธีเบิกโรงของการแสดงพื้นบ้านชื่อว่ามะโย่งของชาวไทยเชื้อสายมลายูเรียกว่าอะไร
3343
{ "answer_end": [ 161 ], "answer_start": [ 154 ], "text": [ "ญี่ปุ่น" ] }
308242
สหพันธ์สาธารณรัฐอิรักในโอลิมปิกฤดูร้อน 1968 สหพันธ์สาธารณรัฐอิรัก เข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งที่ 19 ค.ศ. 1968 (พ.ศ. 2511) ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 12 ตุลาคม – 27 ตุลาคม พ.ศ. 2511
ประเทศอิรักเข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งที่ 19 ณ ประเทศใด
3344
{ "answer_end": [ 174 ], "answer_start": [ 158 ], "text": [ "มีนาคม ค.ศ. 1989" ] }
315792
องค์การอวกาศแคนาดา องค์การอวกาศแคนาดา ( หรือ CSA; หรือ ASC) เป็นหน่วยงานด้านกิจการอวกาศของรัฐบาลแคนาดา รับผิดชอบโครงการอวกาศของประเทศแคนาดา ก่อตั้งขึ้นในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1989 ภายใต้บทบัญญัติว่าด้วยองค์การอวกาศแคนาดา อนุมัติใช้งานเมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 1990 ประธานเจ้าหน้าที่บริหารขององค์การจะรายงานโดยตรงกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานใหญ่ของ CSA ตั้งอยู่ที่ศูนย์อวกาศจอห์น เอช. แชปแมน ที่เมืองเซนต์-ฮิวเบิร์ต รัฐควิเบก ประเทศแคนาดา และยังมีสำนักงานอยู่ในออตตาวา ออนตาริโอ ที่ศูนย์ปฏิบัติการเดวิด ฟลอริดา และมีสำนักงานเล็กๆ อยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี., กรุงปารีส ฝรั่งเศส, แหลมคานาเวอรัล ฟลอริดา และที่ฮูสตัน รัฐเท็กซัส องค์การมีพนักงานเพียง 575 คน และนักศึกษาฝึกงานที่หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันไปในแต่ละฤดูร้อนราว 100 คน พนักงานส่วนใหญ่ทำงานอยู่ที่ศูนย์แชปแมน
องค์การอวกาศแคนาดาก่อตั้งขึ้นเมื่อใด
3345
{ "answer_end": [ 270 ], "answer_start": [ 265 ], "text": [ "เซลล์" ] }
19453
เซลล์ เป็นสิ่งสวยงามเซล เซลล์ เซลส์ หรือ เซลล์ส เป็นคำที่เขียนทับศัพท์มาจากคำในภาษาอังกฤษ cell, cel, Cells, sale หรือ Zales- cell : หมายถึงหน่วยย่อยที่มีการกั้นขอบเขต (หรือห้อง) โดยทั่วไปเซลล์จะเป็นส่วนประกอบในโครงสร้างอื่น ๆ ที่ใหญ่กว่า ความหมายขึ้นอยู่กับบริบท - เซลล์ (ชีววิทยา) เป็นโครงสร้างหน่วยและหน่วยทำงานที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิต - เซลล์ ตัวละครในการ์ตูนเรื่องดราก้อนบอล - ภาพยนตร์เดอะเซลล์ - เซลล์ส (Cells) วงดนตรีในประเทศลาว- cel - เซล (cel) ย่อมาจากเซลลูลอยด์ (celluloid) เป็นแผ่นพลาสติกใสใช้ในการทำแอนิเมชัน - เซล (cel) ชื่อของโทนสีตามลักษณะของการวาดการ์ตูน- sale - การขายของลดราคา - พนักงานขาย (salesman)- Zales - เซลส์ (เครื่องประดับ) บริษัทขายเครื่องประดับขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาสำนักงานอยู่ที่เทกซัส
โครงสร้างหน่วยและหน่วยทำงานที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิตคืออะไร
3346
{ "answer_end": [ 47 ], "answer_start": [ 40 ], "text": [ "ตีนเป็ด" ] }
132896
พญาสัตบรรณ พญาสัตบรรณ หรือ สัตบรรณ หรือ ตีนเป็ด () เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่มีความสูงประมาณ 12-20 เมตร อยู่ในวงศ์ Apocynaceae มีถิ่นดั้งเดิมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพบได้ทุกภาคในประเทศไทย และเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดสมุทรสาครลักษณะ ลักษณะ. เปลือกหนาแต่เปราะ ผิวต้นมีสะเก็ดเล็ก ๆ สีขาวปนน้ำตาลกรีดดูจะมียางสีขาวลำต้นตรง แตกกิ่งก้านสาขามากลักษณะเป็นชั้น ๆ เปลือกชั้นในสีน้ำตาล มีน้ำยางสีขาว ใบเป็นกลุ่มบริเวณปลายกิ่งช่อหนึ่งมีใบประมาณ 5-7 ใบ ก้านใบสั้น แผ่นใบรูปรีแกมรูปขอบขนานถึงรูปหอกแกมรูปขอบขนาน หรือรูปมนแกมรูปบรรทัด ปลายใบเป็นติ่งเล็กน้อย ใบด้านบนมีสีเขียวเข้ม ด้านล่างมีสีขาวนวล ถ้าเด็ดก้านใบจะมียางสีขาว ลักษณะใบยาวรีปลายใบมนโคนใบแหลม ขนาดใบยาวประมาณ 10-12 เซนติเมตร ออกดอกสีเขียวอ่อนเป็นช่อตามปลายกิ่ง ปากท่อของกลีบดอกมีขนยาวปุกปุย ดอกมีกลิ่นฉุนรุนแรง สูดดมเพียงเล็กน้อยจะรู้สึกกลิ่นหอม หากสูดดมมากจะรู้สึกวิงเวียนศีรษะ ช่วงค่ำจะส่งกลิ่นแรงกว่าเวลาอื่น ๆ ดอกเป็นกลุ่มคล้ายดอกเข็มช่อหนึ่งจะมีกลุ่มดอกประมาณ 7 กลุ่ม ดอกมีสีขาวอมเหลือง ปกติจะออกดอกในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคมผลเป็นฝักยาว ฝักคู่หรือเดี่ยว ลักษณะเป็นเส้นๆ กลมเรียวยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร เมื่อแก่จะแตก มีขุยสีขาวคล้ายฝ้ายปลิวไปตามลมได้ในฝักมีเมล็ดเล็กๆ ติดอยู่กับขุยนั้นต้นไม้ประจำจังหวัด ต้นไม้ประจำจังหวัด. สัตบรรณ ถือเป็นไม้มงคลของจังหวัดสมุทรสาคร เนื่องจากเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พุทธศักราช 2537 ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้รับพระราชทานพันธุ์ไม้ดังกล่าวจากสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสที่เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานเปิดวันรณรงค์โครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ ปีที่ 50 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และเพื่อความเป็นศิริมงคลของประชาชนชาวจังหวัดสมุทรสาครผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครจึงได้นำพันธุ์ไม้สัตบรรณพระราชทานมาปลูกเป็นปฐมฤกษ์ ในกิจกรรมวันปลูกต้นไม้ตาม โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2537 ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร จึงถือได้ว่าต้นสัตบรรณเป็นต้นไม้มงคลของจังหวัดสมุทรสาคร นอกจากนี้ต้นพญาสัตบรรณยังเป็นต้นไม้ประจำเขตพญาไท ในกรุงเทพมหานครอีกด้วยการใช้ประโยชน์ การใช้ประโยชน์. ในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใช้เปลือกต้นพญาสัตบรรณรักษาโรคบิด ลำไส้ติดเชื้อ และมาลาเรีย ใบใช้ในการรักษาโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง ในประเทศอินเดียมีการนำส่วนต่างๆ ของต้น พญาสัตบรรณมาใช้เป็นพืชสมุนไพรเช่นใช้เป็นยาสมุนไพรรักษาโรคมาลาเรียในชื่อ Ayush-64 ซึ่งมีขายตามท้องตลาด นำยางสีขาวและใบรักษาแผล แผลเปื่อย และอาการปวดข้อ นอกจากนี้ ต้นพญาสัตบรรณยังเป็นแหล่งของสารอัลคาลอยด์ที่สาคัญ ในบอร์เนียว นำเนื้อไม้ไปทำทุ่นของแหและอวน พญาสัตบรรณเป็นพืชที่มีฤทธิ์ทางอัลลีโลพาที สารสกัดจากใบสามารถยับยั้งการเจริญของคะน้าได้ สารสกัดจากเปลือกลำต้นสามารถยับยั้งการเจริญของข้าว ข้าวโพด คะน้า ถั่วเขียวผิวดำ ถั่วเขียวผิวมันได้
ต้นพญาสัตบรรณมีอีกชื่อว่าอะไร
3348
{ "answer_end": [ 221 ], "answer_start": [ 212 ], "text": [ "สมุทรสาคร" ] }
132896
พญาสัตบรรณ พญาสัตบรรณ หรือ สัตบรรณ หรือ ตีนเป็ด () เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่มีความสูงประมาณ 12-20 เมตร อยู่ในวงศ์ Apocynaceae มีถิ่นดั้งเดิมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพบได้ทุกภาคในประเทศไทย และเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดสมุทรสาครลักษณะ ลักษณะ. เปลือกหนาแต่เปราะ ผิวต้นมีสะเก็ดเล็ก ๆ สีขาวปนน้ำตาลกรีดดูจะมียางสีขาวลำต้นตรง แตกกิ่งก้านสาขามากลักษณะเป็นชั้น ๆ เปลือกชั้นในสีน้ำตาล มีน้ำยางสีขาว ใบเป็นกลุ่มบริเวณปลายกิ่งช่อหนึ่งมีใบประมาณ 5-7 ใบ ก้านใบสั้น แผ่นใบรูปรีแกมรูปขอบขนานถึงรูปหอกแกมรูปขอบขนาน หรือรูปมนแกมรูปบรรทัด ปลายใบเป็นติ่งเล็กน้อย ใบด้านบนมีสีเขียวเข้ม ด้านล่างมีสีขาวนวล ถ้าเด็ดก้านใบจะมียางสีขาว ลักษณะใบยาวรีปลายใบมนโคนใบแหลม ขนาดใบยาวประมาณ 10-12 เซนติเมตร ออกดอกสีเขียวอ่อนเป็นช่อตามปลายกิ่ง ปากท่อของกลีบดอกมีขนยาวปุกปุย ดอกมีกลิ่นฉุนรุนแรง สูดดมเพียงเล็กน้อยจะรู้สึกกลิ่นหอม หากสูดดมมากจะรู้สึกวิงเวียนศีรษะ ช่วงค่ำจะส่งกลิ่นแรงกว่าเวลาอื่น ๆ ดอกเป็นกลุ่มคล้ายดอกเข็มช่อหนึ่งจะมีกลุ่มดอกประมาณ 7 กลุ่ม ดอกมีสีขาวอมเหลือง ปกติจะออกดอกในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคมผลเป็นฝักยาว ฝักคู่หรือเดี่ยว ลักษณะเป็นเส้นๆ กลมเรียวยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร เมื่อแก่จะแตก มีขุยสีขาวคล้ายฝ้ายปลิวไปตามลมได้ในฝักมีเมล็ดเล็กๆ ติดอยู่กับขุยนั้นต้นไม้ประจำจังหวัด ต้นไม้ประจำจังหวัด. สัตบรรณ ถือเป็นไม้มงคลของจังหวัดสมุทรสาคร เนื่องจากเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พุทธศักราช 2537 ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้รับพระราชทานพันธุ์ไม้ดังกล่าวจากสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสที่เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานเปิดวันรณรงค์โครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ ปีที่ 50 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และเพื่อความเป็นศิริมงคลของประชาชนชาวจังหวัดสมุทรสาครผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครจึงได้นำพันธุ์ไม้สัตบรรณพระราชทานมาปลูกเป็นปฐมฤกษ์ ในกิจกรรมวันปลูกต้นไม้ตาม โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2537 ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร จึงถือได้ว่าต้นสัตบรรณเป็นต้นไม้มงคลของจังหวัดสมุทรสาคร นอกจากนี้ต้นพญาสัตบรรณยังเป็นต้นไม้ประจำเขตพญาไท ในกรุงเทพมหานครอีกด้วยการใช้ประโยชน์ การใช้ประโยชน์. ในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใช้เปลือกต้นพญาสัตบรรณรักษาโรคบิด ลำไส้ติดเชื้อ และมาลาเรีย ใบใช้ในการรักษาโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง ในประเทศอินเดียมีการนำส่วนต่างๆ ของต้น พญาสัตบรรณมาใช้เป็นพืชสมุนไพรเช่นใช้เป็นยาสมุนไพรรักษาโรคมาลาเรียในชื่อ Ayush-64 ซึ่งมีขายตามท้องตลาด นำยางสีขาวและใบรักษาแผล แผลเปื่อย และอาการปวดข้อ นอกจากนี้ ต้นพญาสัตบรรณยังเป็นแหล่งของสารอัลคาลอยด์ที่สาคัญ ในบอร์เนียว นำเนื้อไม้ไปทำทุ่นของแหและอวน พญาสัตบรรณเป็นพืชที่มีฤทธิ์ทางอัลลีโลพาที สารสกัดจากใบสามารถยับยั้งการเจริญของคะน้าได้ สารสกัดจากเปลือกลำต้นสามารถยับยั้งการเจริญของข้าว ข้าวโพด คะน้า ถั่วเขียวผิวดำ ถั่วเขียวผิวมันได้
ต้นพญาสัตบรรณเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดใดในประเทศไทย
3349
{ "answer_end": [ 577 ], "answer_start": [ 573 ], "text": [ "2500" ] }
789087
สมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรบริหารหลักระดับประเทศสำหรับกีฬามวยอาชีพในประเทศไทย องค์กรนี้ทำหน้าที่จัดอันดับนักมวยแชมป์ประเทศไทย และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างบุคคลในวงการมวยอีกด้วยประวัติ ประวัติ. สมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย เกิดจากการรวมตัวของบุคคลในวงการมวยเมื่อปี พ.ศ. 2499 เพื่อการส่งเสริมและร่วมมือกันระหว่างบุคคลในวงการมวย โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกและให้การสนับสนุนหัวหน้าคณะ โดยมีผู้ร่วมก่อตั้งแรกเริ่ม 3 คน ได้แก่ นายมนตรี สุขสะอาด นายฉลาด วงษ์ชีพ และนายสว่าง พินิจศักดิ์ และจดทะเบียนจัดตั้ง เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2500 มีสำนักงานแรกเริ่ม ณ 147 ถนนประชาธิปไตย อำเภอพระนคร จังหวัดพระนคร (เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ในปัจจุบัน) โดยนายสว่าง พินิจศักดิ์ เป็นนายกสมาคมคนแรกนายกสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทยนายกสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย. 1. นายสว่าง พินิจศักดิ์ (พ.ศ. 2500 - ไม่ทราบข้อมูล) 2. นายสังเวียน หิรัญเลขา (ไม่ทราบข้อมูล - พ.ศ. 2514 3. จ่าสิบตรีชัยวัฒน์ จตุวัฒน์ (พ.ศ. 2514 - ไม่ทราบข้อมูล) 4. นายชัยวัฒน์ พลีวัฒนะกิจ (ไม่ทราบข้อมูลการดำรงตำแหน่ง) 5. นายแคล้ว ธนิกุล (ไม่ทราบข้อมูล - พ.ศ. 2534) 6. นายสมชาติ เจริญวัชรวิทย์ (พ.ศ.2534 - ปัจจุบัน)ผลงานสำคัญของสมาคมฯผลงานสำคัญของสมาคมฯ. 1. ผลักดันให้มีการตราพระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ. 2542 เพื่อใช้บังคับและสร้างหลักประกันสำหรับนักมวยและคนในวงการมวย 2. จัดตั้ง สหพันธ์มวยไทยอาชีพโลก เพื่อเป็นองค์กรมวยไทยในระดับโลก 3. เป็นองค์กรกลางในการจัดอันดับนักมวยแชมป์ประเทศไทยดูเพิ่มเติมดูเพิ่มเติม. - สหพันธ์มวยไทยอาชีพโลก
สมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทยจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อปี พ.ศ. ใด
3350
{ "answer_end": [ 90 ], "answer_start": [ 86 ], "text": [ "2551" ] }
181963
สวย สิงห์ กระทิง แซ่บ สวย สิงห์ กระทิง แซ่บ เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกเมื่อ 24 มกราคม พ.ศ. 2551 กำกับโดย พิสุทธิ์ แพร่แสงเอี่ยม ทำรายได้รวม 5.5 ล้านบาทนักแสดงนักแสดง. - สุวนันท์ คงยิ่ง แสดงเป็น ดาว - วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ แสดงเป็น แอ็ด - ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ แสดงเป็น ป็อด - จรัสพงษ์ สุรัสวดี แสดงเป็น บรรหาร - เกริก ชิลเลอร์ แสดงเป็น เฮง - วิชัย จงประสิทธิพร แสดงเป็น หมวดสิน - อชิตะ ธนาศาสตนันท์ แสดงเป็น ผู้กอง - ค่อม ชวนชื่น แสดงเป็น ลุงวัตร - แบล็ค ผมทอง แสดงเป็น พ่อของดาว - สายัณห์ ดอกสะเดา แสดงเป็น เจ้าของแฟลต - แจ็ค เชิญยิ้ม แสดงเป็น แจ็ค
ภาพยนตร์ไทยเรื่อง สวย สิงห์ กระทิง แซ่บ ออกฉายเมื่อปี พ.ศ. ใด
3351
{ "answer_end": [ 122 ], "answer_start": [ 100 ], "text": [ "พิสุทธิ์ แพร่แสงเอี่ยม" ] }
181963
สวย สิงห์ กระทิง แซ่บ สวย สิงห์ กระทิง แซ่บ เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกเมื่อ 24 มกราคม พ.ศ. 2551 กำกับโดย พิสุทธิ์ แพร่แสงเอี่ยม ทำรายได้รวม 5.5 ล้านบาทนักแสดงนักแสดง. - สุวนันท์ คงยิ่ง แสดงเป็น ดาว - วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ แสดงเป็น แอ็ด - ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ แสดงเป็น ป็อด - จรัสพงษ์ สุรัสวดี แสดงเป็น บรรหาร - เกริก ชิลเลอร์ แสดงเป็น เฮง - วิชัย จงประสิทธิพร แสดงเป็น หมวดสิน - อชิตะ ธนาศาสตนันท์ แสดงเป็น ผู้กอง - ค่อม ชวนชื่น แสดงเป็น ลุงวัตร - แบล็ค ผมทอง แสดงเป็น พ่อของดาว - สายัณห์ ดอกสะเดา แสดงเป็น เจ้าของแฟลต - แจ็ค เชิญยิ้ม แสดงเป็น แจ็ค
ใครคือผู้กำกับภาพยนตร์ไทยเรื่อง สวย สิงห์ กระทิง แซ่บ
3352
{ "answer_end": [ 118 ], "answer_start": [ 114 ], "text": [ "2412" ] }
187973
เหรียญรัตนาภรณ์ เหรียญรัตนาภรณ์ เป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์อันเป็นบำเน็จในพระองค์พระมหากษัตริย์ สถาปนาขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2412 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สำหรับพระราชทานผู้ที่ทำความดีความชอบทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน ทั้งส่วนราชการและส่วนพระองค์ เดิมชื่อ เหรียญรจนาภรณ์ และเปลี่ยนชื่อเป็นเหรียญรัตนาภรณ์ ในปี พ.ศ. 2416 เหรียญรัตนาภรณ์ มีลำดับชั้นทั้งหมด 5ชั้น มีหลักเกณฑ์ในการรับพระราชทานดังนี้ ชั้นที่ 1และ 2 มักจะพระราชทานให้ พระราชวงศ์ , ขุนนางข้าราชการชั้นสูงที่ถวายงานใกล้ชิดและทรงสนิทสนมเป็นพิเศษ , นายกรัฐมนตรี , รัฐมนตรี , ประธานองคมนตรี , องคมนตรี ฯลฯ ชั้นที่ 3 และ 4 พระราชทานให้ ขุนนางช้าราชการชั้นสูงที่ถวายงานใกล้ชิด , ข้าราชบริพารที่ทรงสนิทสนม , พระอนุวงศ์และราชนิกุล ฯลฯ ชั้นที่ 5 พระราชทานให้ ผู้ที่ทำความดีความชอบทั้งส่วนราชการหรือส่วนพระองค์ , ผู้ที่สร้างชื่อเสียงคุณงามความดีให้กับประเทศ ฯลฯ แต่ทั้งนี้การพระราชทานขึ้นอยู่กับพระราชอัธยาศัยส่วนพระองค์ บุคคลที่มียศตำแหน่งตามที่ระบุอาจได้รับพระราชทานชั้นที่สูงหรือต่ำกว่านี้ ก็สุดแท้แต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯประวัติ ประวัติ. เหรียญรัตนาภรณ์เป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์ที่สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. 2412 สำหรับพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบในพระองค์และในการช่าง เดิมชื่อ "เหรียญรจนาภรณ์" ซึ่งเป็นชั้นที่1 และ เหรียญบุษปมาลาซึ่งเป็นชั้นที่2 ภายหลังจากการการตราพระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. 2416 จึงเปลี่ยนชื่อเป็น "เหรียญรัตนาภรณ์" แต่การสถาปนาเหรียญรัตนาภรณ์ในครั้งนั้นก็ไม่ได้พระราชทานให้ผู้ใดมากกว่า 20 ปี จนกระทั่ง พ.ศ. 2444 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปรารภถึงเจ้านายและข้าราชการ ซึ่งตามเสด็จประพาสเกาะชวาต้องลำบากกรากกรำ เพื่อช่วยกันพยาบาลสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมขุนนครราชสีมา ซึ่งประชวรหนักอยู่เกือบเดือน พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเหรียญรัตนาภรณ์ขึ้นใหม่ โดยให้แบ่งออกเป็น 5 ขั้น เพื่อพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบแก่ผู้โดยเสด็จในครั้งนั้นทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน และพระราชทานแก่ผู้อื่นเป็นบำเหน็จความชอบอย่างอื่นต่อมา ในปี พ.ศ. 2447 เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี วันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 4 ขึ้นอีกอย่างหนึ่ง สำหรับพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการผู้รับราชการมาในรัชกาลที่ 4 หรือผู้เป็นสมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ หลังจากนั้น ได้มีการสถาปนาเหรียญรัตนาภรณ์ขึ้นในทุกรัชกาลจนถึงปัจจุบันลักษณะของเหรียญเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 4 ลักษณะของเหรียญ. เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 4. เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 4 สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2447 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี วันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีลักษณะเป็นวงกลม มีอักษรพระบรมนามาภิไธย ม.ป.ร. อยู่ในพวงมาลาเป็นรูปวงกลมและมีหูสำหรับร้อยแพรแถบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น ได้แก่เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 5 เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 5. เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 5 สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2444 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีลักษณะเป็นวงกลม มีอักษรพระบรมนามาภิไธย จ.ป.ร. อยู่ในพวงมาลาเป็นรูปวงกลมและมีหูสำหรับร้อยแพรแถบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น ได้แก่เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6. เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2453 โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีลักษณะเป็นรูปไข่ มีอักษรพระบรมนามาภิไธย ว.ป.ร. อยู่ในพวงมาลาและมีหูสำหรับร้อยแพรแถบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น ได้แก่เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7. เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2469 โดยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีลักษณะเป็นวงรี มีอักษรพระบรมนามาภิไธย ป.ป.ร. อยู่ในขอบวงรีหยิกทแยงสี่แง่และมีหูสำหรับร้อยแพรแถบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น ได้แก่เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 8 เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 8. เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 8 สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2480 สำหรับพระราชทานเป็นส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร มีลักษณะเป็นวงกลม มีอักษรพระบรมนามาภิไธย อ.ป.ร. อยู่ในขอบวงกลมซึ่งมีรัศมีและมีหูสำหรับร้อยแพรแถบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น ได้แก่เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9. เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2495 สำหรับพระราชทานเป็นส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีลักษณะเป็นวงกลม มีอักษรพระบรมนามาภิไธย ภ.ป.ร. อยู่ในขอบวงกลมซึ่งมีรัศมีและมีหูสำหรับร้อยแพรแถบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ชั้น ได้แก่การพระราชทาน การพระราชทาน. เหรียญรัตนาภรณ์จัดเป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์อันเป็นบำเหน็จในพระองค์พระมหากษัตริย์นับเป็นเครื่องหมายในพระมหากรุณาส่วนพระองค์ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานแก่ผู้ใดก็แล้วแต่จะทรงพระราชดำริเห็นสมควร ผู้ที่ได้รับพระราชทานจะได้รับประกาศนียบัตรทรงลงพระปรมาภิไธยและประทับพระราชลัญจกรประจำพระองค์กำกับไว้ หากได้รับพระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ในชั้นที่สูงขึ้นต้องส่งเหรียญดวงเดิมคืน แต่หากผู้ได้รับพระราชทานเหรียญวายชนม์ เหรียญก็จะตกทอดแก่ทายาท ซึ่งพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ทายาทสามารถใช้เหรียญร้อยสร้อยสวมคอได้แต่จะนำไปร้อยแพรแถบเพื่อเอาไปประดับไม่ได้ นอกจากนี้ยังสามารถเขียนอักษรย่อของเหรียญที่ได้รับพระราชทานไว้ท้ายชื่อได้ด้วย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาเหรียญรัตนาภรณ์ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ใด
3353
{ "answer_end": [ 96 ], "answer_start": [ 92 ], "text": [ "ศอฉ." ] }
319715
ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน () หรือเรียกโดยย่อว่า ศอฉ. () เป็นหน่วยงานพิเศษของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2553 ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เพื่อการควบคุมการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ แดงทั้งแผ่นดิน ภายหลังจากที่ได้มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยก่อนหน้านี้ได้ใช้ชื่อว่า ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ตามประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร คำสั่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ที่ 103/2553 ลงวันที่ 11 มีนาคม 2553 โดยให้ สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็น ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย อนึ่งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.)นั้นมีการจัดตั้งและยุบเป็นช่วงๆ รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จัดตั้งศอ.รส.ครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2552ถึง 1 กันยายน 2552 ซึ่งเป็นการจัดตั้งตามกฎหมาย พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ภายหลังประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรในพื้นที่เขตดุสิต ครั้งที่สองระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน 2552ครั้งที่สาม 15-25 ตุลาคม 2552 รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จัดตั้ง ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2554 คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้ง พลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เป็น ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย และ พลตำรวจตรี ประวุฒิ ถาวรศิริ เป็นโฆษก ศอ.รส. พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย และ พล.ต.ต.พินิต มณีรัตน์ เป็นรองโฆษก ศอ.รส. เพื่อควบคุมการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ซึ่งชุมนุมประท้วงบริเวณศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำและ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตามประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554 ศอ. รส. ได้ออกประกาศ 2 ฉบับเรื่องการห้ามปิดถนนและออกหมายเรียกแกนนำมารับทราบข้อกล่าวหาและในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ได้ออกประกาศห้ามเข้ากระทรวงศึกษาธิการเป็นฉบับที่ 3/2554 เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2553 คณะรัฐมนตรีมีมติยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวม4จังหวัด โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2553 เป็นต้นไป ศอฉ.จึงสิ้นสุดอำนาจหน้าที่ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวไปด้วย และได้มีการสั่งการให้โอนย้ายงานที่ยังค้างคาอยู่ไปอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งมีอยู่หลายฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจ และข้าราชการการเมือง รวมทั้งหน่วยงานพิเศษเช่นกรมสอบสวนคดีพิเศษอำนาจหน้าที่ อำนาจหน้าที่. ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน มีอำนาจหน้าที่ดังนี้1. ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 กฎหมายที่โอนมาเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี หรือกฎหมายที่นายกรัฐมนตรีรักษาการ และประกาศของนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ เท่าที่จำเป็นในการปฏิบัติงานให้สถานการณ์ฉุกเฉินยุติลง 2. จัดโครงสร้างขององค์กรให้เหมาะสมแก่การปฏิบัติหน้าที่ และจัดให้มีหน่วยงานหรือศูนย์ปฏิบัติการ เพื่อเป็นองค์กรปฏิบัติการได้ตามที่เห็นสมควร 3. ดำเนินการด้านการข่าวและต่อต้านข่าวกรองที่เกี่ยวกับสถานการณ์การก่อความไม่สงบและที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐหรือการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 4. ดำเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องตามความเป็นจริงเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างรัฐบาล ประชาชน และกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ รวมทั้งปฏิบัติการจิตวิทยาที่เกี่ยวข้อง 5. จัดกำลังตำรวจ ทหาร และพลเรือนดำเนินการตามแผนรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญและสถานที่สำคัญต่างๆ รวมทั้งประสานให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่นั้นๆ ดำเนินการป้องกันตนเองตามความสามารถเป็นอันดับแรก 6. จัดชุดปฏิบัติการจากตำรวจ ทหาร และฝ่ายพลเรือนเข้าระงับการก่อความไม่สงบและช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่เกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉิน 7. มอบหมายให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนกำลังพล งบประมาณ วัสดุครุภัณฑ์ ยานพาหนะ และเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ เพื่อดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน 8. เรียกให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ชี้แจง ให้ข้อมูลข่าวสาร จัดส่งเอกสาร หรือดำเนินการอื่นใดตามที่เห็นสมควร 9. แต่งตั้งคณะที่ปรึกษาหรือเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินได้ตามความจำเป็น 10. ดำเนินการอื่นๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมายรายชื่อคณะกรรมการ รายชื่อคณะกรรมการ. คณะกรรมการในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินประกอบด้วยคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรีตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ พิเศษ1/2553 คำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ พิเศษ94/2553 ที่ 2/2553 ดังรายนามดังต่อไปนี้ คณะกรรมการตามประกาศที่ พิเศษ 1/25531. นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ผู้อำนวยการ 2. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองผู้อำนวยการ 3. พลเอก อภิชาต เพ็ญกิตติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ 1 4. พลเอก ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ 2 5. พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วยผู้อำนวยการ 3 6. พลเรือเอก กำธร พุ่มหิรัญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ 4 7. พลอากาศเอก อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ 5 8. พลตำรวจเอก ปทีป ตันประเสริฐ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ 6 9. ดร. กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ กรรมการ 10. นาย มานิต วัฒนเสน กรรมการ 11. นาย ธีรกุล นิยม กรรมการ 12. นายแพทย์ ไพจิตร์ วราชิต กรรมการ 13. นาย สือ ล้ออุทัย กรรมการ 14. ดร.พรชัย รุจิประภา กรรมการ 15. ศาสตราจารย์พิเศษ จุลสิงห์ วสันตสิงห์ กรรมการ 16. นาง พรทิพย์ จาละ กรรมการ 17. นาย สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ กรรมการ 18. ดร.กฤษณพร เสริมพานิช กรรมการ 19. นางสาว วลัยรัตน์ ศรีอรุณ กรรมการ 20. นาย อนุชา โมกขะเวส กรรมการ 21. นาย ธาริต เพ็งดิษฐ์ กรรมการ 22. นายแพทย์ ชาตรี เจริญชีวะกุล กรรมการ 23. หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร กรรมการ 24. พลเอก พิรุณ แผ้วพลสง กรรมการ 25. พลเอก ธีระวัฒน์ บุณยะประดับ กรรมการ 26. พลเอก วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา กรรมการ 27. นาย ถวิล เปลี่ยนศรี กรรมการและเลขานุการ 28. พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ กรรมการและผู้ช่วยเลขาธิการ คณะกรรมการตามประกาศตามประกาศ2/25531. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผู้อำนวยการ 2. พลเอก กิตติพงษ์ เกษโกวิท รองผู้อำนวยการคนที่ 1 3. พลเอก ทรงกิตติ จักกาบาตร์ รองผู้อำนวยการคนที่ 2 4. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ช่วยผู้อำนวยการ คนที่ 1 5. พลเรือเอก กำธร พุ่มหิรัญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ คนที่ 2 6. พลอากาศเอก อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ คนที่ 3 7. พลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้ช่วยผู้อำนวยการ คนที่ 4 8. ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ กรรมการ 9. นายกองเอกวิเชียร ชวลิต กรรมการ 10. นาย ธีรกุล นิยม กรรมการ 11. นายแพทย์ ไพจิตร์ วราชิต กรรมการ 12. นาง จีราวรรณ บุญเพิ่ม กรรมการ 13. รศ.ดร.ณอคุณ สิทธิพงศ์ กรรมการ 14. นาย เฉลียว อยู่สีมารักษ์ กรรมการ 15. ศาสตราจารย์พิเศษ จุลสิงห์ วสันตสิงห์ กรรมการ 16. นาย อัชพร จารุจินดา กรรมการ 17. นาย สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ กรรมการ 18. ดร. กฤษณพร เสริมพานิช กรรมการ 19. นางสาว วลัยรัตน์ ศรีอรุณ กรรมการ 20. นายกองเอก วิบูลย์ สงวนพงศ์ กรรมการ 21. นาย ธาริต เพ็งดิษฐ์ กรรมการ 22. นายแพทย์ ชาตรี เจริญชีวะกุล กรรมการ 23. หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร กรรมการ 24. คุณหญิง แพทย์หญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ กรรมการ 25. พลเอก พิรุณ แผ้วพลสง กรรมการ 26. พลโท พิเชษฐ์ วิสัยจร กรรมการ 27. พลโท ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธินกรรมการ 28. นาย ถวิล เปลี่ยนศรี กรรมการและเลขานุการ 29. พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ กรรมการและผู้ช่วยเลขาธิการ คณะกรรมการตามประกาศตามประกาศพิเศษ 94/25531. แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ กรรมการ หัวหน้าผู้รับผิดชอบสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง1. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ 7 เมษายน 2553 ถึง 15 เมษายน 2553 2. พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา 16 เมษายน 2553 ถึง 4 ตุลาคม 2553 3. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 5 ตุลาคม 2553 ถึง 21 ธันวาคม 2553 ผู้ปฏิบัติงานโฆษก1. พันเอกสรรเสริญ แก้วกำเนิด ผู้ปฏิบัติการโฆษก 2. รองศาสตราจารย์ ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้ปฏิบัติการโฆษก 3. พลตำรวจตรีอำนวย นิ่มมะโน ผู้ปฏิบัติการโฆษก 4. พลตำรวจโทสัณฐาน ชยนนท์ ผู้ปฏิบัติการโฆษก 5. พันตำรวจโท พเยาว์ ทองเสน ผู้ปฏิบัติการโฆษก 6. พันตำรวจเอก ทรงพล วัธนะชัย ผู้ปฏิบัติการโฆษก 7. พลตรี ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรผู้ปฏิบัติงาน ผู้ปฏิบัติงาน. ศอฉ. ได้แต่งตั้งผู้ปฏิบัติงาน โดยมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้อำนวยการ และ พันเอกสรรเสริญ แก้วกำเนิด เป็นโฆษกประจำ ศอฉ. ซึ่งจะมีการแถลงข่าวอย่างต่อเนื่องผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ผู้ร่วมแถลงการณ์ อาทิ พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษกรมสอบสวนคดีพิเศษ นาย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ด้านการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในท้องที่ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง มีพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินผู้กำกับกองกำลัง พลโท คณิต สาพิทักษ์ พลโท กัมปนาท รุดดิษฐ์ และ พลตรี สุรศักดิ์ บุญศิริ เป็นผู้ควบคุมกองกำลังโดยแบ่งพื้นที่ในการรับผิดชอบในสถานการณ์ฉุกเฉิน พลโท อักษรา เกิดผล เป็นหัวหน้าส่วนยุทธการ พลโท ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เป็น รองหัวหน้าฝ่ายยุทธการ วันที่ 9 เมษายน 2553 พลตำรวจเอก ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ ที่รับผิดชอบปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ประกอบด้วย พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาราชการแทนผบก.ป. พ.ต.อ.ศานิตย์ มหถาวร รองผบก.ป. พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล วันที่ 18 เมษายน 2553 พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา เรียกประชุม ผบ.หน่วย ที่รับผิดชอบปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เข้าร่วมประชุมรับนโยบาย โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผช.ผบ.ทบ. พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสธ.ทบ. พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสธ.ทบ. พล.ท.โปฎก บุนนาค ผบ.นสศ. พล.ท.ยุทธศิลป์ โดยชื่นงาม ผบ.นปอ. พล.ต.อุกฤษฎ์ ณรงค์วิทย์ ผบ.มทบ.11 พล.ต.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผบ.พล.1 รอ. พล.ต.สุรศักดิ์ บุญสิริ ผบ.พล.ม.2 รอ. พล.ต.อำพล ชูประทุม ผบ.พล.ปตอ. พล.ต.อุทิศ สุนทร ผบ.พล.ร.9 พ.อ. พ.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ รองผบ.พล.ร.2 รอ. ปฏิบัติหน้าที่แทน พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผบ.พล.ร.2 รอ.ที่บาดเจ็บจากการปะทะเมื่อวันที่ 10 เมษายน เข้าร่วมประชุม วันที่ 17 พฤษภาคม 2553 มีการแถลงผลการประชุมของศอฉ.โดย พล.ท.อักษรา เกิดผล ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก น.อ.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ นาวาอากาศเอก มณฑล สัชฌุกร รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ และ พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันที่ 29 พฤษภาคม 2553 พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมวุฒิ วรรณพิรุณ ผบก.น.4 พ.ต.อ.อาณัติ เกล็ดมณี รอง ผบก.น.4 หมายค้นศาลอาญาเลขที่ 195-207/2553 ลงวันที่ 29 พ.ค.53 เข้าตรวจค้นภายในห้องพักชั้น 3 จำนวน 13 ห้อง ของโรงแรมเอสซีปาร์ค ถนนประชาอุทิส วันที่ 24 มิถุนายน 2553 พ.ต.อ.ทรงพล วัฒนะชัย รองผู้บังคับการอำนวยการกองบัญชาการตำรวจนครบาล และ พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษดีเอสไอร่วมกันแถลงการขยายพรก.ฉุกเฉิน ในวันที่ 2 สิงหาคม 2553 นายสุเทพ มอบหมายให้ พล.ท.อักษรา เกิดผล หัวหน้าส่วนยุทธการศอฉ. และนาย สมเกียรติ ศรีประเสริฐ รักษาการผู้เชี่ยวชาญความมั่นคงระหว่างประเทศ สภาความมั่นคงเข้าชี้แจงสมาชิกวุฒิสภา ในวันที่ 5 ตุลาคม 2553 คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้ง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้อำนวยการ ศอฉ. แทนนายสุเทพที่ลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน แทนพลเอกอนุพงษ์ที่เกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 30 กันยายนมาตรการการปิดเว็บไซต์และสถานีประชาชน มาตรการ. การปิดเว็บไซต์และสถานีประชาชน. วันที่ 8 เมษายน ภายหลังที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง มอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ไปแจ้งให้ไทยคมระงับการแพร่สัญญาณภาพและเสียงของสถานีประชาชน ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมปักหลักชุมนุมอยู่ที่บริเวณสถานีไทยคม ที่ตั้งอยู่ถนนรัตนาธิเบศร์ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี และสถานีไทยคม ซึ่งตั้งอยู่ถนนสายลาดหลุมแก้ว-วัดเจดีย์หอย อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี เพื่อเรียกร้องให้ยุติการระงับการเผยแพร่สัญญาณ วันที่ 9 เมษายน กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนไปยังสถานีไทยคม ซึ่งตั้งอยู่ถนนสายลาดหลุมแก้ว-วัดเจดีย์หอย อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี เพื่อเรียกร้องให้ยุติการระงับการเผยแพร่สัญญาณการออกอากาศของสถานีประชาชน โดยได้มีการนำกองกำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมด้วยแก๊สน้ำตา แต่ไม่บรรลุผล จากนั้นเหตุการณ์ได้สงบลงภายในเวลา 15 นาที โดยแกนนำพยายามควบคุมมวลชนไม่ให้บุกเข้าไปภายในตัวอาคาร จนกระทั่งมีการเจรจาให้ทหารถอนกำลังเดินแถวออกจากสถานีไทยคม ท่ามกลางเสียงโห่ร้องดีใจของผู้ชุมนุม นอกจากนี้ได้มีการนำอาวุธที่ได้ยึดมาจากทหาร ที่ประกอบด้วยปืนเอ็ม 16, ปืนลูกซองยาว พร้อมลูกระเบิดแก๊สน้ำตา หมวกกันน็อค เสื้อเกราะ โล่ กระบอง มาให้สื่อมวลชนได้ถ่ายภาพเอาไว้ รวมทั้งยังมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตาอีกจำนวนหนึ่งจากเหตุการณ์การสลายการชุมนุม หลังจากที่มีการยืนยันว่าทางสถานีประชาชนจะมีการออกอากาศอย่างแน่นอน กลุ่มผู้ชุมนุมจึงเคลื่อนขบวนกลับไปยังที่ตั้ง หลังจากนั้นในเวลาประมาณ 22.20 น.ได้มีการเข้าระงับการออกอากาศของทางสถานีอีกครั้ง เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เปิดเผยว่า หลังจากเกิดสถานการณ์ทางการเมืองขึ้น ศอฉ.มีคำสั่งให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารปิดเว็บไซต์ที่เข้าข่ายปลุกระดมและปิดแล้ว 1,900 เว็บไซต์ จากสัปดาห์ที่ผ่านมามีเพียง 1,150 เว็บไซต์ ส่วนเว็บไซต์ทวิตเตอร์ส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ประชุม ศอฉ. มีมติว่า ทุกทวิตเตอร์ หากมีข้อความยั่วยุ ปลุกระดมให้เกิดความแตกแยก หรือหมิ่นสถาบันฯ ก็ต้องดำเนินการปิดกั้นทั้งหมด แม้จะอยู่ในกลุ่มของโซเชียลเน็ตเวิร์คก็ตาม เพราะอยู่ภายใต้อำนาจพรก.ฉุกเฉินแผนปรองดอง แผนปรองดอง. วันที่ 3 พฤษภาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยว่าจะมาพูดถึงการคลี่คลายสถานการณ์ ความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เป็นการสะสมปัญหามาเป็นระยะเวลานานหลายปี ที่สะสมมาทั้งหมดทำให้เกิดความแตกแยกร้าวลึก คำตอบทางการเมืองที่อยากบอกประชาชนในวันนี้ คือการสร้างกระบวนการปรองดองขึ้นมา หากแผนการปรองดองและทำบ้านเมืองให้สงบสุข การจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ในวันที่ 14 พฤศจิกายน เป็นเป้าหมายที่รัฐบาลพร้อมดำเนินการ โดยแผนปรองดองดังกล่าวมีองค์ประกอบดังนี้1. ประเทศไทยเราโชคดีที่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นที่ยึดเหนี่ยวหลอมรวมคนไทยทั้งชาติ แต่น่าเสียดายที่มีคนกลุ่มหนึ่งดึงสถาบันกษัตริย์ลงมา มีความพยายามดึงสถาบันลงมาสู่ความขัดแย้งทางการเมือง การที่จะทำให้สังคมไทยเป็นปกติสุขต้องช่วยกัน ไม่ให้ดึงสถาบันกษัตริย์ลงมา แผนการ คือ ทุกฝ่ายต้องลงมาช่วยกันทำงานเทิดทูนสถาบันกษัตริย์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานแก่ประชาชน ไม่ว่าเรื่องรู้รักสามัคคี อยากเชิญชวนทุกฝ่ายมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อไม่ให้ถูกดึงมาเป็นเครื่องมือความขัดแย้งทางการเมือง 2. การปฏิรูปประเทศ เพื่อแก้ไขความขัดแย้งอาจจะถูกมองว่าเป็นการเมือง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจากความไม่เป็นธรรมของเรื่องเศรษฐกิจ หลายคนที่มาชุมนุมอาจจะสัมผัสโดยตรงว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ขาดโอกาส ถูกรังแก สิ่งที่เราจะช่วยกันทำ คือ ไม่ปล่อยให้เป็นเหมือนในอดีตที่รัฐบาลก่อนหน้านี้ที่ทำให้ระบบเกิดความไม่เป็นธรรม 3. ในยุคปัจจุบันสังคมไทยเป็นสังคมข้อมูลข่าวสาร จริงอยู่ที่เราต้องเคารพสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า อำนาจของสื่อถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง อาศัยช่องโหว่ทางกฎหมาย แม้กระทั่งสถานีของรัฐก็ถูกกล่าวหาว่านำไปเสนอให้เกิดความขัดแย้ง สื่อต้องมีเสรีภาพ แม้จะมีอิสระในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่จะไม่สร้างความขัดแย้งภายในประเทศ สร้างความเกลียดชังและนำไปสู่ความรุนแรง 4. หลังจากชุมนุมเคลื่อนไหว มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดความรุนแรงและสูญเสีย เกิดข้อสงสัยต่างๆนาๆ ไม่ว่าการสูญเสียเหตุการณ์ 10 เมษายน เหตุการณ์ที่สีลม หรือที่ดอนเมือง กระทบกระเทือนจิตใจประชาชน ทุกเหตุการณ์จำเป็นต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น ต้องมีคณะกรรมการอิสระเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงต่าง ๆและให้เกิดความเป็นจริงต่อสังคม 5. เกี่ยวกับการเมืองโดยตรง แม้นักการเมืองจะเป็นคนกลุ่มเล็ก แต่เป็นตัวแทนของประชาชน ความขัดแย้งทางการเมืองที่ยาวนานกว่า 4-5 ปีที่ผ่านมา เกิดความรู้สึกไม่เป็นธรรมในหลายด้าน ทั้ง รัฐธรรมนูญ กฎหมายบางฉบับ การลิดรอนสิทธิไม่ว่าจะเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการลิดรอน หรือการตัด หรือการเพิกถอนสิทธิ ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับวงการเมือง ถึงเวลาเอามาวาง และมีกลไกให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย เรื่องรัฐธรรมนูญ จนถึงความผิดการชุมนุมทางการเมือง ไม่ใช่เกิดความรู้สึกไม่ยอมรับ วันที่ 4 พฤษภาคม นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธาน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน แถลงผลการประชุมแกนนำ นปช.ที่เวทีการชุมนุมสี่แยกราชประสงค์ เกี่ยวกับข้อเสนอแผนการปรองดอง 5 ข้อของนายกรัฐมนตรี หลังใช้เวลาประชุมกว่า 2 ชั่วโมงว่า มีข้อสรุป 4 ข้อประกอบด้วย1. นปช.ยินดีรับข้อเสนอ แต่ขอให้รัฐบาลไปหาความชัดเจนมาก่อนว่าจะยุบสภาวันไหนคุยกันให้จบเสียก่อน 2. นปช.ต้องการความจริงใจที่รัฐบาลสามารถแสดงออกได้ด้วยการยกเลิกการคุกตามทุกรูปแบบ 3. นปช.ไม่ขอนิรโทษกรรมให้แก่ นปช.เองในข้อหาโค่นล้มสถาบันและการก่อการร้ายอย่างเด็ดขาดพร้อมสู้คดี 4. ต้องยุติการนำสถาบันกษัตริย์ลงสู่ความขัดแย้งในทุกมิติ ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน แถลงบนเวทีปราศรัยว่า ขอให้ทางรัฐบาลไปหาความความชัดเจนในการยุบสภาต้องระบุวันให้ชัดเจนมาก่อน และแกนนำคนเสื้อแดงไม่ปฏิเสธเข้าร่วมกับแผนโรดแมปเพื่อป้องกันการบาดเจ็บล้มตาย ทางกลุ่มคนเสื้อแดงยืนยันว่าเรื่องการนิรโทษกรรม เรื่องการกล่าวหาความผิดก่อนหน้านี้ทางเสื้อแดงไม่ได้กำหนดเป็นเงื่อนไข หากรัฐบาลกล่าวหาว่าคนเสื้อแดงเป็นการก่อการร้ายทางผู้ชุมนุมจะสู้ถึงที่สุด หากกล่าวหาว่าโค่นล้มสถาบันทางเสื้อแดงพร้อมที่จะสู้เช่นเดียวกัน และขอให้เรียกร้องมาตรฐานเดียวกันกับคดีสั่งสังหารประชาชนในเหตุการณ์เดือนเมษายนจะต้องไม่มีการนิรโทษกรรมใดๆเช่นเดียวกัน เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวขอให้ดีเอสไอรับไปเป็นคดีพิเศษแล้วดำเนินการต่อไป เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม เวลา 12.00 น. ที่โรงแรมรามาการ์เดนส์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าแผนปรองดองนั้นถูกยกเลิกไปเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากขณะนั้นกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติปฏิเสธข้อเสนอและปฏิเสธที่จะเจรจากับทางรัฐบาลและผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาที่ต้องการให้มีการถอยร่นออกจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์จนถึงแยกสารสินและเพิ่มข้อเรียกร้องให้สุเทพ เทือกสุบรรณ มอบตัวกับตำรวจ ทั้งที่สุเทพ เทือกสุบรรณมอบตัวกับกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นที่เรียบร้อยแล้วการตัดระบบสาธารณูปโภค การตัดระบบสาธารณูปโภค. วันที่ 12 พฤษภาคม พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ระบุว่า การประชุม ศอฉ.ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการ ศอฉ. เป็นประธาน ได้ติดตามสถานการณ์และรายงานยอดผู้ชุมนุม โดย ศอฉ.จำเป็นต้องใช้มาตรการกดดันผู้ชุมนุมเต็มรูปแบบ เริ่มต้นจากการไม่ใช้กำลัง โดยกำหนดให้มีการตัดน้ำ ตัดไฟ สัญญาณโทรศัพท์ ระบบสาธาณูปโภค การเดินทางสาธารณะต่าง ๆ ทั้งรถโดยสารมวลชน รถไฟฟ้า และการเดินทางทางน้ำบริเวณคลองแสนแสบ เพื่อปิดการเข้าพื้นที่ชุมนุม 100% อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงอาจจะได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้ โดยทหารที่อยู่ในพื้นที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเข้า-ออก พื้นที่ดังกล่าว และมาตรการต่าง ๆ จะเริ่มได้ตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป และจะหารือหน่วยงานเกี่ยวข้องเพิ่มเติมในวันนี้ โดย ศอฉ.ต้องขออภัยประชาชนและทูตประเทศต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว พร้อมย้ำว่า มาตรการกดดันการเข้าพื้นที่ชุมนุมเต็มรูปแบบเป็นมาตรการขั้นเบาที่สุดแล้ว รวมทั้งได้ประสานกับผู้ประกอบการบริเวณดังกล่าวในเบื้องต้น ส่วนมาตรการหลังจากนี้ยังไม่ขอเปิดเผย ต่อมา พ.อ.สรรเสริญ ระบุว่า มาตรการกดดันผู้ชุมนุมแยกราชประสงค์เต็มรูปแบบ ในการตัดน้ำ ตัดไฟ ระบบสาธารณูปโภค และการเดินทางสาธารณะ ทั้งทางบกและทางน้ำ ยังไม่ได้ข้อยุติที่ชัดเจน และต้องหารือร่วมกันอีกครั้งในคืนวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เพื่อกำหนดรายละเอียดว่าจะเป็นพื้นที่ใดบ้าง เพราะบริเวณดังกล่าวมีทั้งโรงพยาบาล และ สถานประกอบการต่างๆ รวมทั้งต้องมีการประเมินผลกระทบว่าระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมและประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้อง กลุ่มใดจะได้รับผลกระทบ และความเดือดร้อนมากกว่า เนื่องจากพบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้เตรียมมาตรการรองรับในเรื่องการตัดน้ำ ตัดไฟ ส่วนเส้นทางเดินรถเมล์ ใกล้พื้นที่ชุมนุม คงจะมีการพิจารณาให้วิ่งในวงนอกต่อไป และรถแท็กซี่ อาจจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าในบริเวณพื้นที่ชุมนุม พ.อ.สรรเสริญ ระบุว่า มาตรการดังกล่าวของศอฉ.อาจจะไม่ได้ดำเนินการทันทีในเวลา 24.00 น. วันที่ 12 พฤษภาคม 2553 และอาจจะเลื่อนเป็นวัน13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ขึ้นอยู่กับการหารือกำหนดรายละเอียดและข้อสรุปให้เกิดความชัดเจน เนื่องจากมีประชาชนทั่วไปโทรศัพท์เข้ามาสอบถามจำนวนมาก เพราะเกรงจะได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการนี้ วันที่ 13 พฤษภาคม เวลา 11.30 น. ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงผลการประชุม ศอฉ.ช่วงเช้าว่า การกำหนดมาตรการในการปิดล้อมสกัดกั้นพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์อย่างสมบูรณ์ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. พื้นที่ที่มีผลกระทบทางด้านเหนือเริ่มตั้งแต่ แยกราชเทวี ไปตาม ถนนเพชรบุรี จนถึงแยกขึ้นทางด่วนเพชรบุรี ทางทิศใต้ ตั้งแต่แยกทางขึ้นด่วนเพชรบุรี ตามถนนวิทยุ จนกระทั่งสี่แยกถนนวิทยุ เรื่อยมาจนถึงถนนพระรามที่ 4 จนถึงแยกสามย่าน และขึ้นเหนือไปบรรจบจุดเริ่มต้นตามถนนพญาไท จนกระทั่งถึงแยกราชเทวี ซึ่งเป็นลักษณะกรอบสี่เหลี่ยม การบริการสาธารณะทุกชนิดทั้ง ไฟฟ้า ประปา การจราจร รถประจำทาง เรือ รถไฟฟ้าบีทีเอส (ไม่จอดรับส่งผู้โดยสารใน 4 สถานี คือ สถานีสยาม สถานีชิดลม สถานีเพลินจิตและสถานีราชดำริ (ปิดให้บริการทุกสถานีเวลา 19.00 น.)) และรถไฟฟ้าใต้ดิน (ไม่จอดรับส่งผู้โดยสารใน 2 สถานี คือ สถานีสีลมและสถานีลุมพีนี (ปิดให้บริการทุกสถานีเวลา 22.00 น.)) จะมีการระงับเริ่มตั้งแต่ 18.00 น.เป็นต้นไป โดยเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนหลักสากลจากเบาไปหาหนัก 7 ขั้นตอน และมีการใช้อาวุธกระสุนจริงด้วยการประกาศห้ามออกนอกเคหสถาน การประกาศห้ามออกนอกเคหสถาน. เมื่อเวลา 16.05 น. ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกประกาศห้ามออกนอกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยนายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำหนดต่อไปนี้1. ห้ามมิให้บุคคลใดในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 20.00 น. วันที่ 19 พฤษภาคม ถึงเวลา 06.00 น. วันที่ 20 พฤษภาคม 2. ให้พนักงาน และเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ปฏิบัติหน้าที่ในเขตพื้นที่ และระยะเวลาที่กำหนด# ให้ประชาชนที่อยู่ในเขตพื้นที่กลับเข้าสู่เคหสถาน และไม่ออกมายังพื้นที่ที่กำหนด เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ และได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการ ศอฉ.กำหนดพื้นที่ และรายละเอียดเพิ่มเติมตามสมควรแก่เหตุ และในเวลาต่อมา ศอฉ. ได้ประกาศห้ามออกนอกเคหสถานในพื้นที่ปริมณฑลและจังหวัดอื่นเพิ่มเติม วันต่อมา ศอฉ. ได้ประกาศกฎหมายว่าด้วยการจำกัดสิทธิส่วนบุคคลเพิ่มเติม โดยขยายจำนวนวันประกาศใช้เพิ่มเป็น 3 วัน คือในวันที่ 20-22 พฤษภาคม แต่ลดระยะเวลาควบคุมเป็น 21.00-05.00 น. เพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางให้แก่ประชาชนมากขึ้นผู้ใดฝ่าฝืนข้อกำหนดนี้ต้องระวางโทษจำคุก สองปี หรือทั้งจำทั้งปรับการรักษาความปลอดภัยบริเวณโรงพยาบาลศิริราช การรักษาความปลอดภัยบริเวณโรงพยาบาลศิริราช. กองทัพเรือจัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ จัดกำลังรักษาความสงบขึ้นควบคุมทางยุทธการกับกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) รักษาความปลอดภัยบริเวณโรงพยาบาลศิริราช แม่น้ำเจ้าพระยา และสนับสนุนการดำเนินการของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ในระหว่างวันที่ 11 มีนาคม 2553 ถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2553การจับกุมผู้ฝ่าฝืนข้อกำหนดห้ามออกนอกเคหสถาน การจับกุมผู้ฝ่าฝืนข้อกำหนดห้ามออกนอกเคหสถาน. รวมทั้งสิ้น 511 รายศาลได้สั่งจำคุก 2 เดือนปรับสองพันบาทโดยให้รอลงอาญาโทษจำคุกไว้ 1 ปี เฉพาะในกรุงเทพมหานคร ส่วนเด็กและเยาวชนได้มีการจับกุมส่งสถานพินิจการห้ามทำธุรกรรมทางการเงินของนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา การห้ามทำธุรกรรมทางการเงินของนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา. ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินได้สั่งห้ามทำธุรกรรมทางการเงินของนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาตามบัญชีรายชื่อแนบท้ายคำสั่งของ ศอฉ. ที่ 49/2553 ลงวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ต่อมา ศอฉ. ได้ออกคำสั่งที่ 58/2553 เรื่องห้ามมิให้กระทำการใดๆ หรือสั่งให้กระทำการใดๆ เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินหรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของบุคคลหรือนิติบุคคลเท่าที่จำเป็นแก่การรักษาความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ทางศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ได้ออกคำสั่งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่ 61/ 2553 เรื่องห้ามมิให้กระทำการใด ๆ หรือสั่งการให้กระทำการใด ๆ เกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินหรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของ บุคคลหรือนิติบุคคลเท่าที่จำเป็นแก่การรักษาความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553ประกาศครั้งที่หนึ่ง ประกาศครั้งที่หนึ่ง. คำสั่ง ศอฉ.ที่ 49/2553 ลงวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ห้ามนิติบุคคล 13 ราย และบุคคล 93 ราย นิติบุคคล1. บริษัท ทุนนวัตกรรม จำกัด 2. บริษัท นิวโอ๊ค จำกัด 3. บริษัท บี.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด 4. บริษัท ประไหมสุหรี พร้อมเพอร์ตี้ จำกัด 5. บริษัท พี.ที.คอร์ปอเรชั่น จำกัด1. บริษัท เอส ซี เค เอสเทต จำกัด 2. บริษัท เอส ซี ออฟฟิซ ปาร์ค จำกัด 3. บริษัท เอสซี ออฟฟิซ พลาซ่า จำกัด 4. บริษัท โอ เอ ไอ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด 5. บริษัท โอเอไอ คอนซัลแต้นท์แอนด์แมนเนจเม้นท์ จำกัด1. บริษัท โอเอไอ แมนเนจเม้นท์ จำกัด 2. บริษัท โอเอไอ ลีสซิ่ง จำกัด 3. บริษัท โอเอไอ เอ็ดูเคชั่น จำกัด บุคคล1. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 2. คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ 3. นายพานทองแท้ ชินวัตร 4. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร 5. น.ส.พินทองทา ชินวัตร 6. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 7. นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ 8. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 9. นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ 10. นางกาญจนาภา หงษ์เหิน 11. นายชานนท์ สุวสิน 12. นายสาโรจน์ หงษ์ชูเวช 13. นายเอกราช ช่างเหล่า 14. นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ 15. นายการุณ โหสกุล 16. นายนพดล ปัทมะ 17. นายวิชาญ มีนชัยนันทน์ 18. นางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ 19. นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา 20. นางพิมพา จันทรประสงค์ 21. นายสันติ พร้อมพัฒน์ 22. นายเชิดชัย ตันติศิรินทร์ 23. นายประชา ประสพดี 24. นายไชยา สะสมทรัพย์ 25. นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร 26. นายยงยุทธ ติยะไพรัช 27. นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ 28. นายเจริญ จรรย์โกมล 29. นายสุทิน คลังแสง 30. นายเรืองเดช สุพรรณฝ่าย 31. นายเรืองยุทธ ประสาทสวัสดิ์ศิริ 32. นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ 33. นายสมบุญ ขุนทองไทย 34. นางมยุรี เศวตาศัย 35. นายอุดมเดช รัตนเสถียร 36. นายไพโรจน์ อิสรเสรีพงศ์ 37. นายพายัพ ชินวัตร 38. นายจิระศักดิ์ เตชะทวีกุล 39. น.ส.พนิดา ปัญจาบุตร 40. นางวิยดี สุตะวงศ์ 41. นายเจริญ คัมภีรภาพ 42. นายทัศ เชาวนเสถียร 43. พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก 44. นายสุชน ชาลีเครือ 45. นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล 46. นายอนุสรณ์ ปั้นทอง 47. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ 48. นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ 49. นายพันเลิศ ใบหยก 50. นายสมหวัง อัสราษี 51. น.ส.จุฬารัตน์ เมนะเศวต 52. นายสมชาย ไพบูลย์ 53. พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร 54. นายสงวน พงษ์มณี 55. น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ 56. พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ 57. นายไพโรจน์ ตันบรรจง 58. นางอรุณี ชำนาญญา 59. นายวิเชียร ขาวขำ 60. นายพีระพันธ์ พาลุสุข 61. นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ 62. พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ 63. นายพายัพ ปั้นเกตุ 64. นายสุชาติ ลายน้ำเงิน 65. นายนิยม วรปัญญา 66. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 67. นายเหวง โตจิราการ 68. นายวีระ มุสิกพงศ์ 69. นายขวัญชัย สาราคำ 70. นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง 71. ผศ.จรัล ดิษฐาอภิชัย 72. นายนิสิต สินธุไพร 73. นายก่อแก้ว พิกุลทอง 74. นายชินวัฒน์ หาบุญพาด 75. นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย 76. นายอดิศร เพียงเกษ 77. รศ.วรพล พรหมิกบุตร 78. นายสำเริง ประจำเรือ 79. นายวิสา คัญทัพ 80. นายยศวลิต ชูกล่อม 81. นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ 82. นางดารุณี กฤตบุญญาลัย 83. พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ 84. นายวันชนะ เกิดดี 85. นายอารีย์ ไกรนรา 86. นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ 87. ผศ.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ 88. นายประชัญ หรือ ฌอน บุญประคอง 89. พลเอก พัลลภ ปิ่นมณี 90. พล.ท.มนัส เปาริก 91. พล.ท.พฤณฑ์ สุวรรณทัต 92. พล.ต.ท.สล้าง บุนนาค 93. พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผลประกาศครั้งที่สอง ประกาศครั้งที่สอง. คำสั่ง ศอฉ.ที่ 58/2553 (ฉบับที่ 2)ลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2553 ห้ามนิติบุคคลเพิ่มอีก 6 ราย และห้ามบุคคลเพิ่มอีก 37 ราย นิติบุคคล1. บริษัท เวิร์ธซัพพลายส์ จำกัด 2. บริษัท บี.บี.ดี. ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด 3. บริษัท บี.บี.ดี.พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด 4. บริษัท เอสซีเอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด 5. บริษัท รวยชัย อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด 6. บริษัท รวยชัย เมอร์แซไดส์ จำกัด บุคคล1. นายวิชาญ มีนชัยนันท์ 2. นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 3. นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา 4. นางพิมพา จันทร์ประสงค์ 5. นายเจริญ จรรย์โกมล 6. นายเรืองเดช สุพรรณฝ่าย 7. นายไพโรจน์ อิสรเสรีพงษ์ 8. นายจิรศักดิ์ เตชะทวีกุล 9. นายพันธ์เลิศ ใบหยก 10. นายสมหวัง อัสราษี 11. น.ส. จุฑารัตน์ เมนะเสวต 12. น.ส. ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์1. นางอรุณี ชำนาญยา 2. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 3. นายวีระ มุสิกพงศ์ 4. นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง 5. นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท 6. นายยศวริศ หรือประมวล ชูกล่อม 7. นางดารุณี กฤตบุญญาลัย 8. นายธนกฤต ชะเอมน้อย หรือ "วันชนะ เกิดดี" 9. นายอารี ไกรนรา 10. นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ 11. พล.ท. พฤณท์ สุวรรณทัต 12. พล.ต.อ. สล้าง บุนนาค 13. พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ1. นางเยาวเรศ ชินวัตร 2. นายจตุพร พรหมพันธุ์ 3. นายจักรภพ เพ็ญแข 4. นายสุธรรม แสงประทุม 5. นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ 6. นายไพรจิตร ธรรมโรจน์พินิจ 7. นายพศิน หอกลาง 8. นายชาญชัย รวยรุ่งเรือง 9. นางสุกัญญา ประจวบเหมาะ 10. นางสุจินดา เชิดชัย 11. นายอัสนี เชิดชัย 12. นายสุรวุฒิ เชิดชัยประกาศครั้งที่สาม ประกาศครั้งที่สาม. คำสั่ง ศอฉ.ที่ 61/2553 (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2553 ห้ามบุคคลเพิ่มอีก 22 ราย นิติบุคคล 1 ราย นิติบุคคล บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) บุคคล1. นายศักดา อ้อพงษ์ 2. นายพงศกร อรรณนพพร 3. นางดวงแข อรรณนพพร 4. นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช 5. นายจักริน พัฒน์ดำรงจิตร 6. นายภูมิ สาระผล 7. นายจตุพร เจริญเชื้อ1. นายวิเชียรชนินทร์ สินธุไพร 2. นายนรินทร์ จิตมหาวงศ์ 3. นายจักริน พัฒน์ดำรงจิตร 4. นางสุพิชฌาย์ พัฒนะพันธุ์ 5. นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข 6. นายวิบูลย์ แช่มชื่น 7. นายไพวงษ์ เตชะณรงค์ 8. นางพรประภา สาคำ1. นายปลอดประสพ สุรัสวดี 2. พ.ต.ท.ศุภชัย ผุยแก้วคำ 3. นายวายุภักษ์ โนรี 4. นายภาสกรหรือสมนึก ศิริภักษ์ 5. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 6. นายประยุทธ มหากิจศิริ 7. นายเมธี อมรวุฒิกุลประกาศครั้งที่สี่ ประกาศครั้งที่สี่. คำสั่ง ศอฉ.ที่ 72/2553 (ฉบับที่ 4) ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2553 ห้ามบุคคล 5 ราย บุคคล1. นางดวงฤทัย กสิโสภา 2. นายภักดี ธนะปุระ 3. นางพจีสวาท-โซฟี ธนะปุระ 4. นางอนงค์ เพชรทัต 5. ร.อ.มนัส หรือ นายธรรมนัส พรหมเผ่าการแถลงข่าวและปฏิกิริยาตอบรับกรณีการวางเพลิง การแถลงข่าวและปฏิกิริยาตอบรับ. กรณีการวางเพลิง. ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เผยแพร่คลิปวิดีโอ ที่แกนนำ นปช.ปราศรัยบนเวที โดยให้เหตุผลว่า มีเนื้อหาสั่งการให้ผู้ชุมนุม วางเพลิงตามสถานที่ต่างๆ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเหตุการณ์เผาสถานที่สำคัญต่าง ๆ ใจกลางกรุงเทพมหานคร ว่าอาคารต่างๆที่ถูกเผา ทั้งเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นเตอร์วัน อาคารมาลีนนท์ หรือธนาคารกรุงเทพ หลายสาขา หากรัฐบาลอ้างว่ากลุ่ม นปช. เผาจริง ทำไมไม่มีการจับกุมได้เลยแม้แต่คนเดียว ทั้งที่การเผาศาลากลางมีการจับกุมผู้ก่อเหตุได้หลายคน อีกทั้งห้างเกษรพลาซ่า ก็เป็นของลูกสาวและลูกเขยคนในพรรคประชาธิปัตย์ ทำไมพวกตนถึงไปเผาเซ็นทรัลเวิลด์ อีกทั้งเรื่องอาวุธที่ ศอฉ. นำมาแถลงนั้น ก็คือการยัดเยียดอาวุธ และทำไมไม่มีการชันสูตรพลิกศพทุกศพ จะได้รู้ว่าทั้งสองฝ่ายเสียชีวิตเพราะอะไรกรณีขบวนการล้มเจ้า กรณีขบวนการล้มเจ้า. ศอฉ. ได้ออกมาระบุถึง "ขบวนการล้มเจ้า" คือกลุ่มบุคคลที่ดำเนินการเพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ จากการเปิดเผยของสำนักข่าวทีนิวส์ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยเป็นหลัก พร้อมทั้งอ้างว่า มีการเคลื่อนไหวโดยใช้สื่อสารมวลชน เช่น อินเทอร์เน็ต และสื่อสิ่งพิมพ์ ทั้งนี้ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ชี้แจงว่าแผนผัง ดังกล่าว ศอฉ. สร้างโครงข่ายที่เชื่อมโยงกับบุคคลจำนวนมากขึ้นเอง โดยอาศัยข้อมูลที่ไม่มีการตรวจสอบ ทางกลุ่มได้มอบให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อดำเนินการฟ้องร้องกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาผู้บัญชาการทหารบก ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนและเด็ดขาดในการที่จะจัดการกับขบวนการที่คิดล้มเจ้าจาบจ้วงต่อสถาบันเบื้องสูง และทำลายสถาบันหลักต่างๆ ของชาติโดยเฉพาะสถาบันองคมนตรี และสถาบันศาล ด้วยวลี ที่แข็งกร้าวว่า "ที่บ้านเมืองปั่นป่วนวุ่นวายก็เพราะยังมีคนชั่วเยอะ" ในขณะที่ พล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพภาคที่ 3 ย้ำความมีอยู่จริงของขบวนการคิดล้มเจ้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากพฤติกรรมอย่างกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข และนายใจ อึ๊งภากรณ์ สองแกนนำคนเสื้อแดง ที่หลบหนีหมายจับไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดน จากท่าทีดังกล่าวก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้จากแกนนำคนเสื้อแดง โดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ตอบโต้ว่า อย่านำสถาบันเบื้องสูงมาเป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้าม และสิ่งสำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ ควรหันไปจัดการพวกที่แอบอ้างสถาบันและนักการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชั่นกันอย่างมโหฬารในรัฐบาลชุดนี้มากกว่า จากการเปิดเผยของนาย นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษระบุว่ามีการเคลื่อนไหว 2 ช่องทางคือ1. การเผยแพร่สื่อสารไปยังประชาชนโดยตรง โดยการพูดหรือปราศรัยในที่สาธารณะ การเผยแพร่บทความใบปลิว การให้ข่าวหรือให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ การจัดรายการวิทยุ การจัดรายการโทรทัศน์ ช่องทางที่ 2. การเผยแพร่บนระบบอินเทอร์เน็ต เช่น การจัดทำเว็บไซด์ หรือเว็บบอร์ดที่มีข้อความแสดงความอาฆาตมาดร้าย การเผยแพร่ภาพที่ไม่บังควร การเผยแพร่บทความ หนังสือ คลิปวิดีโอ อีเมลล์ การจัดรายการวิทยุ ออนไลน์ รายการโทรทัศน์ออนไลน์ สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้อำนวยศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน และ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ละเมิด ใส่ชื่อ 'สุธาชัย' ในผังเครือข่ายล้มเจ้า ต่อมาศาลแพ่งตัดสินจำเลยมีอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กระทำในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐ พิพากษายกฟ้อง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า การโจมตีและเคลื่อนไหวกดดันบุคคลที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ถือเป็นการบั่นทอนและกัดกร่อนสถาบัน ว่า เป็นการกล่าวหาอย่างร้ายแรง ฉกาจฉกรรจ์ต่อกลุ่มคนเสื้อแดง ขอยืนยันว่า กลุ่มคนเสื้อแดงจงรักภักดีต่อสถาบันและไม่เคยแม้แต่จะคิดดำเนินการใดๆ ที่จะเป็นการกระทบกระเทือนสถาบันเลยแม้แต่น้อย เป้าหมายสูงสุดของกลุ่มคนเสื้อแดง คือการโค่นล้มระบอบอำมาตยธิปไตยที่เรืองอำนาจอย่างสูงสุดในระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมานี้ จนกระทั่งปัจจุบัน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีต้องแก้ไขความขัดแย้งของคนในชาติ ทุกวันนี้สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือการกล่าวหาคนเสื้อแดงว่าไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมตัดสินใจมาทำงานในพรรค ภารกิจเรื่องแรกที่ตั้งเป้าคือการพิสูจน์ว่าพรรคนี้มีความจงรักภักดีหรือไม่ ซึ่งผมได้พิสูจน์แล้วว่าทุกคนมีความจงรักภักดี พรรคนี้มีอดีตนายกรัฐมนตรีที่ยังมีชีวิตอยู่ 3 คน อดีต ผบ.ทบ. 3 คน อีกไม่นานเกินรอพรรคจะมีเครื่องหมายความจงรักภักดี เข้ามาอยู่กับเรา แม้กระทั่งหม่อมเจ้า รุ่นสุดท้ายยังจะมาอยู่กับเราข้อกล่าวหาเรื่องงบประมาณ ข้อกล่าวหาเรื่องงบประมาณ. ศอฉ.ถูกกล่าวหาจากฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามว่าใช้งบประมาณสิ้นเปลืองกว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แถลงตอบโต้กรณีดังกล่าวอย่างเกรี้ยวกราดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2553 ว่าไม่เป็นความจริง และงบประมาณของศอฉ.มีเฉพาะเบี้ยเลี้ยงของทหารเท่านั้นกรณีการออกหมายเรียก ตามพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 กรณีการออกหมายเรียก ตามพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548. หมายเรียก ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน มีทั้งหมด สอง ชุด 106 รายชื่อ ส่วนใหญ่เป็น กลุ่มวิทยุชุมชน แท็กซี่ จักรยานยนต์ และการ์ดนปช. รายชื่อเช่น บุคคล1. นาย อนุธีร์ เดชเทวพร 2. น.ส.สุลักษณ์ หลำสกุล 3. นาย สุณหณัฐ นกเล็ก 4. นาย วสันต์ สายรัศมี 5. นาย พรชัย ก่อวัฒนมงคล 6. นาย ชานุ ไชยะ 7. นาย พงษ์อัมพร บรรดาศักดิ์ 8. นาย พันธุ์ศักดิ์ ซาบุ1. นาย สุรศักดิ์ เหลือประไพกิจ 2. นาย พีระ พริ้งกลาง 3. นาย ชัยวุฒิ จริยวิโรจน์สกุล 4. นาย สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ 5. นาย พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ 6. นาย พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล 7. นาย กิตติพงษ์ นาตะเกศ 8. นาย นิติ เมธพนฎ์กรณีจับกุมฐานฝ่าฝืน พระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 กรณีจับกุมฐานฝ่าฝืน พระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548. การจับกุมฐานฝ่าฝืน พระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 9 และมาตรา 11 กล่าวคือ การฝ่าฝืนข้อกำหนดในการออกนอกเคหะสถาน ในระยะเวลาที่กำหนด หรือ กระทำการเข้าไปในสถานที่ ๆ ห้ามเข้า การเสนอข่าว การจำหน่าย หรือทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด ที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การทำร้ายร่างกายและทรัพย์สิน การออกมาชุมนุมมากว่า 5 คนขึ้นไป การมีอาวุธในครอบครอง การมีวัตถุยั่วยุเพื่อการขาย การแพร่สื่อสิ่งพิมพ์ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มีโทษจำคุกสองปี ปรับไม่เกิน สี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ รายนามที่น่าสนใจมีดังต่อไปนี้ จำนวนผู้ถูกกุมขังทั้งหมด 417คนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บุคคล1. นาย สุรชัย เพ็ชรพลอย อายุ 29 ปี 2. นาย วิษณุ กมลแมน อายุ 19 ปี 3. นาย ศรชัย คงทอง อายุ 26 ปี 4. นาย กิตติพงษ์ นาตะเกศ อายุ 24 ปี 5. นาย นิติ เมธพนฎ์ อายุ 23 ปี 6. นาย เอกพันธ์ ทาบรรหาร อายุ 19 ปี 7. นาย สาทิตย์ เสนสกุล อายุ 19 ปี คำสั่งจากศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ 78/2553 ณ วันที่ 21 มิถุนายน 2553 ให้บุคคลหรือนิติบุคคลตามบัญชีรายชื่อแนบท้ายคำสั่งนี้มารายงานตัวต่อคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อให้ถ้อยคำและส่งมอบเอกสาร หรือหลักฐานใดที่เกี่ยวกับการทำธุรกรรม อันต้องสงสัยของตนภายในวันที่ 31 กรกฎาคม2553 ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งนี้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 นิติบุคคล1. บริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน 2. บริษัท เวิร์ธซัพพลายส์ จำกัด 3. บริษัทบี.บี.ดีดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด 4. บริษัท บี.บี.ดี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด 5. บริษัทบี.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด 6. บริษัทประไหมสุหรี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด 7. บริษัท พี.ที.คอร์ปอเรชั่น จำกัด1. บริษัท เอสซีเค เอสเทต จำกัด 2. บริษัทเอสซี ออฟฟิซปาร์ค จำกัด 3. บริษัทเอสซีออฟฟิซพล่าซ่า จำกัด 4. บริษัทโอเอไอ คอนซัลแต้นท์แอนด์แมนเนจเม้นท์จำกัด 5. บริษัทโอเอไอแมนเนจเม้นต์ จำกัด 6. บริษัทโอเอไอลีสซิ่ง จำกัด 7. บริษัทโอเอไอ เอ็ดดูเคชั่น จำกัด บุคคล1. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 2. คุณหญิง พจมาน ณ ป้อมเพชร 3. นาย พานทองแท้ ชินวัตร 4. น.ส.พิณทองทา ชินวัตร 5. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 6. นาย บรรณพจน์ ดามาพงศ์ 7. นาง กาญจนาภา หงส์เหิน 8. นาย สาโรจน์ หงส์ชูเวช 9. นาย การุณ โหสกุล 10. นาย วิชาญ มีนชัยนันท์ 11. คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ 12. นาย สันติ พร้อมพัฒน์ 13. นาย ประชา ประสพดี 14. นาย ไชยา สะสมทรัพย์ 15. นาย วุฒิชัย กิตติธเนศวร 16. นาย สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ 17. นาย เจริญ จรรย์โกมล 18. นาย เรืองยุทธ ประสาทสวัสดิ์ศิริ 19. นาง มยุรี เศวตาศัย 20. นาย อุดมเดช รัตนเสถียร 21. นาง วิยดี สุตะวงศ์ 22. นาย ทัศ เชาวนเสถียร 23. พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก1. นาย อนุสรณ์ ปั้นทอง 2. นาย สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ 3. นาย พันธ์เลิศ ใบหยก 4. นาย สมหวัง อัสราศี 5. น.ส.จุฑารัตน์ เมนะเสวต 6. นาย สมชายไพบูลย์ 7. นาย สงวน พงษ์มณี 8. พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร 9. นาย ไพโรจน์ ตันบรรจง 10. นาย ชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ 11. พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ 12. นาย สุชาติ ลายน้ำเงิน 13. นาย นิยม วรปัญญา 14. นาย เหวง โตจิราการ 15. นาย วีระ มุสิกพงศ์ 16. นาย ขวัญชัย สาราคำ 17. นาย นิสิต สินธุไพร 18. นาย ก่อแก้ว พิกุลทอง 19. นาย ชินวัฒน์ หาบุญพาด 20. นาย อดิศร เพียงเกษ 21. นาย สำเริง ประจำเรือ 22. นาย สุภรณ์ อัตถาวงศ์ 23. พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์1. นาย ธนกิจ ชะเอมน้อย หรือ นายวันชนะ เกิดดี 2. นาย อารี ไกรนรา 3. นาย เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ 4. พล.ท.มนัส เปาริก 5. พล.ท.พฤณฑ์ สุวรรณทัต 6. พล.ต.อ.สร้าง บุนนาค 7. นาง เยาว์วเรศ ชินวัตร 8. นาย สุธรรม แสงประทุม 9. นาย พศิน หอกลาง 10. นาง สุกัญญา ประจวบเหมาะ 11. นาย อัสนี เชิดชัย 12. นาง ดวงแข อรรณนพพร 13. นาย เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช 14. นาย จักริน พัฒน์ดำรงจิตร 15. นาย จตุพร เจริญเชื้อ 16. นาย วิเชียรชนินทร์ สินธุไพร 17. นาง สุพิชฌาย์ พัฒนะพันธุ์ 18. นาย สมยศ พฤกษาเกษมสุข 19. นาย ไพรวงษ์ เตชะณรงค์ 20. นาย ปลอดประสพ สุรัสวดี 21. นาย ประยุทธ มหากิจศิริ 22. นาย เมธี อมรวุฒิกุล 23. นาย ภักดี ธนะปุระ คำสั่งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ 141/2553 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เรื่อง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจ ออกคำสั่งยึด หรือ อายัด สินค้าหรือวัตถุอื่นใดที่ก่อให้เกิดความแตกแยก ผู้ใดฝ่าฝืนข้อห้ามคำสั่งนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 บุคคล1. นาง กรกมล พรหิทธ์ ผู้ฝ่าฝืนข้อกำหนด 2. น.ส.อมรวัลย์ เจริญกิจ ผู้ฝ่าฝืนข้อกำหนด"ขบวนการล้มเจ้า" "ขบวนการล้มเจ้า". ประเด็นการเมือง "ขบวนการล้มเจ้า" เริ่มจากในปี 2553 รัฐบาลสมัยนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะให้สัมภาษณ์ทำนองว่าคู่แข่งทางการเมืองเป็นผู้ไม่จงรักภักดี คิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ นอกจากนี้ รัฐบาลยังปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต และได้สั่งปิดเว็บไซต์กว่า 43,000 เว็บไซต์ ภายหลังแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกมาตอบโต้ว่าไม่รู้เรื่อง และจะฟ้องร้องดำเนินคดี ในข้อหาหมิ่นประมาทกับรัฐบาลและศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) วันที่ 22 มีนาคม 2554 พันเอก สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. ให้การต่อศาลระบุว่า เป็นเพียงการให้ข้อมูลความเชื่อมโยง ไม่ได้บอกว่าใครล้มเจ้า ชี้ประชาชน-สื่อเอาไปขยายความต้องรับผิดชอบเอง
ตัวย่อของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินคืออะไร
3354
{ "answer_end": [ 79 ], "answer_start": [ 73 ], "text": [ "78,800" ] }
527647
ภาษาไปเต ภาษาไปเต (Paite language) มีผู้พูดทั้งหมด 91,800 คน พบในอินเดีย 78,800 คน (พ.ศ. 2548) ในรัฐอัสสัม มณีปุระ ตรีปุระ ไมโซรัม พบในพม่า 13,000 คน (พ.ศ. 2550) ในเทือกเขาฉิ่น จัดอยู่ในตระกูลภาษาจีน-ทิเบต ภาษากลุ่มทิเบต-พม่า สาขา กูกี-ฉิ่น-นาคา สาขาย่อยกูกี-ฉิ่น ผู้พูดภาษานี้ในอินเดียจะพูดภาษาไมโซได้ด้วย เขียนด้วยอักษรละติน เรียงประโยคแบบประธาน-กรรม-กริยา
ในปี พ.ศ. 2548 มีการบันทึกว่ามีผู้พูดภาษาไปเตในประเทศอินเดียกี่คน
3355
{ "answer_end": [ 112 ], "answer_start": [ 95 ], "text": [ "มะซะชิ คิชิโมะโตะ" ] }
1918
นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ () เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น เนื้อหาเกี่ยวกับนินจา เรื่องและภาพโดยมะซะชิ คิชิโมะโตะ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2542 ในนิตยสาร "โชเน็งจัมป์" ในประเทศญี่ปุ่น โดยมีโครงเรื่องเดิมมาจากผลงานที่คิชิโมโตะเคยเสนอให้สำนักพิมพ์ในปี 2540 ต่อมาได้ถูกสร้างเป็น อะนิเมะ และ เกม หลายต่อหลายภาค ส่วนในประเทศไทย นินจาคาถาโอ้โฮเฮะได้ถูกตีพิมพ์ในหนังสือการ์ตูนรายสัปดาห์บูม ภายใต้ลิขสิทธิ์ของบริษัทเนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ ส่วนหนังสือการ์ตูนมีทั้งหมด 72 เล่ม ส่วนภาคอะนิเมะในชื่อไทยมี 2 ภาค คือ "นารูโตะ นินจาจอมคาถา" และ "นารูโตะ ตำนานวายุสลาตัน" เป็นลิขสิทธิ์ของ "โรส วิดีโอ" และเคยออกฉายทาง สถานีโทรทัศน์ไอทีวี (ไทยพีบีเอส ในปัจจุบัน) และ ช่อง5 "นารูโตะ นินจาจอมคาถา" มีภาคมูฟวี่ 3 ภาค และ "นารูโตะ ตำนานวายุสลาตัน" มีภาคมูฟวี่ 8 ภาค และมีการฉายฉบับเสียงพากย์ภาษาไทย - อังกฤษผ่านทางช่องการ์ตูนเน็ตเวิร์ก (ทรูวิชั่นส์) โดยจะเรียกชื่อเรื่องว่า นารูโตะ และใช้ทีมพากย์ภาษาไทยของทางการ์ตูนเน็ตเวิร์ก เอง และช่องรายการดาวเทียม "Gang Cartoon Channel" ทีมพากษ์โรส วิดีโอ นารูโตะคือหนึ่งในการ์ตูนที่โด่งดังที่สุดของประเทศญี่ปุ่น และได้รับความนิยมประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในอเมริกาและยุโรป มีเนื้อหาเกี่ยวกับนินจา ศาสตร์เวทมนตร์ โดยมีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นโบราณผสมผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ปรัชญาและคำสอนที่กินใจ ปมฝั่งใจในวัยเด็กที่แตกต่างกันของแต่ละคนเชื่อมโยงสู่อตีตอย่างคาดไม่ถึง การเรียนรู้ถึงความเจ็บปวดของสงครามที่ทำให้เกิดความผิดพลาดในจิตใจของมนุษย์เนื้อเรื่องตัวละคร ตัวละคร. ทางผู้เขียนเรื่อง มาซาชิ คิชิโมโตะ และชูเอชะ ได้ออกหนังสือแนะนำตัวละครมา ในชื่อ ฮิเด็นโทโนะโชะ (秘伝・闘の書) ในภาคแรก ในหนังสือจะมีการกล่าวถึงพื้นฐานและประวัติของตัวละครแต่ละตัว โดยในหนังสือตีพิมพ์ในภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด รายละเอียดในเล่ม หลายอย่าง เช่น วันเกิด กรุ๊ปเลือด อาหารที่ชอบ อาหารที่ไม่ชอบ งานอดิเรก ความสามารถ ตรรกะต่างๆ ระดับขั้นนินจาของทุกคน และล่าสุดคือหนังสือฮิเด็นชาโนะโชะ (秘伝・者の書 ― キャラクターオフィシャルデータBOOK) ที่ละเอียดกว่าเล่มแรกมาก จะได้เห็นละเอียดความสามารถการเติบโตของตัวละครที่เพิ่มขึ้นจากภาคแรกอีกด้วยรายชื่อตอนทั้งหมดรายชื่อตอนทั้งหมด. - มังงะ - รายชื่อตอนนารูโตะ (มังงะ)- อะนิเมะ - รายชื่อตอนนารูโตะ นินจาจอมคาถา - รายชื่อตอนนารูโตะ ตำนานวายุสลาตันตอนพิเศษตอนพิเศษ. - คาคาชิไกเดน มังงะ 6 ตอนจบ ภารกิจของคาคาชิกับเพื่อนร่วมทีมนำโดยโฮคาเงะรุ่นที่ 4 เหตุการณ์ตอนที่ได้รับเนตรวงแหวน จากอุจิวะ โอบิโตะเป็นเรื่องราวในช่วงก่อนตอนที่ 1 ช่วงปลายของสงครามนินจา แต่ในหนังสือการ์ตูนมาตีพิมพ์ในช่วงระหว่างภาคที่ 1 กับภาคที่ 2 (อะนิเมะตอนที่ 339-340 ในภาค2)ตอนพิเศษที่มีเฉพาะในภาพยนตร์การ์ตูนชุด ตอนพิเศษที่มีเฉพาะในภาพยนตร์การ์ตูนชุด. นี่เป็นรายชื่อตอนพิเศษของนารูโตะ นินจาจอมคาถา ที่มีเฉพาะในอะนิเมะเท่านั้น ไม่มีในมังงะ- ภารกิจสืบข่าวที่หมู่บ้านโอโตะงาคุเระ และ ช่วย ซาซาเมะตามหาพี่ชายที่ถูกโอโรจิมารุจับตัวไป (ตอนที่ 136 - 141) - ภารกิจการตามล่าและการต่อสู้ระหว่าง มิซึกิ (อาจารย์ที่ปรากฏในตอนปฐมบทของนารูโตะ - ภายหลังไปฝักใฝ่โอโรจิมารู คล้ายกับซาซึเกะ) กับนารูโตะที่ร่วมมือกับอาจารย์อิรูกะ (ตอนที่ 142 - 147) - ภารกิจการตามล่าหาแมลงของทีมของฮินาตะ (นินจากลุ่ม 8) และการปะทะกันของตระกูลอะบุราเมะกับตระกูลแมลงอีกตระกูลชื่อคามิซึรุอิ (ตอนที่ 148 - 151) - ภารกิจกับกลุ่มของเนจิ การไปเยือนหมู่บ้านที่ตระกูลคุโรซึเกะ (หนึ่งในกลุ่มเจ็ดดาบนินจาแห่งคิริ) ที่มีการกดขี่ เมื่อทำผิดจะมีการฝังทั้งเป็น (อาจเรียกว่าเป็นงานศพของคนเป็น) เพื่อต่อสู้ปะทะกัน (ตอนที่ 152 - 157) - ภารกิจที่มอบให้รุ่นพี่ ๆ แห่งหมู่บ้านโคโนฮะงาคุเระ (รุ่นของนารูโตะและร็อกลี) พาพวกรุ่นน้อง ๆ (รุ่นของโคโนฮะมารู) ไปฝึกวิชากัน (ตอนที่ 158) - ภารกิจการตามล่าตัวอาชญากรชื่อ โกซุนคุงิ ร่วมทีมกับคิบะและฮินาตะ (ตอนที่ 159 - 160) - การบุกรุกเพื่อสืบข้อมูลจากหมู่บ้านโคโนฮะ (ตอน 161) - ภารกิจกับเนจิและเท็นเท็น ต่อสู้กับการความจริงเรื่อง"ผี" (ตอน 162 - 167) - ภารกิจช่วยลูกสาวร้านราเม็ง (ตอน 168) - ภารกิจหาความจริงเรื่อง มนุษย์ปลา กับ อดีตของอาจารย์อังโกะ (ตอน 169-173) - ภารกิจพาลูกเศรษฐีดู ชีวิตนินจาเต็มวัน (ตอน 174) - ภารกิจตามล่าหาขุมทรัพย์กับคิบะและฮินาตะ (ตอน 175-176) - ภารกิจระงับการเกิดสงครามกับจิไรยะ (ตอน 177) - ภารกิจคุ้มครองหินอุกกาบาตกับเนจิ ลี และเท็นๆ (ตอน 178-183) - ภารกิจช่วยไล่พิษเซรุ่มร้ายแรงในตัวอากามารุ และ คิบะได้ทำให้อากมารุกลับเป็นอย่างเดิม (ตอน 184) - ภารกิจช่าวยดูแลออนบะ ที่ติดอยู่ที่หลังของนารูโตะ และ ปล่อยมันกลับหาแม่ (ตอน 185) - ภารกิจช่วยไปงานศพแทนลูกชายเจ้าของไร่ซึ่งห้ามหัวเราะเด็ดขาด ตอนนี้ชิโนะหัวเราะครั้งแรก (ตอน 186) - ภารกิจช่วยคุ้มครองเจ้าหญิงแห่งแคว้นนะให้หลบหนี และต่อกรกับ 3 พี่น้องปีศาจ (ตอน 187-191) - ภารกิจให้อิโนะเข้าพิธีดูตัวแทนเจ้าหญิงที่หน้าตาเหมือนอิโนะเปี๊ยบแต่อ้วนกว่า (ตอน 192) - ภารกิจเป็นคู่ซ้อมให้ลี ที่โรงฝึก (ตอน 193) - ภารกิจปราสาทผีสิงต้องคำสาป (ตอน 194) - ภารกิจจัดการ 3 พี่น้องที่พ่อเป็นศัตรูของไก (ตอน 195-196) - ภารกิจกู้ระเบิดในโคโนฮะที่วางไว้เมื่อ 30 ปีก่อนและจัดการเกนโนมือวางกับดัก (ตอน 197-201) - ภารกิจ5อันดับฉากประทับใจ (ตอน202) - ภารกิจปกป้องยาคุโม่ ของทีมคุเรไนและนารูโตะ (ตอน 203-207) - ภารกิจปกป้องชามฟุโจทัตสึ (ตอน208) - ภารกิจคุ้มกันนักโทษไปเมืองหลวงกับซากุระและลี ซึ่งความจริงเป็นคนช่วยด็กไว้หลายคน (ตอน 209-212) - ภารกิจช่วย เมนมะ เด็กหนุ่มที่ความจำเสื่อมให้กลับมาจำได้อีกครั้งกับเนจิและเท็นเท็น (ตอน 213-215) - ภารกิจรวมพลไปช่วยกาอาระที่จะถูกแย่งพลังไป และนารุโตะออกเดินทาง (ตอน 216-220)ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องยาว ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องยาว. นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ ได้ถูกจัดทำเป็นภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องยาว สร้างโดยบริษัทโตโฮ กำกับโดยผู้กำกับเทนไซ โอกามูระ ฉายในโรงภาพยนตร์ในประเทศญี่ปุ่น 3 ภาค ภาคชิปปูเดนอีก 6 ภาค และในปัจจุบันเข้าฉายในประเทศไทย 6 ภาคนารูโตะ เดอะมูฟวี่นารูโตะ ชิปปูเดน เดอะมูฟวี่โอวีเอ โอวีเอ. นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ ได้ถูกจัดทำเป็นโอวีเอ ดังนี้เพลงประกอบภาคแรกเพลงประกอบ. ภาคแรก. - เพลงเปิดเรื่อง 2. Rocks (R★O★C★K★S, Rokusu) ขับร้องโดย Hound Dog (ตอนที่ 1-25) 3. Haruka Kanata (遥か彼方) ขับร้องโดย Asian Kung-Fu Generation (ตอนที่ 26-53) 4. Kanashimi wo Yasashisani (悲しみをやさしさに) ขับร้องโดย Little by Little (ตอนที่ 54-77) 5. GO!!! ขับร้องโดย Flow (ตอนที่ 78-103) 6. Seishun Kyosokyoku (青春狂騒曲) ขับร้องโดย Sambomaster (ตอนที่ 104-128) 7. No Boy, No Cry (ノーボーイ·ノークライ) ขับร้องโดย Stance Punks (ตอนที่ 129-153) 8. Namikaze Sateraito (波風サテライト) ขับร้องโดย Snowkel (ตอนที่ 154-178) 9. Re:member ขับร้องโดย Flow (ตอนที่ 179-202) 10. Yura Yura (ユラユラ) ขับร้องโดย Hearts Grow (ตอนที่ 203-220)- เพลงปิดเรื่อง 2. Wind ขับร้องโดย Akeboshi (ตอนที่ 1-25) 3. Harmonia ขับร้องโดย Rythem (ตอนที่ 26-51) 4. Viva★Rock ขับร้องโดย Orange Range (ตอนที่ 52-64) 5. ALIVE ขับร้องโดย RAICO (ตอนที่ 65-77) 6. Ima made Nando mo (今まで何度も) ขับร้องโดย The Massmissile (ตอนที่ 78-89) 7. Ryūsei ขับร้องโดย TiA (ตอนที่ 90-103) 8. Mountain A Go Go Two (マウンテン·ア·ゴーゴー·ツー) ขับร้องโดย Captain Straydum (ตอนที่ 104-115) 9. Hajimete Kimi to Shabetta (はじめて君としゃべった) ขับร้องโดย GaGaGa SP (ตอนที่ 116-128) 10. Nakushita Kotoba (失くした言葉) ขับร้องโดย No Regret Life (ตอนที่ 129-141) 11. Speed ขับร้องโดย Analog Fish (ตอนที่ 142-153) 12. Soba ni iru kara (そばにいるから) ขับร้องโดย Amadori (ตอนที่ 154-165) 13. Parade ขับร้องโดย Chaba (ตอนที่ 166-178) 14. Yellow Moon ขับร้องโดย Akeboshi (ตอนที่ 179-191) 15. Pinokio (ピノキオ) ขับร้องโดย Ore Ska Band (ตอนที่ 192-202) 16. Scenario ขับร้องโดย Saboten (ตอนที่ 203-220)- เพลงปิดภาพยนตร์ 2. Home Sweet Home ขับร้องโดย Yuki Isoya (ภาพยนตร์ตอน นารูโตะ เดอะมูฟวี่ ศึกชิงเจ้าหญิงหิมะ) 3. Ding! Dong! Dang! ขับร้องโดย Tube (ภาพยนตร์ตอน นารูโตะ เดอะมูฟวี่ ศึกครั้งใหญ่ ผจญนครปิศาจใต้พิภพ) 4. Tsubomi (つぼみ) ขับร้องโดย Maria (ภาพยนตร์ตอน นารูโตะ เดอะมูฟวี่ เกาะเสี้ยวจันทรา)ภาควายุสลาตันภาควายุสลาตัน. - เพลงเปิดเรื่อง 2. Hero's Come Back!! ขับร้องโดย Nobodyknows (ตอนที่ 1-30) 3. Distance ขับร้องโดย Long Shot Party (ตอนที่ 31-53) 4. Blue Bird (ブルーバード) ขับร้องโดย Ikimono-gakari (ตอนที่ 54-77) 5. Closer ขับร้องโดย Joe Inoue (ตอนที่ 78-102) 6. Hotaru no Hikari (ホタルノヒカリ) ขับร้องโดย Ikimono-gakari (ตอนที่ 103-128) 7. Sign ขับร้องโดย FLOW (ตอนที่ 129-153) 8. Tōmei datta Sekai (透明だった世界) ขับร้องโดย Motohiro Hata (ตอนที่ 154- 179) 9. Diver ขับร้องโดย Nico Touches the Walls (ตอนที่ 180-205 ) 10. Lovers ขับร้องโดย 7!! Seven Oops (ตอนที่ 206-230) 11. New Song ขับร้องโดย Tacica (ตอนที่ 231-256) 12. Assault Rock ขับร้องโดย THE CRO-MAGNONS (ตอนที่ 257-281) 13. Moshimo (もしも) ขับร้องโดย Daisuke (ตอนที่ 282-306) 14. Not Even Giving In To the Sudden Rain ขับร้องโดย NICO Touches the Walls (ตอนที่ 307-332) 15. Size of the Moon ขับร้องโดย Nogizaka46 (ตอนที่ 333-356) 16. Crimson Lotus ขับร้องโดย DOES (ตอนที่ 357-379) 17. Silhouette ขับร้องโดย KANA-BOON (ตอนที่ 380-405) 18. Wind ขับร้องโดย Yamazaru (ตอนที่ 406-431) 19. LINE ขับร้องโดย Sukima Switch (ตอนที่ 432-458) 20. Blood Circulator ขับร้องโดย Asian Kung-Fu Generation (ตอนที่ 459-479) 21. Empty Heart ขับร้องโดย Anly (ตอนที่ 480-500) - เพลงปิดเรื่อง 23. Nagareboshi Shooting Star (流れ星 〜Shooting Star〜) ขับร้องโดย Home Made Kazoku (ตอนที่ 1-18) 24. Michi: to you all (道 〜to you all) ขับร้องโดย Alüto (ตอนที่ 19-30) 25. Kimi Monogatari (キミモノガタリ) ขับร้องโดย Little by Little (ตอนที่ 31-41) 26. Mezamero! Yasei (目覚めろ!野性) ขับร้องโดย Matchy with Question? (ตอนที่ 42-53) 27. Sunao na Niji (素直な虹) ขับร้องโดย Surface (ตอนที่ 54-63) 28. Broken Youth ขับร้องโดย Nico Touches the Walls (ตอนที่ 64-77) 29. Long Kiss Good Bye ขับร้องโดย Halcali (ตอนที่ 78-90) 30. Bacchikoi!!! (バッチコイ!!!) ขับร้องโดย Dev Parade (ตอนที่ 91-102) 31. Shinkokyū (深呼吸) ขับร้องโดย Super Beaver (ตอนที่ 103-115) 32. My Answer ขับร้องโดย Seamo (ตอนที่ 116-128) 33. Omae dattanda (おまえだったんだ) ขับร้องโดย Kishidan (ตอนที่ 129-141) 34. For You ขับร้องโดย Azu (ตอนที่ 142-153) 35. Jitensha (自転車) ขับร้องโดย OreSkaBand (ตอนที่ 154-166 ) 36. Utakata Hanabi (うたかた花火) ขับร้องโดย Supercell (ตอนที่ 167-179) 37. U can do it ขับร้องโดย Domino (ตอนที่ 180-190) 38. Mayonaka no Orchestra (真夜中の楽団) ขับร้องโดย Aqua Timez (ตอนที่ 191-205) 39. Freedom ขับร้องโดย Home Made Kazoku (ตอนที่ 206-218) 40. Shout Out Your Desires!!!! ขับร้องโดย OKAMOTO'S (ตอนที่ 219-230) 41. Place To Try ขับร้องโดย TOTALFAT (ตอนที่ 231-242) 42. By my Side ขับร้องโดย Hemenway (ตอนที่ 243-256) 43. Cascade ขับร้องโดย UNLIMITS (ตอนที่ 257-268) 44. Kono Koe Karashite ขับร้องโดย AISHA (ตอนที่ 269-281) 45. Mother ขับร้องโดย MUCC (ตอนที่ 282-295) 46. Sayonara Memory ขับร้องโดย 7!! Seven Oops (ตอนที่ 296-306) 47. I Can Hear ขับร้องโดย DISH// (ตอนที่ 307-319) 48. Carry Your Dreams ~The Crissroad of Beginnings~ ขับร้องโดย Rake (ตอนที่ 320-332) 49. Black Night Town ขับร้องโดย Akihisa Kondō (ตอนที่ 333-343) 50. Rainbow ขับร้องโดย Vacuum Hollow (ตอนที่ 344-356) 51. FLAME ขับร้องโดย DISH// (ตอนที่ 357-366) 52. Never Change feat.Lyu:Lyu ขับร้องโดย SHUN (ตอนที่ 367-379) 53. It’s Absolutely No Good ขับร้องโดย Shiori Tomita (ตอนที่ 380-393) 54. Spinning World ขับร้องโดย Diana Garnett (ตอนที่ 394-405) 55. A Promise That Doesn't Need Words ขับร้องโดย sana (ตอนที่ 406-417) 56. Rainbow's Sky ขับร้องโดย FLOW (ตอนที่ 418-431) 57. Troublemaker ขับร้องโดย KANIKAPILA (ตอนที่ 432-443) 58. Such You, Such Me ขับร้องโดย Thinking Dogs (ตอนที่ 444-454) 59. Blue Lullaby ขับร้องโดย Kuroneko Chelsea (ตอนที่ 455-466) 60. Pino and Amélie ขับร้องโดย Huwie Ishizaki (ตอนที่ 467-479) 61. Departure Song ขับร้องโดย AYUMIKURIKAMAKI (ตอนที่ 480-488) 62. Absolutely ขับร้องโดย Swimy (ตอนที่ 489-500) - เพลงปิดภาพยนตร์ 64. Lie-Lie-Lie ขับร้องโดย DJ OZMA (ภาพยนตร์ตอน Naruto Shippūden the Movie) 65. No Rain No Rainbow ขับร้องโดย Home Made Kazoku (HOME MADE 家族) (ภาพยนตร์ตอน Naruto Shippūden 2: Bonds) 66. Dareka Ga ขับร้องโดย Puffy AmiYumi (ภาพยนตร์ตอน Naruto Shippūden 3: Inheritors of the Will of Fire) 67. If ขับร้องโดย Kana Nishino (西野 カナ) (ภาพยนตร์ตอน Naruto Shippūden 4: The Lost Tower) 68. Otakebi ขับร้องโดย yusuke (ภาพยนตร์ตอน Naruto Shippūden 5: Blood Prison) 69. Well Then, See You Tomorrow ขับร้องโดย Asian Kung-Fu Generation (ภาพยนตร์ตอน Naruto Shippūden 6: Road to Ninja) 70. Star Vessel ขับร้องโดย Sukima Switch (ภาพยนตร์ตอน The Last: Naruto the Movie) 71. Diver ขับร้องโดย KANA-BOON (ภาพยนตร์ตอน Boruto: Naruto the Movie)โบรูโตะโบรูโตะ. - เพลงเปิดเรื่อง 2. Baton Road ขับร้องโดย KANA-BOON (ตอนที่ 1-26) 3. OVER ขับร้องโดย Little Glee Monster (ตอนที่ 27-51) 4. It’s All in the Game ขับร้องโดย Qyoto (ตอนที่ 52-ปัจจุบัน) - เพลงปิดเรื่อง 6. Dreamy Journey ขับร้องโดย The Peggies (ตอนที่ 1-13) 7. Sayonara Moon Town ขับร้องโดย Scenario Art (ตอนที่ 14-26) 8. Boku wa Hashiri Tsuzukeru ขับร้องโดย MELOFLOAT (ตอนที่ 27-39) 9. Denshin Tamashī ขับร้องโดย Game Jikkyosha Wakuwaku Band (ตอนที่ 40-51) 10. Beauties of Nature ขับร้องโดย Coala Mode (ตอนที่ 52-ปัจจุบัน)วิดีโอเกมส์
ใครคือผู้เขียนการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องนินจาคาถาโอ้โฮเฮะ
3356
{ "answer_end": [ 142 ], "answer_start": [ 138 ], "text": [ "2542" ] }
1918
นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ () เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น เนื้อหาเกี่ยวกับนินจา เรื่องและภาพโดยมะซะชิ คิชิโมะโตะ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2542 ในนิตยสาร "โชเน็งจัมป์" ในประเทศญี่ปุ่น โดยมีโครงเรื่องเดิมมาจากผลงานที่คิชิโมโตะเคยเสนอให้สำนักพิมพ์ในปี 2540 ต่อมาได้ถูกสร้างเป็น อะนิเมะ และ เกม หลายต่อหลายภาค ส่วนในประเทศไทย นินจาคาถาโอ้โฮเฮะได้ถูกตีพิมพ์ในหนังสือการ์ตูนรายสัปดาห์บูม ภายใต้ลิขสิทธิ์ของบริษัทเนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ ส่วนหนังสือการ์ตูนมีทั้งหมด 72 เล่ม ส่วนภาคอะนิเมะในชื่อไทยมี 2 ภาค คือ "นารูโตะ นินจาจอมคาถา" และ "นารูโตะ ตำนานวายุสลาตัน" เป็นลิขสิทธิ์ของ "โรส วิดีโอ" และเคยออกฉายทาง สถานีโทรทัศน์ไอทีวี (ไทยพีบีเอส ในปัจจุบัน) และ ช่อง5 "นารูโตะ นินจาจอมคาถา" มีภาคมูฟวี่ 3 ภาค และ "นารูโตะ ตำนานวายุสลาตัน" มีภาคมูฟวี่ 8 ภาค และมีการฉายฉบับเสียงพากย์ภาษาไทย - อังกฤษผ่านทางช่องการ์ตูนเน็ตเวิร์ก (ทรูวิชั่นส์) โดยจะเรียกชื่อเรื่องว่า นารูโตะ และใช้ทีมพากย์ภาษาไทยของทางการ์ตูนเน็ตเวิร์ก เอง และช่องรายการดาวเทียม "Gang Cartoon Channel" ทีมพากษ์โรส วิดีโอ นารูโตะคือหนึ่งในการ์ตูนที่โด่งดังที่สุดของประเทศญี่ปุ่น และได้รับความนิยมประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในอเมริกาและยุโรป มีเนื้อหาเกี่ยวกับนินจา ศาสตร์เวทมนตร์ โดยมีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นโบราณผสมผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ปรัชญาและคำสอนที่กินใจ ปมฝั่งใจในวัยเด็กที่แตกต่างกันของแต่ละคนเชื่อมโยงสู่อตีตอย่างคาดไม่ถึง การเรียนรู้ถึงความเจ็บปวดของสงครามที่ทำให้เกิดความผิดพลาดในจิตใจของมนุษย์เนื้อเรื่องตัวละคร ตัวละคร. ทางผู้เขียนเรื่อง มาซาชิ คิชิโมโตะ และชูเอชะ ได้ออกหนังสือแนะนำตัวละครมา ในชื่อ ฮิเด็นโทโนะโชะ (秘伝・闘の書) ในภาคแรก ในหนังสือจะมีการกล่าวถึงพื้นฐานและประวัติของตัวละครแต่ละตัว โดยในหนังสือตีพิมพ์ในภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด รายละเอียดในเล่ม หลายอย่าง เช่น วันเกิด กรุ๊ปเลือด อาหารที่ชอบ อาหารที่ไม่ชอบ งานอดิเรก ความสามารถ ตรรกะต่างๆ ระดับขั้นนินจาของทุกคน และล่าสุดคือหนังสือฮิเด็นชาโนะโชะ (秘伝・者の書 ― キャラクターオフィシャルデータBOOK) ที่ละเอียดกว่าเล่มแรกมาก จะได้เห็นละเอียดความสามารถการเติบโตของตัวละครที่เพิ่มขึ้นจากภาคแรกอีกด้วยรายชื่อตอนทั้งหมดรายชื่อตอนทั้งหมด. - มังงะ - รายชื่อตอนนารูโตะ (มังงะ)- อะนิเมะ - รายชื่อตอนนารูโตะ นินจาจอมคาถา - รายชื่อตอนนารูโตะ ตำนานวายุสลาตันตอนพิเศษตอนพิเศษ. - คาคาชิไกเดน มังงะ 6 ตอนจบ ภารกิจของคาคาชิกับเพื่อนร่วมทีมนำโดยโฮคาเงะรุ่นที่ 4 เหตุการณ์ตอนที่ได้รับเนตรวงแหวน จากอุจิวะ โอบิโตะเป็นเรื่องราวในช่วงก่อนตอนที่ 1 ช่วงปลายของสงครามนินจา แต่ในหนังสือการ์ตูนมาตีพิมพ์ในช่วงระหว่างภาคที่ 1 กับภาคที่ 2 (อะนิเมะตอนที่ 339-340 ในภาค2)ตอนพิเศษที่มีเฉพาะในภาพยนตร์การ์ตูนชุด ตอนพิเศษที่มีเฉพาะในภาพยนตร์การ์ตูนชุด. นี่เป็นรายชื่อตอนพิเศษของนารูโตะ นินจาจอมคาถา ที่มีเฉพาะในอะนิเมะเท่านั้น ไม่มีในมังงะ- ภารกิจสืบข่าวที่หมู่บ้านโอโตะงาคุเระ และ ช่วย ซาซาเมะตามหาพี่ชายที่ถูกโอโรจิมารุจับตัวไป (ตอนที่ 136 - 141) - ภารกิจการตามล่าและการต่อสู้ระหว่าง มิซึกิ (อาจารย์ที่ปรากฏในตอนปฐมบทของนารูโตะ - ภายหลังไปฝักใฝ่โอโรจิมารู คล้ายกับซาซึเกะ) กับนารูโตะที่ร่วมมือกับอาจารย์อิรูกะ (ตอนที่ 142 - 147) - ภารกิจการตามล่าหาแมลงของทีมของฮินาตะ (นินจากลุ่ม 8) และการปะทะกันของตระกูลอะบุราเมะกับตระกูลแมลงอีกตระกูลชื่อคามิซึรุอิ (ตอนที่ 148 - 151) - ภารกิจกับกลุ่มของเนจิ การไปเยือนหมู่บ้านที่ตระกูลคุโรซึเกะ (หนึ่งในกลุ่มเจ็ดดาบนินจาแห่งคิริ) ที่มีการกดขี่ เมื่อทำผิดจะมีการฝังทั้งเป็น (อาจเรียกว่าเป็นงานศพของคนเป็น) เพื่อต่อสู้ปะทะกัน (ตอนที่ 152 - 157) - ภารกิจที่มอบให้รุ่นพี่ ๆ แห่งหมู่บ้านโคโนฮะงาคุเระ (รุ่นของนารูโตะและร็อกลี) พาพวกรุ่นน้อง ๆ (รุ่นของโคโนฮะมารู) ไปฝึกวิชากัน (ตอนที่ 158) - ภารกิจการตามล่าตัวอาชญากรชื่อ โกซุนคุงิ ร่วมทีมกับคิบะและฮินาตะ (ตอนที่ 159 - 160) - การบุกรุกเพื่อสืบข้อมูลจากหมู่บ้านโคโนฮะ (ตอน 161) - ภารกิจกับเนจิและเท็นเท็น ต่อสู้กับการความจริงเรื่อง"ผี" (ตอน 162 - 167) - ภารกิจช่วยลูกสาวร้านราเม็ง (ตอน 168) - ภารกิจหาความจริงเรื่อง มนุษย์ปลา กับ อดีตของอาจารย์อังโกะ (ตอน 169-173) - ภารกิจพาลูกเศรษฐีดู ชีวิตนินจาเต็มวัน (ตอน 174) - ภารกิจตามล่าหาขุมทรัพย์กับคิบะและฮินาตะ (ตอน 175-176) - ภารกิจระงับการเกิดสงครามกับจิไรยะ (ตอน 177) - ภารกิจคุ้มครองหินอุกกาบาตกับเนจิ ลี และเท็นๆ (ตอน 178-183) - ภารกิจช่วยไล่พิษเซรุ่มร้ายแรงในตัวอากามารุ และ คิบะได้ทำให้อากมารุกลับเป็นอย่างเดิม (ตอน 184) - ภารกิจช่าวยดูแลออนบะ ที่ติดอยู่ที่หลังของนารูโตะ และ ปล่อยมันกลับหาแม่ (ตอน 185) - ภารกิจช่วยไปงานศพแทนลูกชายเจ้าของไร่ซึ่งห้ามหัวเราะเด็ดขาด ตอนนี้ชิโนะหัวเราะครั้งแรก (ตอน 186) - ภารกิจช่วยคุ้มครองเจ้าหญิงแห่งแคว้นนะให้หลบหนี และต่อกรกับ 3 พี่น้องปีศาจ (ตอน 187-191) - ภารกิจให้อิโนะเข้าพิธีดูตัวแทนเจ้าหญิงที่หน้าตาเหมือนอิโนะเปี๊ยบแต่อ้วนกว่า (ตอน 192) - ภารกิจเป็นคู่ซ้อมให้ลี ที่โรงฝึก (ตอน 193) - ภารกิจปราสาทผีสิงต้องคำสาป (ตอน 194) - ภารกิจจัดการ 3 พี่น้องที่พ่อเป็นศัตรูของไก (ตอน 195-196) - ภารกิจกู้ระเบิดในโคโนฮะที่วางไว้เมื่อ 30 ปีก่อนและจัดการเกนโนมือวางกับดัก (ตอน 197-201) - ภารกิจ5อันดับฉากประทับใจ (ตอน202) - ภารกิจปกป้องยาคุโม่ ของทีมคุเรไนและนารูโตะ (ตอน 203-207) - ภารกิจปกป้องชามฟุโจทัตสึ (ตอน208) - ภารกิจคุ้มกันนักโทษไปเมืองหลวงกับซากุระและลี ซึ่งความจริงเป็นคนช่วยด็กไว้หลายคน (ตอน 209-212) - ภารกิจช่วย เมนมะ เด็กหนุ่มที่ความจำเสื่อมให้กลับมาจำได้อีกครั้งกับเนจิและเท็นเท็น (ตอน 213-215) - ภารกิจรวมพลไปช่วยกาอาระที่จะถูกแย่งพลังไป และนารุโตะออกเดินทาง (ตอน 216-220)ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องยาว ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องยาว. นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ ได้ถูกจัดทำเป็นภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องยาว สร้างโดยบริษัทโตโฮ กำกับโดยผู้กำกับเทนไซ โอกามูระ ฉายในโรงภาพยนตร์ในประเทศญี่ปุ่น 3 ภาค ภาคชิปปูเดนอีก 6 ภาค และในปัจจุบันเข้าฉายในประเทศไทย 6 ภาคนารูโตะ เดอะมูฟวี่นารูโตะ ชิปปูเดน เดอะมูฟวี่โอวีเอ โอวีเอ. นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ ได้ถูกจัดทำเป็นโอวีเอ ดังนี้เพลงประกอบภาคแรกเพลงประกอบ. ภาคแรก. - เพลงเปิดเรื่อง 2. Rocks (R★O★C★K★S, Rokusu) ขับร้องโดย Hound Dog (ตอนที่ 1-25) 3. Haruka Kanata (遥か彼方) ขับร้องโดย Asian Kung-Fu Generation (ตอนที่ 26-53) 4. Kanashimi wo Yasashisani (悲しみをやさしさに) ขับร้องโดย Little by Little (ตอนที่ 54-77) 5. GO!!! ขับร้องโดย Flow (ตอนที่ 78-103) 6. Seishun Kyosokyoku (青春狂騒曲) ขับร้องโดย Sambomaster (ตอนที่ 104-128) 7. No Boy, No Cry (ノーボーイ·ノークライ) ขับร้องโดย Stance Punks (ตอนที่ 129-153) 8. Namikaze Sateraito (波風サテライト) ขับร้องโดย Snowkel (ตอนที่ 154-178) 9. Re:member ขับร้องโดย Flow (ตอนที่ 179-202) 10. Yura Yura (ユラユラ) ขับร้องโดย Hearts Grow (ตอนที่ 203-220)- เพลงปิดเรื่อง 2. Wind ขับร้องโดย Akeboshi (ตอนที่ 1-25) 3. Harmonia ขับร้องโดย Rythem (ตอนที่ 26-51) 4. Viva★Rock ขับร้องโดย Orange Range (ตอนที่ 52-64) 5. ALIVE ขับร้องโดย RAICO (ตอนที่ 65-77) 6. Ima made Nando mo (今まで何度も) ขับร้องโดย The Massmissile (ตอนที่ 78-89) 7. Ryūsei ขับร้องโดย TiA (ตอนที่ 90-103) 8. Mountain A Go Go Two (マウンテン·ア·ゴーゴー·ツー) ขับร้องโดย Captain Straydum (ตอนที่ 104-115) 9. Hajimete Kimi to Shabetta (はじめて君としゃべった) ขับร้องโดย GaGaGa SP (ตอนที่ 116-128) 10. Nakushita Kotoba (失くした言葉) ขับร้องโดย No Regret Life (ตอนที่ 129-141) 11. Speed ขับร้องโดย Analog Fish (ตอนที่ 142-153) 12. Soba ni iru kara (そばにいるから) ขับร้องโดย Amadori (ตอนที่ 154-165) 13. Parade ขับร้องโดย Chaba (ตอนที่ 166-178) 14. Yellow Moon ขับร้องโดย Akeboshi (ตอนที่ 179-191) 15. Pinokio (ピノキオ) ขับร้องโดย Ore Ska Band (ตอนที่ 192-202) 16. Scenario ขับร้องโดย Saboten (ตอนที่ 203-220)- เพลงปิดภาพยนตร์ 2. Home Sweet Home ขับร้องโดย Yuki Isoya (ภาพยนตร์ตอน นารูโตะ เดอะมูฟวี่ ศึกชิงเจ้าหญิงหิมะ) 3. Ding! Dong! Dang! ขับร้องโดย Tube (ภาพยนตร์ตอน นารูโตะ เดอะมูฟวี่ ศึกครั้งใหญ่ ผจญนครปิศาจใต้พิภพ) 4. Tsubomi (つぼみ) ขับร้องโดย Maria (ภาพยนตร์ตอน นารูโตะ เดอะมูฟวี่ เกาะเสี้ยวจันทรา)ภาควายุสลาตันภาควายุสลาตัน. - เพลงเปิดเรื่อง 2. Hero's Come Back!! ขับร้องโดย Nobodyknows (ตอนที่ 1-30) 3. Distance ขับร้องโดย Long Shot Party (ตอนที่ 31-53) 4. Blue Bird (ブルーバード) ขับร้องโดย Ikimono-gakari (ตอนที่ 54-77) 5. Closer ขับร้องโดย Joe Inoue (ตอนที่ 78-102) 6. Hotaru no Hikari (ホタルノヒカリ) ขับร้องโดย Ikimono-gakari (ตอนที่ 103-128) 7. Sign ขับร้องโดย FLOW (ตอนที่ 129-153) 8. Tōmei datta Sekai (透明だった世界) ขับร้องโดย Motohiro Hata (ตอนที่ 154- 179) 9. Diver ขับร้องโดย Nico Touches the Walls (ตอนที่ 180-205 ) 10. Lovers ขับร้องโดย 7!! Seven Oops (ตอนที่ 206-230) 11. New Song ขับร้องโดย Tacica (ตอนที่ 231-256) 12. Assault Rock ขับร้องโดย THE CRO-MAGNONS (ตอนที่ 257-281) 13. Moshimo (もしも) ขับร้องโดย Daisuke (ตอนที่ 282-306) 14. Not Even Giving In To the Sudden Rain ขับร้องโดย NICO Touches the Walls (ตอนที่ 307-332) 15. Size of the Moon ขับร้องโดย Nogizaka46 (ตอนที่ 333-356) 16. Crimson Lotus ขับร้องโดย DOES (ตอนที่ 357-379) 17. Silhouette ขับร้องโดย KANA-BOON (ตอนที่ 380-405) 18. Wind ขับร้องโดย Yamazaru (ตอนที่ 406-431) 19. LINE ขับร้องโดย Sukima Switch (ตอนที่ 432-458) 20. Blood Circulator ขับร้องโดย Asian Kung-Fu Generation (ตอนที่ 459-479) 21. Empty Heart ขับร้องโดย Anly (ตอนที่ 480-500) - เพลงปิดเรื่อง 23. Nagareboshi Shooting Star (流れ星 〜Shooting Star〜) ขับร้องโดย Home Made Kazoku (ตอนที่ 1-18) 24. Michi: to you all (道 〜to you all) ขับร้องโดย Alüto (ตอนที่ 19-30) 25. Kimi Monogatari (キミモノガタリ) ขับร้องโดย Little by Little (ตอนที่ 31-41) 26. Mezamero! Yasei (目覚めろ!野性) ขับร้องโดย Matchy with Question? (ตอนที่ 42-53) 27. Sunao na Niji (素直な虹) ขับร้องโดย Surface (ตอนที่ 54-63) 28. Broken Youth ขับร้องโดย Nico Touches the Walls (ตอนที่ 64-77) 29. Long Kiss Good Bye ขับร้องโดย Halcali (ตอนที่ 78-90) 30. Bacchikoi!!! (バッチコイ!!!) ขับร้องโดย Dev Parade (ตอนที่ 91-102) 31. Shinkokyū (深呼吸) ขับร้องโดย Super Beaver (ตอนที่ 103-115) 32. My Answer ขับร้องโดย Seamo (ตอนที่ 116-128) 33. Omae dattanda (おまえだったんだ) ขับร้องโดย Kishidan (ตอนที่ 129-141) 34. For You ขับร้องโดย Azu (ตอนที่ 142-153) 35. Jitensha (自転車) ขับร้องโดย OreSkaBand (ตอนที่ 154-166 ) 36. Utakata Hanabi (うたかた花火) ขับร้องโดย Supercell (ตอนที่ 167-179) 37. U can do it ขับร้องโดย Domino (ตอนที่ 180-190) 38. Mayonaka no Orchestra (真夜中の楽団) ขับร้องโดย Aqua Timez (ตอนที่ 191-205) 39. Freedom ขับร้องโดย Home Made Kazoku (ตอนที่ 206-218) 40. Shout Out Your Desires!!!! ขับร้องโดย OKAMOTO'S (ตอนที่ 219-230) 41. Place To Try ขับร้องโดย TOTALFAT (ตอนที่ 231-242) 42. By my Side ขับร้องโดย Hemenway (ตอนที่ 243-256) 43. Cascade ขับร้องโดย UNLIMITS (ตอนที่ 257-268) 44. Kono Koe Karashite ขับร้องโดย AISHA (ตอนที่ 269-281) 45. Mother ขับร้องโดย MUCC (ตอนที่ 282-295) 46. Sayonara Memory ขับร้องโดย 7!! Seven Oops (ตอนที่ 296-306) 47. I Can Hear ขับร้องโดย DISH// (ตอนที่ 307-319) 48. Carry Your Dreams ~The Crissroad of Beginnings~ ขับร้องโดย Rake (ตอนที่ 320-332) 49. Black Night Town ขับร้องโดย Akihisa Kondō (ตอนที่ 333-343) 50. Rainbow ขับร้องโดย Vacuum Hollow (ตอนที่ 344-356) 51. FLAME ขับร้องโดย DISH// (ตอนที่ 357-366) 52. Never Change feat.Lyu:Lyu ขับร้องโดย SHUN (ตอนที่ 367-379) 53. It’s Absolutely No Good ขับร้องโดย Shiori Tomita (ตอนที่ 380-393) 54. Spinning World ขับร้องโดย Diana Garnett (ตอนที่ 394-405) 55. A Promise That Doesn't Need Words ขับร้องโดย sana (ตอนที่ 406-417) 56. Rainbow's Sky ขับร้องโดย FLOW (ตอนที่ 418-431) 57. Troublemaker ขับร้องโดย KANIKAPILA (ตอนที่ 432-443) 58. Such You, Such Me ขับร้องโดย Thinking Dogs (ตอนที่ 444-454) 59. Blue Lullaby ขับร้องโดย Kuroneko Chelsea (ตอนที่ 455-466) 60. Pino and Amélie ขับร้องโดย Huwie Ishizaki (ตอนที่ 467-479) 61. Departure Song ขับร้องโดย AYUMIKURIKAMAKI (ตอนที่ 480-488) 62. Absolutely ขับร้องโดย Swimy (ตอนที่ 489-500) - เพลงปิดภาพยนตร์ 64. Lie-Lie-Lie ขับร้องโดย DJ OZMA (ภาพยนตร์ตอน Naruto Shippūden the Movie) 65. No Rain No Rainbow ขับร้องโดย Home Made Kazoku (HOME MADE 家族) (ภาพยนตร์ตอน Naruto Shippūden 2: Bonds) 66. Dareka Ga ขับร้องโดย Puffy AmiYumi (ภาพยนตร์ตอน Naruto Shippūden 3: Inheritors of the Will of Fire) 67. If ขับร้องโดย Kana Nishino (西野 カナ) (ภาพยนตร์ตอน Naruto Shippūden 4: The Lost Tower) 68. Otakebi ขับร้องโดย yusuke (ภาพยนตร์ตอน Naruto Shippūden 5: Blood Prison) 69. Well Then, See You Tomorrow ขับร้องโดย Asian Kung-Fu Generation (ภาพยนตร์ตอน Naruto Shippūden 6: Road to Ninja) 70. Star Vessel ขับร้องโดย Sukima Switch (ภาพยนตร์ตอน The Last: Naruto the Movie) 71. Diver ขับร้องโดย KANA-BOON (ภาพยนตร์ตอน Boruto: Naruto the Movie)โบรูโตะโบรูโตะ. - เพลงเปิดเรื่อง 2. Baton Road ขับร้องโดย KANA-BOON (ตอนที่ 1-26) 3. OVER ขับร้องโดย Little Glee Monster (ตอนที่ 27-51) 4. It’s All in the Game ขับร้องโดย Qyoto (ตอนที่ 52-ปัจจุบัน) - เพลงปิดเรื่อง 6. Dreamy Journey ขับร้องโดย The Peggies (ตอนที่ 1-13) 7. Sayonara Moon Town ขับร้องโดย Scenario Art (ตอนที่ 14-26) 8. Boku wa Hashiri Tsuzukeru ขับร้องโดย MELOFLOAT (ตอนที่ 27-39) 9. Denshin Tamashī ขับร้องโดย Game Jikkyosha Wakuwaku Band (ตอนที่ 40-51) 10. Beauties of Nature ขับร้องโดย Coala Mode (ตอนที่ 52-ปัจจุบัน)วิดีโอเกมส์
การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องนินจาคาถาโอ้โฮเฮะตีพิมพ์ครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นในปี พ.ศ. อะไร
3357
{ "answer_end": [ 50 ], "answer_start": [ 21 ], "text": [ "ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส" ] }
125932
ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส () เป็นตำแหน่งสูงสุดฝ่ายอำนาจบริหารของประเทศฝรั่งเศสโดยมาจากการเลือกตั้ง และดำรงตำแหน่งเป็นทั้งประมุขแห่งรัฐ จอมทัพ ผู้รับรองรัฐธรรมนูญและผู้ปกครองร่วมแห่งอันดอร์รา ตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2391 (สมัยสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 2) ซึ่งทำให้ระบอบประธานาธิบดีของประเทศฝรั่งเศสนั้น เป็นระบอบที่มีความเป็นมายาวนานที่สุดประเทศหนึ่งในทวีปยุโรป จวบจนปัจจุบัน มีผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวทั้งสิ้น 25 คน ซึ่งทุกคนได้พำนักในปาแลเดอเลลีเซมาแล้ว รัฐธรรมนูญในแต่สาธารณรัฐนั้น ได้กำหนดอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของประธานาธิบดีแตกต่างกันไป ตั้งแต่ พ.ศ. 2502 เป็นต้นมา ประเทศฝรั่งเศสอยู่ในยุคสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 5 ในระบอบกึ่งประธานาธิบดี โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนปัจจุบันคือ แอมานุแอล มาครง ซึ่งเข้าดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2560อำนาจประธานาธิบดี อำนาจประธานาธิบดี. สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 5 นั้นเป็นการปกครองด้วยระบอบกึ่งประธานาธิบดี ประธานาธิบดีเองก็มีอำนาจมากพอสมควรซึ่งไม่เหมือนกับประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรป แม้ว่าโดยส่วนมากการควบคุมดูแลและบัญญัติกฎหมายเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและรัฐสภา แต่ประธานาธิบดีก็มีอิทธิพลด้วย อำนาจสูงสุดของประธานาธิบดีนั้นคือการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี แต่อย่างไรก็ตามรัฐสภาฝรั่งเศสก็มีอำนาจที่จะปลดคณะรัฐมนตรีได้ ทำให้ประธานาธิบดีเหมือนกับถูกบังคับให้เลือกนายกรัฐมนตรีที่รัฐสภาให้การสนับสนุน เมื่อไหร่ที่เสียงส่วนมากในรัฐสภามีความเห็นทางการเมืองตรงข้ามกับประธานาธิบดี ซึ่งจะทำให้เกิดการบริหารร่วมกัน เมื่อนั้นอำนาจประธานาธิบดีจะลดน้อยลง เนื่องจากอำนาจส่วนมากจะไปขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีและรัฐสภาแทน และอาจจะไม่สนับสนุนการแต่งตั้งของประธานาธิบดีอีกด้วย เมื่อไหร่ที่เสียงส่วนมากในรัฐสภาสนับสนุนประธานาธิบดี ประธานาธิบดีก็จะมีบทบาทมากขึ้นและมีอิทธิพลต่อนโยบายการบริหารของรัฐบาล บทบาทของนายกรัฐมนตรีจึงลดลงและอาจถูกปลดออกจากตำแหน่งหรือเปลี่ยนคณะผู้บริหารถ้าไม่เป็นที่นิยม ตั้งแต่พ.ศ. 2545 เป็นต้นมา ประธานาธิบดีและรัฐสภามีวาระ 5 ปีและการเลือกตั้งทั้ง 2 ครั้งจะใกล้กัน ทำให้ความเป็นไปได้ของการบริหารร่วมกันนั้นมีความน้อยลง อำนาจของประธานาธิบดีมีดังนี้:- ประธานาธิบดีประกาศกฎหมาย- ประธานาธิบดีมีอำนาจในการยับยั้งชั่วคราว: เมื่อจะเสนอร่างกฎหมาย ประธานาธิบดีมีสิทธิที่จะเรียกร้องให้รัฐสภาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แต่สามารถกระทำได้ครั้งเดียวต่อกฎหมายฉบับหนึ่ง - ประธานาธิบดีมีอำนาจในการชี้แนะให้มีการพิจารณาร่างกฎหมายต่อสภารัฐธรรมนูญก่อนการประกาศใช้ - ประธานาธิบดีมีอำนาจในการยุบสภาฯ - ประธานาธิบดีสามารถชี้แนะให้มีการลงประชามติกฎหมายบางประเภทหรือสนธิสัญญาภายในเงื่อนไขบางประการซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐสภาต้องเห็นด้วย - ประธานาธิบดีเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด (จอมทัพ) - ประธานาธิบดีมีอำนาจในการออกคำสั่งให้มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ - ประธานาธิบดีมีอำนาจในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี แต่ไม่สามารถปลดนายกรัฐมนตรีออกได้ - ประธานาธิบดีมีอำนาจในการแต่งตั้งหรือปลดรัฐมนตรีได้ โดยความเห็นชอบของนายกรัฐมนตรี - ประธานาธิบดีมีอำนาจในการเสนอชื่อข้าราชการ (ด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี) - ประธานาธิบดีมีอำนาจในการเสนอชื่อสมาชิกสภารัฐธรรมนูญ - ประธานาธิบดีต้อนรับคณะทูตจากต่างประเทศ - ประธานาธิบดีมีอำนาจในการอภัยโทษ (ไม่ใช่นิรโทษกรรม) แก่นักโทษที่ตัดสินว่ามีความผิด และสามารถลดหรือระงับคำพิพากษาได้ และนี่สำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะประเทศฝรั่งเศสยังมีการประหารชีวิตอยู่ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมีการตัดสินประหารชีวิต ประธานาธิบดีก็มักจะอภัยโทษให้โดยอัตโนมัติ โดยทำให้โทษลดลงเหลือเพียงจำคุกตลอดชีวิต การตัดสินใจของประธานาธิบดีนั้น จะต้องมีการลงนามร่วมโดยนายกรัฐมนตรี ยกเว้นกรณีการยุบสภาผู้แทนราษฎรการนิรโทษกรรมของประธานาธิบดี การนิรโทษกรรมของประธานาธิบดี. ในประเทศฝรั่งเศสนั้นมีประเพณีที่เรียกว่า การนิรโทษกรรมของประธานาธิบดี หลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีและรัฐสภาที่มาจากพรรคเดียวกันนั้น รัฐสภาจะมีการลงคะแนนเสียงในการประกาศกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่นักโทษที่กระทำผิดเล็กๆ น้อยๆ การกระทำนี้เป็นที่วิพากย์วิจารณ์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเป็นที่เชื่อกันว่าเป็นการส่งเสริมให้มีการทำผิดกฎหมายก่อนหน้าการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม การออกกฎหมายนิรโทษกรรมนี้ อาจจะเป็นการให้อำนาจประธานาธิบดีในการนิรโทษกรรมนักโทษบางคนถ้าตรงตามเงื่อนไข บางคนก็พูดกันว่า การนิรโทษกรรมนี้เป็นการลดประชากรนักโทษในคุกอีกด้วยการเลือกตั้ง การเลือกตั้ง. ตั้งแต่การลงประชามติในปี พ.ศ. 2543 ประธานาธิบดีฝรั่งเศสจะได้รับการเลือกตั้งโดยตรงโดยมีวาระ 5 ปี (ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสมีวาระ 7 ปี ภายหลังมาลดลงเหลือ 5 ปี ซึ่งเริ่มวาระ 5 ปี ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2545 สมัยประธานาธิบดีฌัก ชีรัก) ฌัก ชีรักได้รับการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2538 และ พ.ศ. 2545 ซึ่งไม่มีข้อกำหนด ทำให้ชีรักสามารถเป็นประธานาธิบดีต่อไปได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่ดำรงตำแหน่งต่อไป ประธานาธิบดีคนถัดมาคือ นีกอลา ซาร์กอซี ซึ่งดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 ฟร็องซัว มีแตร็องและฌัก ชีรัก เป็นประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งครบวาระ (14 ปี และ 12 ปี) ผู้สมัครแต่ละคนต้องยื่นรายชื่อผู้สนับสนุนอย่างน้อย 500 คน ให้สภารัฐธรรมนูญตรวจสอบคุณสมบัติ ก่อนจะประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดี และเปิดการรณรงค์หาเสียงอย่างเป็นทางการ ผู้สนับสนุนนั้น ส่วนมากจะเป็นนายกเทศมนตรี ซึ่งจะต้องมาจาก 30 จังหวัด (département) เป็นอย่างน้อยหรือประชาชนอาศัยในต่างประเทศ และร้อยละ 10 จะต้องไม่มาจากอำเภอหรือประชาชนกลุ่มเดียวกัน และผู้สนับสนุนที่ว่านั้น สามารถเสนอได้ชื่อผู้สมัครได้เพียงคนเดียวต่อหนึ่งคน ในประเทศฝรั่งเศสนั้นมีข้าราชการที่ได้รับการเลือกตั้งแล้วกว่า 45,000 คน ประกอบด้วยนายกเทศมนตรีประมาณ 36,000 คนผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งล่าสุด ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งล่าสุด. การเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 23 เมษายน และ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 2017การสืบตำแหน่ง การสืบตำแหน่ง. เมื่อประธานาธิบดีเสียชีวิตลงหรือลาออกจากตำแหน่ง ประธานสมาชิกวุฒิสภาจะทำหน้าที่เป็นประธานาธิบดีชั่วคราว อาแล็ง ปอแอร์เป็นคนเดียวที่ได้รับตำแหน่งชั่วคราวนี้ ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2512 เมื่อชาร์ล เดอ โกล ลาออกจากตำแหน่ง และครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2517 เมื่อฌอร์ฌ ปงปีดูเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน ในสถานการณ์อย่างนี้เป็นที่สำคัญว่า ประธานสมาชิกวุฒิสภาทำหน้าที่เป็นประธานาธิบดีชั่วคราว มิใช่ประธานาธิบดีคนใหม่ จึงทำให้ไม่ต้องออกจากตำแหน่งประธานสมาชิกวุฒิสภา อย่างไรก็ตามประเทศฝรั่งเศสก็ได้ยกอาแล็ง ปอแอร์ เป็นอดีตประธานาธิบดีคนหนึ่งและยังได้ถูกจัดไว้ในทำเนียบประธานาธิบดีในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีฝรั่งเศสอีกด้วย การเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบแรกนั้นจะต้องจัดให้เรียบร้อยภายใน 20-35 วัน หลังตำแหน่งประธานาธิบดีว่างลง เพราะว่า 15 วันนั้น สามารถแยกการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบที่ 1 และ 2 ได้ นั่นหมายความว่าประธานสมาชิกวุฒิสภาจะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีชั่วคราวได้มากที่สุดเพียง 15 วันเท่านั้น ในระหว่างที่ทำหน้าที่ประธานาธิบดีชั่วคราวนั้น จะไม่สามารถยุบสภา ชี้แนะการลงประชามติ หรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญได้ ถ้าไม่มีประธานวุฒิสภารักษาราชการแทน อำนาจของประธานาธิบดีนั้นจะตกอยู่กับคณะรัฐมนตรี ซึ่งก็จะตกอยู่กับนายกรัฐมนตรีนั่นเอง แต่ถ้านายกรัฐมนตรีไม่สามารถรักษาราชการแทนได้แล้วไซร้ รัฐมนตรีจะทำการแทนโดยยึดตามลำดับรายชื่อในคณะรัฐมนตรี อย่างไรก็ตามที่กล่าวมาจะมีสิทธิเป็นไปได้ยากเพราะถ้าไม่มีประธานสมาชิกวุฒิสภา สมาชิกวุฒิสภาจะเสนอชื่อประธานสมาชิกวุฒิสภาคนใหม่เพื่อที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีชั่วคราวแทนสถานที่อาศัยอย่างเป็นทางการ สถานที่อาศัยอย่างเป็นทางการ. สถานที่อาศัยอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีฝรั่งเศสนั้นคือ Palais de l'Élysée ในกรุงปารีส ส่วนสถานที่อาศัยของประธานาธิบดีที่อื่น ๆ ได้แก่:- Fort de Bregançon ตั้งอยู่บริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส เป็นสถานที่ที่ประธานาธิบดีอาศัยพักผ่อนในวันหยุด - Hôtel de Marigny ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับ Palais de l'Élysée เป็นสถานที่ที่ให้ข้าราชการชาวต่างประเทศพักอาศัย - Château de Rambouillet ปกติเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมยกเว้นเมื่อมีการประชุมอย่างเป็นทางการ (น้อยครั้ง) - Domaine National de Marly ปกติเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมยกเว้นเมื่อมีการประชุมอย่างเป็นทางการ (น้อยครั้ง) - Domaine de Souzy-la-Briche เป็นสถานที่อาศัยแบบส่วนตัว (มิใช่ทางประวัติศาสตร์)อดีตประธานาธิบดี อดีตประธานาธิบดี. ในปัจจุบันประเทศฝรั่งเศสมีอดีตประธานาธิบดีที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่ 4 ท่านได้แก่- วาเลรี ฌิสการ์ แด็สแต็ง (ดำรงตำแหน่ง: พ.ศ. 2517 - พ.ศ. 2524) - ฌัก ชีรัก (ดำรงตำแหน่ง: พ.ศ. 2538 - พ.ศ. 2550) - นีกอลา ซาร์กอซี (ดำรงตำแหน่ง: พ.ศ. 2550 - พ.ศ. 2555) - ฟร็องซัว ออล็องด์ (ดำรงตำแหน่ง: พ.ศ. 2555 - พ.ศ. 2560) ตามกฎหมายของประเทศฝรั่งเศส อดีตประธานาธิบดีจะได้รับเงินบำนาญตลอดชีพในฐานะเท่ากับที่ปรึกษากิตติมศักดิ์แห่งรัฐ (French: conseiller d'État) และได้รับหนังสือเดินทางทูต และตามรัฐธรรมนูญมาตราที่ 56 อดีตประธานาธิบดีจะดำรงตำแหน่งสมาชิกแห่งสภาร่างรัฐธรรมนูญด้วย
ตำแหน่งสูงสุดของฝ่ายอำนาจบริหารของประเทศฝรั่งเศสที่มาจากการเลือกตั้งคือตำแหน่งใด
3358
{ "answer_end": [ 101 ], "answer_start": [ 93 ], "text": [ "ตะวันออก" ] }
47632
ประเทศแทนซาเนีย แทนซาเนีย หรือชื่อทางการ สหสาธารณรัฐแทนซาเนีย (; ) เป็นประเทศที่อยู่บนชายฝั่งตะวันออกของแอฟริกา มีอาณาเขตทางเหนือจดเคนยาและยูกันดา ทางตะวันตกจดรวันดา บุรุนดี และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และทางใต้จดแซมเบีย มาลาวี และโมซัมบิก ส่วนทางตะวันออกจดมหาสมุทรอินเดีย ประเทศตั้งชื่อมาจากแผ่นดินใหญ่แทนกันยีกาและเกาะแซนซิบาร์ที่อยู่นอกจากชายฝั่งตะวันออก แทนซาเนียเป็นสมาชิกของเครือจักรภพแห่งชาติ ตั้งแต่ประกาศเอกราชเมื่อ พ.ศ. 2504 เมื่อ พ.ศ. 2507 แทนกันยีกาได้รวมกับแซนซีบาร์ กลายเป็นสหสาธารณรัฐแทนแกนยิกาและแซนซิบาร์ และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นสหสาธารณรัฐแทนซาเนีย เมื่อพ.ศ. 2539 เมืองหลวงของแทนซาเนียย้ายจากดาร์เอสซาลามไปโดโดมา อย่างไรก็ดี สำนักงานของรัฐบาลหลายแห่งยังคงตั้งอยู่ในเมืองหลวงเดิมภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ศตวรรษที่ 19-20หลังการประกาศเอกราชการเมืองการปกครองบริหารนิติบัญญัติตุลาการการบังคับใช้กฎหมายสิทธิมนุษยชนนโยบายต่างประเทศกองทัพการแบ่งเขตการปกครองเศรษฐกิจโครงสร้างการท่องเที่ยวโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคม และ โทรคมนาคมวิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีการศึกษาสาธารณสุขประชากรศาสตร์ ประชากรศาสตร์. 48,261,942 คน (ค่าประมาณการ เดือนกรกฏคม พ.ศ. 2556)เชื้อชาติ เชื้อชาติ. ประกอบด้วยเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ กว่า 120 เผ่า ซึ่งมีต้นกำเนิดจากเผ่า Bantu แต่ละเผ่าพันธุ์มีภาษาและสำเนียงเฉพาะของตนเอง และมีไม่เกิน 1 ใน 10 ของประชากร เผ่าที่มีขนาดใหญ่ ได้แก่ Sukuma และ Nyamwezi ส่วนประชากรในเกาะแซนซิบาร์และเกาะเพมบามีเชื้อสายแอฟริกันผสมอาหรับศาสนาภาษากีฬาฟุตบอลมวยสากลวัฒนธรรมสถาปัตยกรรมอาหารดนตรีสื่อสารมวลชนวันหยุด
แทนซาเนียเป็นประเทศที่อยู่บนชายฝั่งด้านทิศใดของทวีปแอฟริกา
3359
{ "answer_end": [ 27 ], "answer_start": [ 18 ], "text": [ "เติร์กเมน" ] }
6402
ภาษาเติร์กเมน ภาษาเติร์กเมน (Turkmen, Туркмен, ISO 639-1: tk, ISO 639-2: tuk) คือชื่อภาษาราชการของประเทศเติร์กเมนิสถาน. มีคนพูดภาษาเติร์กเมนประมาณ 3,430,000 คนในประเทศเติร์กเมนิสถาน และประมาณ 3,000,000 คนในประเทศอื่น ๆ เช่น ประเทศอิหร่าน (2,000,000) ประเทศอัฟกานิสถาน (500,000) และประเทศตุรกี (1,000) ภาษาเติร์กเมนอยู่ในตระกูลเตอร์กิก และบางครั้งก็รวมอยู่ในตระกูลที่ใหญ่กว่า คือ ตระกูลอัลไตอิก เป็นภาษากลุ่มเตอร์กิกทางใต้ในกลุ่มเติร์กเมเนียน สัมพันธ์กับภาษาตุรกีไครเมีย (Crimean Turkish) และ ภาษาซาลาร์ (Salar) และสัมพันธ์น้อยกว่ากับภาษาตุรกีและภาษาอาเซอร์ไบจาน ภาษาเติร์กเมนเขียนโดยใช้อักษรซีริลลิกหรืออักษรอาหรับด้วย อย่างไรก็ดี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีซาปาร์มูรัต นิยาซอฟ ได้ประกาศให้เขียนภาษาติร์กเมนโดยใช้อักษรโรมันที่ได้รับการดัดแปลงการจัดจำแนก ภาษาที่เกี่ยวข้องและสำเนียง การจัดจำแนก ภาษาที่เกี่ยวข้องและสำเนียง. ภาษาเติร์กเมนเป็นภาษาในกลุ่มภาษาเตอร์กิก อยู่ในกลุ่มย่อยเตอร์กิกตะวันออก กลุ่มโอคุซตะวันออก ซึ่งกลุ่มนี้ได้รวมภาษาเติร์กโคซารานีด้วย ภาษาเติร์กเมนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับภาษาตาตาร์ไครเมียและภาษาซาลาร์และใกล้เคียงกับภาษาตุรกีและภาษาอาเซอร์ไบจาน ภาษาเติร์กเมนเป็นภาษาที่มีการเปลี่ยนเสียงสระ เป็นภาษารูปคำติดต่อและไม่มีการแบ่งเพศทางไวยากรณ์และไม่มีกริยาอปกติ การเรียงลำดับคำในประโยคเป็นประธาน-กรรม-กริยา การเขียนของภาษาเติร์กเมนใช้ตามสำเนียงโยมุด และยังมีสำเนียงอื่นๆอีกมาก สำเนียงเตเกมักจะถูกอ้างว่าเป็นภาษาชะกะไตโดยเฉพาะในอัฟกานิสถาน แต่ภาษาเติร์กเมนทุกสำเนียงได้รับอิทธิพลจากภาษาชะกะไตไม่มากนักวรรณคดี วรรณคดี. กวีที่มีชื่อเสียงของภาษาเติร์กเมนคือ Magtymguly Pyragy ซึ่งมีชีวิตในช่วงพุทธศตวรรษที่ 23 ภาษาของเขาเป็นการแสดงช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างภาษาชะกะไตและภาษาเติร์กเมนที่เป็นภาษาพูดระบบการเขียน ระบบการเขียน. อย่างเป็นทางการ ภาษาเติร์กเมนในปัจจุบันเขียนด้วยอักษรใหม่หรืออักษรละติน อย่างไรก็ตาม อักษรยุคเก่าหรืออักษรซีริลลิกยังคงใช้อยู่ พรรคการเมืองหลายพรรคที่ต่อต้านนโยบายของประธานาธิบดีนิกาเยฟยังคงใช้อักษรซีริลลิกในเว็บไซต์และสื่อสิ่งพิมพ์ ก่อน พ.ศ. 2472 ภาษาเติร์กเมนเคยเขียนด้วยอักษรอาหรับดัดแปลง ใน พ.ศ. 2472 - 2481 เปลี่ยนมาใช้อักษรละติน แล้วจึงเปลี่ยนมาใช้อักษรซีริลลิกในช่วง พ.ศ. 2481 - 2534 แล้วจึงเปลี่ยนมาใช้อักษรละตินที่ใช้ในปัจจุบัน แต่การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างช้าๆไวยากรณ์การเปลี่ยนเสียงสระ ไวยากรณ์. การเปลี่ยนเสียงสระ. เช่นเดียวกับภาษากลุ่มเตอร์กิกอื่นๆ ภาษาเติร์กเมนมีการเปลี่ยนเสียงสระ โดยทั่วไป ถ้าเป็นคำดั้งเดิมในภาษาจะประกอบด้วยสระหน้าหรือสระหลังเท่านั้น คำอุปสรรคและปัจจัยจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนเสียงสระนี้ โดยจะเปลี่ยนรูปไปตามคำที่เข้าประกอบ รูปกริยาแท้ของคำจะถูกจำแนกตามสระหย้าและสระหลัง คำที่มีที่มาจากภาษาอื่น ส่วนใหญ่เป็นภาษารัสเซีย ภาษาเปอร์เซียหรือภาษาอาหรับจะไม่มีการเปลี่ยนเสียงสระคำกริยา คำกริยา. คำกริยาแบ่งเป็นรูปเอกพจน์และพหูพจน์ แบ่งตามบุรุษเป็นบุรุษที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มีการกของคำกริยา 11 การก มีคำกริยาสองชนิดในภาษาเติร์กเมนซึ่งแบ่งตามรูปของกริยาแท้ที่ลงท้ายด้วย -mak และ -mek โดย -mak จะตามรูปสระหลังส่วน -mek จะตามรูปสระหน้าปัจจัย ปัจจัย. ปัจจัยเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของภาษาเติร์กเมนเสียงสระพยัญชนะ
ภาษาราชการของประเทศเติร์กเมนิสถานคือภาษาใด
3360
{ "answer_end": [ 95 ], "answer_start": [ 89 ], "text": [ "บราซิล" ] }
760608
แพนอเมริกันเกมส์ 1963 กีฬาแพนอเมริกันเกมส์ 1963 () การแข่งขันนี้จัดขึ้นที่เซาเปาลู ประเทศบราซิล ระหว่างวันที่ 20 เมษายน – 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1963ประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขันประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขัน. - (เจ้าภาพ)
การแข่งขันกีฬาแพนอเมริกันเกมส์ในปีค.ศ. 1963 จัดขึ้นที่ประเทศใด
3361
{ "answer_end": [ 13 ], "answer_start": [ 7 ], "text": [ "เพปซิน" ] }
100260
เพปซิน เพปซิน () เป็นเอนไซม์ที่ช่วยย่อยสารอาหารประเภทโปรตีน (จากอาหารจำพวกเนื้อสัตว์) ให้เป็นเพปไทด์ (โปรตีนที่มีโมเลกุลเล็กลง) ทำหน้าย่อยเพปไทด์ให้เป็นพอลิเพปไทด์ ซึ่งทริปซินสร้างจากตับอ่อน แล้วก็จะถูกส่งไปที่ลำไส้เล็ก โดยจะมีเอนไซม์ที่จะย่อยพอลิเพปไทด์เป็นโมเลกุลที่เล็กลงคือ กรดอะมิโน
เอนไซม์ที่ช่วยย่อยสารอาหารประเภทโปรตีนจากเนื้อสัตว์ให้เป็นเพปไทด์หรือโปรตีนที่มีโมเลกุลเล็กลงเรียกว่าอะไร
3362
{ "answer_end": [ 266 ], "answer_start": [ 258 ], "text": [ "เอ็มทาทา" ] }
907924
ทรานสไก ทรานสไก ( หมายถึง พื้นที่นอกเหนือ แม่น้ำเกรตไค), มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐทรานสไก (โคซา : iRiphabliki yeTranskei) เป็นบันตูสถาน (อาณาเขตที่ตั้งขึ้นเพื่อแยกประชากรผิวดำ) ในประเทศแอฟริกาใต้ มีเมืองหลวงชื่อเมือง อึมทาทา ,ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น เอ็มทาทา ในปี 2004 ทรานสไก เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญอย่างหนึ่งในประวัติศาสตร์ของแอฟริกาใต้ในเรื่องของการแบ่งแยกสีผิวและชนชั้นเพราะทรานสไกเป็นประเทศแรกสุดใน 4 ประเทศ ที่แยกตัวเป็นอิสระจากแอฟริกาใต้ก่อนที่จะกลับมารวมกันอีกครั้งในปี พ.ศ. 2537 และเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดอีสเทิร์นเคปในปัจจุบัน
เมืองหลวงของสาธารณรัฐทรานสไกมีชื่อว่าอะไร
3363
{ "answer_end": [ 27 ], "answer_start": [ 20 ], "text": [ "สาละวิน" ] }
96187
แม่น้ำสาละวิน แม่น้ำสาละวิน (; ; ; กะเหรี่ยงสะกอ: โคโหล่โกล) เป็นแม่น้ำสายที่ยาวเป็นอันดับที่ 26 ของโลก ยาว 2,800 กิโลเมตร และเป็นแม่น้ำที่มีความยาวเป็นอันดับสองของภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ รองมาจากแม่น้ำโขง มีต้นกำเนิดจากการละลายของหิมะเหนือเทือกเขาหิมาลัย ไหลผ่านมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ที่ซึ่งเรียกแม่น้ำนี้ว่า นู่เจียง () หมายถึง "แม่น้ำพิโรธ" และผ่านประเทศพม่าผ่านรัฐฉาน รัฐกะยา รัฐกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นแม่น้ำกั้นพรมแดน ระหว่างพม่ากับไทยที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน และไหลลงมาบรรจบกับแม่น้ำเมย หลังจากนั้นแม่น้ำสาละวินจึงไหลวกกลับเข้าประเทศพม่า และไหลลงสู่มหาสมุทรอินเดียที่อ่าวเมาะตะมะ รัฐมอญ แม่น้ำสาละวินมีต้นกำเนิดที่เดียวกับแม่น้ำโขง และแม่น้ำแยงซี โดยแบ่งแยกออกจากกันอย่างชัดเจนจากต้นกำเนิด และเนื่องจากเป็นน้ำที่เกิดจากการละลายของหิมะ อุณหภูมิของน้ำในแม่น้ำสาละวินจึงมีความเย็นกว่าน้ำในแม่น้ำอื่น ๆ ในประเทศไทย บางช่วงมีความลึกมากและน้ำไหลแรง นอกจากนี้ ในประเทศ จีน แม่น้ำสาละวิน เป็น 1 ในแม่น้ำ 3 สาย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น "มรดกโลก" ร่วมกับ แม่น้ำโขง และ แม่น้ำแยงซี ในเขตพื้นที่มณฑลยูนนาน ภายใต้ชื่อ พื้นที่คุ้มครองแม่น้ำขนานสามสายแห่งยูนนาน โดยพื้นที่ดังกล่าว นับได้ว่าเป็นสถานที่แห่งหนึ่งบนโลกที่มีความอุดมสมบูรณ์และความหลายหลายทางชีวภาพสูงลำน้ำสาขา ลำน้ำสาขา. ลำน้ำสาขาซึ่งไหลลงแม่น้ำสาละวินทั้งทางตรงและทางอ้อม แบ่งตามระบบลุ่มน้ำประธาน ประกอบด้วยลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำสาละวินลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำสาละวิน. - แม่น้ำปาย ต้นกำเนิดจากทิวเขาถนนธงชัย ใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ไหลลงทางใต้ของแม่น้ำสาละวินในพม่า - แม่น้ำยวม ต้นน้ำจากเขาที่ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ไหลลงแม่น้ำเมยที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน - แม่น้ำเมย ต้นน้ำเกิดที่โคดโพโชในประเทศพม่า แล้วไหลเป็นเส้นกั้นเขตแดนระหว่างไทยกับพม่าใน อ.แม่สอด อ.แม่ระมาด อ.ท่าสองยาง จ.ตาก และ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน แล้วไหลเข้าประเทศพม่าลงสู่แม่น้ำสาละวินเขื่อน เขื่อน. บนแม่น้ำสาละวิน มีโครงการสร้างเขื่อนหลายแห่ง ซึ่งแต่ละที่ก็มักเป็นประเด็นทางด้านการเมือง- เขื่อนท่าซาง เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำขนาด 7,110 เมกะวัตต์ ในรัฐฉาน ตรงข้าม อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ - เขื่อนยวาติ๊ด : ในรัฐกะเหรี่ยง ขนาด 600 เมกะวัตต์- เขื่อนเว่ยจี (สาละวินชายแดนตอนบน) แก่งเว่ยจีบริเวณชายแดนพม่า-ไทย (เขตอุทยานแห่งชาติสาละวิน) ขนาด 4,000-5,6000 เมกะวัตต์- เขื่อนดา-กวิน (สาละวินชายแดนตอนล่าง) ในเขตอุทยานแห่งชาติสาละวิน ขนาดประมาณ 900 เมกะวัตต์- เขื่อนฮัตจี แก่งฮัตจีในรัฐกะเหรี่ยง ขนาด 600 เมกะวัตต์พันธุ์ปลา พันธุ์ปลา. ดูบทความหลักที่ ปลาที่พบในลุ่มแม่น้ำสาละวิน ชนิดพันธุ์ปลาที่พบในแม่น้ำสาละวิน จัดได้ว่ามีปริมาณน้อยกว่าปลาที่พบในลุ่มน้ำใกล้เคียง อย่าง แม่น้ำเจ้าพระยา หรือแม่น้ำโขง โดยชนิดพันธุ์ปลามีความใกล้เคียงกับปลาที่พบในประเทศอินเดีย ที่อยู่ไกลออกไปนับพันกิโลเมตรมากกว่าชนิดพันธุ์ปลาที่พบในประเทศไทย และหลายชนิดเป็นปลาเฉพาะถิ่นที่ไม่พบในที่แห่งอิ่น เช่น ปลากดหมูสาละวิน, ปลากดหัวเสียม, ปลาหยะเค, ปลาแค้ขี้หมู, ปลากระทิงจุด เป็นต้น และยังมีอีกหลายชนิดที่ยังไม่ได้มีการค้นพบ
แม่น้ำที่มีความยาวเป็นอันดับสองของภูมิภาคเอเชียอาคเนย์คือแม่น้ำใด
3364
{ "answer_end": [ 3 ], "answer_start": [ 0 ], "text": [ "ด่ง" ] }
113643
ด่ง ดอง (เวียดนาม Dong หรือ VND) คือหน่วยเงินของเวียดนามที่ใช้ในประเทศเวียดนาม อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 550 ด่งต่อบาท หรือ ประมาณ 16,000 ด่งต่อดอลลาร์สหรัฐเงินที่ใช้ในปัจจุบัน เงินที่ใช้ในปัจจุบัน. รูปแบบที่ใช้มีทั้งเหรียญและธนบัตร โดยมีราคา- เหรียญ มีราคา 200 ดอง 500 ดอง 1,000 ดอง 2,000 ดอง และ 5,000 ดอง - ธนบัตร มีราคา 100 ดอง 200 ดอง 500 ดอง 1,000 ดอง 2,000 ดอง 5,000 ดอง 10,000 ด่ง 20,000 ดอง 50,000 ดอง 100,000 ดอง 200,000 ดอง และ 500,000 ดอง
สกุลเงินของเวียดนามคืออะไร
3365
{ "answer_end": [ 925 ], "answer_start": [ 909 ], "text": [ "ชำนิ ศักดิเศรษฐ์" ] }
126039
ชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ชำนิ ศักดิเศรษฐ์ (3 มีนาคม พ.ศ. 2490-) รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กรรมการในคณะกรรมการพัฒนาพรรคการเมืองเพื่อการปฏิรูปประเทศตามรัฐธรรมนูญ ตามคำสั่งคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ 14/2560 และ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 2 สมัย เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ภาคใต้ประวัติ ประวัติ. ชำนิ ศักดิเศรษฐ์ เกิดเมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2490 เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวนทั้งหมด 5 คน ของนายกรึกและนางช้อย ศักดิเศรษฐ์ ชีวิตครอบครัว สมรสกับนางทรรศนา ศักดิเศรษฐ์ (นามสกุลเดิม ภาณุสุนทร) มีบุตรสาวด้วยกันทั้งหมด 1 คนการศึกษา การศึกษา. ชำนิ ศักดิเศรษฐ์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ระดับปริญญาโท สาขารัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2536 และได้รับพระราชทานปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ในปีเดียวกันประวัติการทำงาน ประวัติการทำงาน. ชำนิ ศักดิเศรษฐ์ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช ในปี พ.ศ. 2518, 2531, 2535/1, 2535/2, 2538, 2539, 2544 (สังกัดพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย, พรรคเอกภาพ, พรรคพลังธรรม และพรรคประชาธิปัตย์) เคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย และรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2533 และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในระหว่างปี พ.ศ. 2535-2537 และ พ.ศ. 2540-2544 ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดตั้ง คณะรัฐมนตรีเงา หรือ ครม.เงา ขึ้นเป็นครั้งแรก นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ได้รับเลือกจากที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ ให้ทำหน้าที่ รองนายกรัฐมนตรีเงา ดูแลตรวจสอบ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และ สภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ตามข้อบังคับพรรค และ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในปี พ.ศ. 2554 พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่อีกครั้ง โดยนายชำนิได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกับ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน และ นายจุติ ไกรฤกษ์ การเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 นายชำนิ ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 10 และได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.อีกสมัยรางวัลและเกียรติยศ รางวัลและเกียรติยศ. ชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ได้รับพระราชทานยศนายกองเอกแห่งกองอาสารักษาดินแดนเครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - พ.ศ. 2540 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาประมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.) - พ.ศ. 2537 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฏ (ม.ว.ม.)
ผู้ใดดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในปี พ.ศ. 2533
3366
{ "answer_end": [ 128 ], "answer_start": [ 125 ], "text": [ "ไทย" ] }
652545
กีฬาเฟสปิก 1999 กีฬาเฟสปิกเกมส์ 1999 การแข่งขันกีฬาเฟสปิก ครั้งที่ 7 จัดขึ้นที่ กรุงเทพมหานคร และ จังหวัดปทุมธานี ราชอาณาจักรไทย ระหว่างวันที่ 10 - 16 มกราคม พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999)สนามกีฬาหลักสนามกีฬาหลัก. - สนามกีฬามหาวิทยาลัยรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต - ราชมังคลากีฬาสถานคำขวัญและสัญลักษณ์สัญลักษณ์อย่างเป็นทางการ คำขวัญและสัญลักษณ์. สัญลักษณ์อย่างเป็นทางการ. สัญลักษณ์อย่างเป็นทางการของการแข่งขันเฟสปิกเกมส์ ครั้งที่ 7 มีสัญลักษณ์เป็นรูป คนพิการนั่งบนรถเข็นภายใต้หลังคาทรงไทย พร้อมด้วยสี 5 สี อันได้แก่ แดง เหลือง ฟ้า เขียว และดำ อันแสดงออกถึงความหมายดังนี้- สี 5 สี หมายถึง ความร่วมมือของประเทศสมาชิกในสหพันธ์เฟสปิกที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ - หลังคาทรงไทย แสดงถึง รูปทรงที่มีลักษณะเฉพาะของบ้านเรือนไทย อันเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทย - คนพิการที่นั่งอยู่บนรถเข็น แสดงถึงความพยายามของนักกีฬาที่จะบรรลุเป้าหมายอันสำคัญสู่ความสำเร็จความเสมอภาคเป็นหนึ่งเดียวในโลก ความเสมอภาคเป็นหนึ่งเดียวในโลก. "ความเสมอภาคเป็นหนึ่งเดียวในโลก" หรือ "Equality in One World" คำขวัญประจำการแข่งขันกีฬาเฟสปิกกมส์ ครั้งที่ 7 เป็นวลีที่สะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ของคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ที่สนับสนุนและส่งเสริม "ปรัชญาของการแข่งขันกีฬา" อย่างชัดเจนที่สุด หัวใจของปรัชญากีฬา คือ การรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย รู้รักสามัคคี มีน้ำใจ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดภาพรวมของมิตรภาพ ซึ่งจะไม่มีอุปสรรคใดๆ มาขวางกั้นไม่ว่าจะเป็น เชื้อชาติ ศาสนา ภาษา ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ต่างกัน และ ควมบกพร่องทางร่างกาย เมื่อทุกคนเข้าสู่เฟสปิกเกมส์ ครั้งที่ 7 ทุกคนจะถูกหล่อหลอมให้เข้าสู่แนวร่วมเดียวกัน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในที่สุดสัญลักษณ์นำโชค สัญลักษณ์นำโชค. แมวไทย (สีสวาด) กำลังถือคบเพลิง นั่งอยู่บนรถเข็นในลักษณะเคลื่อนที่สัญลักษณ์กีฬาเพลงประจำการแข่งขันประเทศที่เข้าร่วมแข่งขันพิธีเปิด - ปิดการแข่งขันพิธีเปิด พิธีเปิด - ปิดการแข่งขัน. พิธีเปิด. พิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเฟสปิกเกมส์ ครั้งที่ 7 จัดขึ้นในวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2542 ณ สนามกีฬามหาวิทยาลัยรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ เป็นองค์ประธานในพิธี ในการนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และ หม่อมเจ้าสิริวัณวรี มหิดล โดยเสด็จด้วยกำหนดการพิธีปิดกำหนดการการแข่งขันชนิดกีฬา การแข่งขัน. ชนิดกีฬา. เฟสปิกเกมส์ในครั้งนี้ บรรจุชนิดกีฬาทั้งหมด 17 ประเภทตารางการแข่งขันตารางสรุปเหรียญรางวัล ตารางสรุปเหรียญรางวัล. ประเทศที่ได้รับเหรียญทองมากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่สรุปเหรียญที่นักกีฬาไทยได้รับในกีฬาเฟสปิกเกมส์ สรุปเหรียญที่นักกีฬาไทยได้รับในกีฬาเฟสปิกเกมส์. ในการแข่งขันเฟสปิกเกมส์ครั้งนี้ นักกีฬาไทยสามารถทำผลงานได้ทั้งหมด เหรียญ แบ่งเป็น- เหรียญทอง จำนวน เหรียญ จาก ชนิดกีฬา ได้แก่ - เหรียญเงิน จำนวน เหรียญ จาก ชนิดกีฬา ได้แก่ - เหรียญทองแดง จำนวน เหรียญ จาก ชนิดกีฬา ได้แก่รายนามนักกีฬาไทยที่ได้เหรียญรางวัลสิทธิการออกอากาศเกร็ดการแข่งขันผู้สนับสนุนผู้สนับสนุน. - ภาตรัฐ- กสท. โทรคมนาคม (CAT Telecom) - ทีโอที (TOT) - การบินไทย - การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย - ภาคเอกชน- เอเซอร์คอมพิวเตอร์ (Acer) - ฟินันซ่าประกันชีวิต (Finansalife) - สหพัฒนพิบูล (บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มาม่า) - เครื่องดื่มโค๊ก โคคา-โคล่า (Coca-Cola)
ประเทศใดเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเฟสปิก ครั้งที่ 7 ในปี 1999
3367
{ "answer_end": [ 472 ], "answer_start": [ 435 ], "text": [ "คนพิการนั่งบนรถเข็นภายใต้หลังคาทรงไทย" ] }
652545
กีฬาเฟสปิก 1999 กีฬาเฟสปิกเกมส์ 1999 การแข่งขันกีฬาเฟสปิก ครั้งที่ 7 จัดขึ้นที่ กรุงเทพมหานคร และ จังหวัดปทุมธานี ราชอาณาจักรไทย ระหว่างวันที่ 10 - 16 มกราคม พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999)สนามกีฬาหลักสนามกีฬาหลัก. - สนามกีฬามหาวิทยาลัยรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต - ราชมังคลากีฬาสถานคำขวัญและสัญลักษณ์สัญลักษณ์อย่างเป็นทางการ คำขวัญและสัญลักษณ์. สัญลักษณ์อย่างเป็นทางการ. สัญลักษณ์อย่างเป็นทางการของการแข่งขันเฟสปิกเกมส์ ครั้งที่ 7 มีสัญลักษณ์เป็นรูป คนพิการนั่งบนรถเข็นภายใต้หลังคาทรงไทย พร้อมด้วยสี 5 สี อันได้แก่ แดง เหลือง ฟ้า เขียว และดำ อันแสดงออกถึงความหมายดังนี้- สี 5 สี หมายถึง ความร่วมมือของประเทศสมาชิกในสหพันธ์เฟสปิกที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ - หลังคาทรงไทย แสดงถึง รูปทรงที่มีลักษณะเฉพาะของบ้านเรือนไทย อันเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทย - คนพิการที่นั่งอยู่บนรถเข็น แสดงถึงความพยายามของนักกีฬาที่จะบรรลุเป้าหมายอันสำคัญสู่ความสำเร็จความเสมอภาคเป็นหนึ่งเดียวในโลก ความเสมอภาคเป็นหนึ่งเดียวในโลก. "ความเสมอภาคเป็นหนึ่งเดียวในโลก" หรือ "Equality in One World" คำขวัญประจำการแข่งขันกีฬาเฟสปิกกมส์ ครั้งที่ 7 เป็นวลีที่สะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ของคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ที่สนับสนุนและส่งเสริม "ปรัชญาของการแข่งขันกีฬา" อย่างชัดเจนที่สุด หัวใจของปรัชญากีฬา คือ การรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย รู้รักสามัคคี มีน้ำใจ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดภาพรวมของมิตรภาพ ซึ่งจะไม่มีอุปสรรคใดๆ มาขวางกั้นไม่ว่าจะเป็น เชื้อชาติ ศาสนา ภาษา ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ต่างกัน และ ควมบกพร่องทางร่างกาย เมื่อทุกคนเข้าสู่เฟสปิกเกมส์ ครั้งที่ 7 ทุกคนจะถูกหล่อหลอมให้เข้าสู่แนวร่วมเดียวกัน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในที่สุดสัญลักษณ์นำโชค สัญลักษณ์นำโชค. แมวไทย (สีสวาด) กำลังถือคบเพลิง นั่งอยู่บนรถเข็นในลักษณะเคลื่อนที่สัญลักษณ์กีฬาเพลงประจำการแข่งขันประเทศที่เข้าร่วมแข่งขันพิธีเปิด - ปิดการแข่งขันพิธีเปิด พิธีเปิด - ปิดการแข่งขัน. พิธีเปิด. พิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเฟสปิกเกมส์ ครั้งที่ 7 จัดขึ้นในวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2542 ณ สนามกีฬามหาวิทยาลัยรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ เป็นองค์ประธานในพิธี ในการนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และ หม่อมเจ้าสิริวัณวรี มหิดล โดยเสด็จด้วยกำหนดการพิธีปิดกำหนดการการแข่งขันชนิดกีฬา การแข่งขัน. ชนิดกีฬา. เฟสปิกเกมส์ในครั้งนี้ บรรจุชนิดกีฬาทั้งหมด 17 ประเภทตารางการแข่งขันตารางสรุปเหรียญรางวัล ตารางสรุปเหรียญรางวัล. ประเทศที่ได้รับเหรียญทองมากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่สรุปเหรียญที่นักกีฬาไทยได้รับในกีฬาเฟสปิกเกมส์ สรุปเหรียญที่นักกีฬาไทยได้รับในกีฬาเฟสปิกเกมส์. ในการแข่งขันเฟสปิกเกมส์ครั้งนี้ นักกีฬาไทยสามารถทำผลงานได้ทั้งหมด เหรียญ แบ่งเป็น- เหรียญทอง จำนวน เหรียญ จาก ชนิดกีฬา ได้แก่ - เหรียญเงิน จำนวน เหรียญ จาก ชนิดกีฬา ได้แก่ - เหรียญทองแดง จำนวน เหรียญ จาก ชนิดกีฬา ได้แก่รายนามนักกีฬาไทยที่ได้เหรียญรางวัลสิทธิการออกอากาศเกร็ดการแข่งขันผู้สนับสนุนผู้สนับสนุน. - ภาตรัฐ- กสท. โทรคมนาคม (CAT Telecom) - ทีโอที (TOT) - การบินไทย - การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย - ภาคเอกชน- เอเซอร์คอมพิวเตอร์ (Acer) - ฟินันซ่าประกันชีวิต (Finansalife) - สหพัฒนพิบูล (บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มาม่า) - เครื่องดื่มโค๊ก โคคา-โคล่า (Coca-Cola)
สัญลักษณ์อย่างเป็นทางการของการแข่งขันเฟสปิกเกมส์ ครั้งที่ 7 มีลักษณะเป็นรูปอะไร
3368
{ "answer_end": [ 39 ], "answer_start": [ 20 ], "text": [ "เทพ ชุมสาย ณ อยุธยา" ] }
100488
เทพ ชุมสาย ณ อยุธยา เทพ ชุมสาย ณ อยุธยา (เกิด 5 มกราคม พ.ศ. 2473 ที่จังหวัดปราจีนบุรี) เป็นนักเขียนนวนิยายแนวลึกลับสยองขวัญ และแนวบู๊ เจ้าของนามปากกา ตรี อภิรุม และ เทพเทวี เกิดที่อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี มารดามีอาชีพเป็นครู จึงชอบเขียนหนังสือมาตั้งแต่เด็ก เทพมีนวนิยายที่สร้างชื่อเสียง เช่น แก้วขนเหล็ก, จอมเมฆินทร์ ตีพิมพ์เป็นตอนในนิตยสารบางกอก และได้รับความนิยมจนมาสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์หลายครั้ง ได้แก่- แก้วขนเหล็ก (2514) นำแสดงโดย ครรชิต ขวัญประชา เพชรา เชาวราษฎร์ สะอาด เปี่ยมพงษ์สานต์ - จอมเมฆินทร์ (2516) นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี - แก้วขนเหล็ก (2526) นำแสดงโดย ทูน หิรัญทรัพย์ อภิรดี ภวภูตานนท์ ฤทธิ์ ลือชา - จอมเมฆินทร์ (2528) นำแสดงโดย ฤทธิ์ ลือชา - Immortal Enemy (2546) นำแสดงโดย นินนาท สินไชย ภิสสรา อุมะวิชนี วินัย ไกรบุตร ละครโทรทัศน์- แก้วขนเหล็ก (2534) นำแสดงโดย สุรศักดิ์ วงษ์ไทย ตรีรัก รักการดี (บุญปลื้ม) เอกพันธ์ บันลือฤทธิ์ (เมฆินทร์) ส.อาสนะจินดาโกร่ง กางเกงแดง ปริศนา กล่ำพินิจ หทัยรัตน์ อมตวาณิช (โชติรส) กษมา นิสัยพันธ์ (นฤดม) กิตติพันธ์ พุ่มสุโข (หน่อง) นอกจากนี้ ยังมีนวนิยายเรื่องอื่น ๆ ของเทพที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก อาทิ ทายาทอสูร, นาคี, อนิลทิตา, เทพบุตรสุดเวหา เป็นต้นผลงานผลงาน. - จอมเมฆินทร์ - คฤหาสน์นางหงส์ - เล่ห์ซาตาน - บัญชากับฝาแฝด - ตุ๊กตาโรงงาน - ทายาทอสูร (ถูกสร้างเป็นละคร 3 ครั้ง) - แก้วขนเหล็ก - พระเอกอมตะ - เขี้ยวขอ คนอสรพิษ - แหวนสวาท (ถูกสร้างเป็นละคร) - ลูกสาวซาตาน - นางพญาอสรพิษ (ภาคต่อของ ลูกสาวซาตาน)- จินตวาณี - สัมภเวสี (ภาคต่อของ จินตวาณี ) - ภูตพยัคฆ์ - นาคี (ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ 1 ครั้ง ,ละคร 2 ครั้ง) - ภุมรินทร์เพื่อนรัก - เศียรมาร - พรแปดประการ - เมืองเนรมิต - สัมผัสที่หก - เจ้าสาวจระเข้ - เทพบุตรเที่ยงคืน - กายทิพย์- มิติที่สาม - อนิลทิตา (ถูกสร้างเป็นละคร) - ปิศาจหรรษา - พรแปดประการ - มฤตยูผยอง - ศึกเสน่หา - คัมภีร์ผีภูเขา - บาดาลดิน - สายพันธุ์พยัคฆ์ - เทพบุตรสุดเวหา (ถูกสร้างเป็นละคร) - สุบินสังหารถ - นาคี ๒ (ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์)
ตรี อภิรุม และ เทพเทวี เป็นนามปากกาของนักเขียนคนใด
3369
{ "answer_end": [ 23 ], "answer_start": [ 12 ], "text": [ "วนิดา นิรมร" ] }
124449
วนิดา นิรมร วนิดา นิรมร เป็นนักวาดการ์ตูนแนวสารคดี และสร้างเสริมทักษะสำหรับเยาวชนที่มีผลงานตีพิมพ์แล้วมากมาย เช่น DreamPatcher การ์ตูนแนวผจญภัยสอดแทรกความรู้เรื่องต่าง ๆ รอบตัวทั้งด้านวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ PomPom The Unlucky Hedgehog การ์ตูนเพื่อความปลอดภัยสำหรับเยาวชนที่นำเสนอทักษะการดูแลตนเองผ่านตัวการ์ตูนเม่นน้อยจอมซุ่มซ่าม และการ์ตูนชุด กบนอกกะลา หนังสือการ์ตูนที่สร้างจากกลุ่มพิธีกรกบฯ และเนื้อหาสารคดีรายการกบนอกกะลาอีกหลายเล่ม ปัจจุบัน วนิดา เป็นกรรมการผู้จัดการ และ Creative director ให้กับบริษัท Polygon Wizard Co.,Ltd
ใครคือผู้วาดการ์ตูนแนวผจญภัยสอดแทรกความรู้เรื่อง DreamPatcher
3370
{ "answer_end": [ 255 ], "answer_start": [ 228 ], "text": [ "PomPom The Unlucky Hedgehog" ] }
124449
วนิดา นิรมร วนิดา นิรมร เป็นนักวาดการ์ตูนแนวสารคดี และสร้างเสริมทักษะสำหรับเยาวชนที่มีผลงานตีพิมพ์แล้วมากมาย เช่น DreamPatcher การ์ตูนแนวผจญภัยสอดแทรกความรู้เรื่องต่าง ๆ รอบตัวทั้งด้านวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ PomPom The Unlucky Hedgehog การ์ตูนเพื่อความปลอดภัยสำหรับเยาวชนที่นำเสนอทักษะการดูแลตนเองผ่านตัวการ์ตูนเม่นน้อยจอมซุ่มซ่าม และการ์ตูนชุด กบนอกกะลา หนังสือการ์ตูนที่สร้างจากกลุ่มพิธีกรกบฯ และเนื้อหาสารคดีรายการกบนอกกะลาอีกหลายเล่ม ปัจจุบัน วนิดา เป็นกรรมการผู้จัดการ และ Creative director ให้กับบริษัท Polygon Wizard Co.,Ltd
การ์ตูนเพื่อความปลอดภัยสำหรับเยาวชนที่นำเสนอทักษะการดูแลตนเองผ่านตัวการ์ตูนเม่นน้อยจอมซุ่มซ่ามของวนิดา นิรมร มีชื่อเรื่องว่าอะไร
3371
{ "answer_end": [ 311 ], "answer_start": [ 294 ], "text": [ "Fried Radish cake" ] }
282096
ขนมผักกาด ขนมผักกาดเป็นอาหารจำพวกติ่มซำที่พบบ่อยมากในภัตตาคารอาหารกวางตุ้ง ในขณะเดียวกันยังเป็นอาหารที่คนกวางตุ้งต้องกินในช่วงเทศกาลตรุษจีน นอกจากนี้ ขนมผักกาดยังได้รับความนิยมในไต้หวัน สิงคโปร์ และเมืองบางเมืองในประเทศมาเลเซีย คนจีนโพ้นทะเลในบริเวณนั้นอาจจะเรียกขนมผักกาดว่า 菜頭粿 ( หรือแปลเป็น:Fried Radish cake) ในประเทศไทยใช้คำว่า "ไชเท้าก้วย" ชาวฮกเกี้ยนในภูเก็ตเรียกว่า ฉ่ายเท่าโก้ย ตามปกติวิธีการทำขนมผักกาดจะเริ่มต้นจากการสับผักกาดเป็นชิ้นๆ แล้วเติมแป้งสาลี แป้งข้าวโพด จากนั้นค่อยตามด้วยเห็ดและข้าวเหนียว ไส้กรอก หรือหมูสับจากนั้นนึ่งจนเสร็จ
ขนมผักกาดมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่าอะไร
3372
{ "answer_end": [ 386 ], "answer_start": [ 374 ], "text": [ "ฉ่ายเท่าโก้ย" ] }
282096
ขนมผักกาด ขนมผักกาดเป็นอาหารจำพวกติ่มซำที่พบบ่อยมากในภัตตาคารอาหารกวางตุ้ง ในขณะเดียวกันยังเป็นอาหารที่คนกวางตุ้งต้องกินในช่วงเทศกาลตรุษจีน นอกจากนี้ ขนมผักกาดยังได้รับความนิยมในไต้หวัน สิงคโปร์ และเมืองบางเมืองในประเทศมาเลเซีย คนจีนโพ้นทะเลในบริเวณนั้นอาจจะเรียกขนมผักกาดว่า 菜頭粿 ( หรือแปลเป็น:Fried Radish cake) ในประเทศไทยใช้คำว่า "ไชเท้าก้วย" ชาวฮกเกี้ยนในภูเก็ตเรียกว่า ฉ่ายเท่าโก้ย ตามปกติวิธีการทำขนมผักกาดจะเริ่มต้นจากการสับผักกาดเป็นชิ้นๆ แล้วเติมแป้งสาลี แป้งข้าวโพด จากนั้นค่อยตามด้วยเห็ดและข้าวเหนียว ไส้กรอก หรือหมูสับจากนั้นนึ่งจนเสร็จ
ชาวฮกเกี้ยนในภูเก็ตเรียกขนมผักกาดว่าอะไร
3373
{ "answer_end": [ 189 ], "answer_start": [ 181 ], "text": [ "ฝรั่งเศส" ] }
120627
โอลิมปิกฤดูร้อน 1900 กีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนประจำปี ค.ศ. 1900 (พ.ศ. 2443) หรืออย่างเป็นทางการว่า การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ครั้งที่ 2 คือกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนที่จัดที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เดิมทีได้มีความพยายามที่จะให้มีการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกขึ้นในกรีกเพียงแห่งเดียวเท่านั้น แต่ ปิแอร์ เดอ ดูเบอร์แตง ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่ขึ้นมา ได้ยืนยันเจตนารมณ์เดิมที่จะให้มีการแข่งขันเวียนไปตามประเทศต่างๆ ที่มีส่วนร่วมการแข่งขันกีฬา การแข่งขันในครั้งนี้ชัยชนะในการแข่งขันในกีฬาประเภทต่างๆ กระจายกันไปอยู่ในหมู่นักกีฬาจากประเทศต่างๆการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ. ไม่มีเมืองเสนอตัวเป็นเจ้าภาพชนิดกีฬาที่แข่งขัน ชนิดกีฬาที่แข่งขัน. ในกีฬาโอลิมปิกคราวนี้ กำหนดการแข่งขันใน 20 ชนิดกีฬา รวมทั้งหมด 85 ประเภทรุ่นประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขัน ประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขัน. จากข้อมูลบางแหล่งอ้างว่าชาติเหล่านี้เข้าร่วมแข่งขันด้วย- (1) - (1) - (ใช้ชื่อ "เปอร์เซีย" จนถึงปี 1935)สรุปเหรียญการแข่งขันสรุปเหรียญการแข่งขัน. - ตารางสรุปเหรียญรางวัล 10 อันดับแรก
การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนประจำปี ค.ศ. 1900 จัดขึ้นที่ประเทศใด
3374
{ "answer_end": [ 155 ], "answer_start": [ 149 ], "text": [ "ชลบุรี" ] }
557579
นิคม แสนเจริญ นายนิคม แสนเจริญ (7 ตุลาคม พ.ศ. 2485 - 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535) อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรี 3 สมัยประวัติ ประวัติ. นายนิคม แสนเจริญ เกิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2485 เป็นบุตรของนายฝอย กับ นางทองเพียร แสนเจริญ และเป็นน้องชายของนางสติล คุณปลื้ม ภรรยานายสมชาย คุณปลื้ม สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จาก โรงเรียนชลราษฎรอำรุง นิคม แสนเจริญ เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ขณะเดินทางไปช่วยปราศรัยหาเสียงที่จังหวัดในภาคอีสาน พร้อมกับผู้ติดตามอีก 3 คน ตรงบริเวณแยกแสนเจริญ จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 สิริอายุรวม 49 ปีการทำงาน การทำงาน. หลังจากจบการศึกษา นิคม ได้ช่วยกิจการทางบ้านด้วยการดำรงอาชีพชาวประมง จนได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมประมงจังหวัดชลบุรีงานการเมือง งานการเมือง. นิคม เคยเป็นสมาชิกสภาจังหวัด ใน พ.ศ. 2524 ต่อมาลงรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรี ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2526 และได้รับเลือกติดต่อกัน จนถึง พ.ศ. 2531 รวม 3 สมัย นิคม ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เมื่อ พ.ศ. 2531 ในรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร. นิคม แสนเจริญ ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 3 สมัย คือ1. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2526 จังหวัดชลบุรี สังกัดพรรคกิจสังคม 2. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2529 จังหวัดชลบุรี สังกัดพรรคกิจสังคม 3. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2531 จังหวัดชลบุรี สังกัดพรรคกิจสังคม
นายนิคม แสนเจริญ เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดใด
3375
{ "answer_end": [ 311 ], "answer_start": [ 293 ], "text": [ "พืชดัดแปรพันธุกรรม" ] }
48413
พืชดัดแปรพันธุกรรม พืชดัดแปรพันธุกรรม คือพืชที่ผ่านกระบวนการทางพันธุวิศวกรรม เพื่อให้มีคุณสมบัติหรือคุณลักษณะที่จำเพาะเจาะจงตามต้องการ เช่น มีความต้านทานต่อแมลงศัตรูพืช คงทนต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมหรือมีการเพิ่มขึ้นของจำนวนสารโภชนาการหรือชีวโมเลกุลบางชนิด เช่น วิตามิน โปรตีน ไขมัน เป็นต้น พืชดัดแปรพันธุกรรมถือเป็นสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมหรือจีเอ็มโอ (GMOs – Genetically Modified Organisms) ประเภทหนึ่ง เช่น สตอเบอรี่ เมื่อนำสตอเบอรี่มาตัดต่อพันธุกรรมแล้ว จะส่งผลให้สตอเบอรี่ มีผลดังนี้ 1. ทำให้สตอเบอรี่เน่าช้า สะดวกในการขนส่ง 2. ทำให้สตอเบอรี่มีสารอาหารเพิ่มมากขึ้น 3. สตอเบอรี่มีความต้านทานต่อโรคมากขึ้น เป็นต้น มันฝรั่ง เป็นพืชเศรษฐกิจของไทย ที่มีการตัดต่อทางพันธุกรรมเช่นเดียวกันกับข้าวโพด โดยใช้การตัดต่อยีนของแบคทีเรียที่ชื่อว่าBacillus thuringiensis เข้าไปในยีนของมันฝรั่ง ทำให้มันฝรั่งที่ได้รับการตัดต่อทางพันธุกรรมแล้วมีคุณค่าทางสารอาหารเพิ่มขึ้น และในบางชนิดยังสามารถผลิตวัคซีนที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์อีกด้วย ทำให้มีแมลงมากินน้อย ทำให้ได้ผลผลิตมีคุณภาพ และสามารถนำไปแปรรูปเป็นอย่างอื่นได้ ฝ้าย GMOs เมื่อนำฝ้ายมาทำ GMOs แล้วทำให้ได้ฝ้ายที่สามารถฆ่าหนอนที่เป็นศัตรูของฝ้ายได้ โดยได้ใส่ยีนของแบคทีเรียที่ชื่อ Bacillus thuringiensis var. kurataki (B.t.k) แทรกเข้าไปในโครโมโซมของต้นฝ้าย ทำให้ฝ้ายสามารถที่จะสร้างโปรตีน Cry 1A ที่สามารถฆ่าหนอนที่เป็นศัตรูของฝ้ายได้ ทำให้ได้ฝ้ายที่สมบูรณ์และทนต่อศัตรูพืช เช่น หนอน แมลง ด้วง เป็นต้น
พืชจีเอ็มโอคืออะไร
3376
{ "answer_end": [ 505 ], "answer_start": [ 497 ], "text": [ "เมล็ดพืช" ] }
593492
ไก่ต๊อกอีแร้ง ไก่ต๊อกอีแร้ง (; ) นกขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ในวงศ์ไก่ต๊อก (Numididae) นับเป็นเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุล Acryllium ไก่ต๊อกอีแร้ง มีลักษณะคล้ายกับไก่ต๊อกชนิดอื่น ๆ แต่มีสีขนที่สวยงามเงางามกว่าไก่ต๊อกชนิดอื่น และมีส่วนหัวที่ปราศจากขนและจะงอยปากที่แหลมคม งองุ้มทำให้แลดูคล้ายอีแร้ง อันเป็นที่มาของชื่อสามัญ ไก่ต๊อกอีแร้งมีขนาดความยาวถึง 71 เซนติเมตร นับเป็นไก่ต๊อกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด นอกจากนั้นแล้วมีพฤติกรรมคล้ายกับไก่ต๊อกชนิดอื่น ๆ คือ หากินตามทุ่งหญ้าที่แห้งแล้งหรือป่าโปร่ง หากินเมล็ดพืชตามพื้นดินเป็นหลัก รวมถึงสัตว์ขนาดเล็ก ๆ เช่น แมลง ส่งเสียงร้อง ชิง-ชิง-ชิง-ชิง-ชิง วางไข่สีครีมครั้งละ 4-8 ฟองในพงหญ้า พบกระจายพันธุ์ในแถบตะวันออกเฉียงเหนือของแอฟริกา ตั้งแต่ภาคใต้ของเอธิโอเปีย ตลอดจนเคนยาและภาคเหนือของแทนซาเนีย
ไก่ต๊อกอีแร้งกินอาหารประเภทใดเป็นหลัก
3377
{ "answer_end": [ 69 ], "answer_start": [ 52 ], "text": [ "ประมุขแห่งคณะสงฆ์" ] }
6097
สมเด็จพระสังฆราชไทย ในประเทศไทย สมเด็จพระสังฆราช คือประมุขแห่งคณะสงฆ์ ซึ่งตามกฎหมายคณะสงฆ์บัญญัติให้ทรงดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายก ที่มาและอำนาจหน้าที่ของสมเด็จพระสังฆราชเป็นไปตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505พระสังฆราชแห่งสังฆมณฑลไทย พระสังฆราชแห่งสังฆมณฑลไทย. สมเด็จพระสังฆราช เป็นตำแหน่งที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ดังมีหลักฐานจากศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ได้จารึกคำว่าสังฆราชไว้ด้วย สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นตำแหน่งสมณะศักดิ์สูงสุดฝ่ายพุทธจักรของคณะสงฆ์ราชอาณาไทย ทรงเป็นองค์ประธานการปกครองคณะสงฆ์ ตำแหน่งนี้น่าจะมีที่มาจากคณะสงฆ์ไทย นำแบบอย่างมาจาก ลัทธิลังกาวงศ์ ซึ่งพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ได้ทรงอัญเชิญพระเถระผู้ใหญ่ของลังกา ที่เชี่ยวชาญในพระไตรปิฎก เข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทในประเทศไทย ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้เพิ่มตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชเป็นสกลมหาสังฆปริณายก มีอำนาจว่ากล่าวออกไปถึงหัวเมือง โดยมีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เจ้าคณะใหญ่ฝ่ายคามวาสี เป็นพระสังฆราชขวา สมเด็จพระวันรัตเจ้าคณะใหญ่ฝ่ายอรัญวาสี เป็นสังฆราชซ้าย องค์ใดมีพรรษายุกาลมากกว่า ก็ได้เป็นสมเด็จพระสังฆราช ในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา พระอริยมุนี ได้ไปสืบอายุพระพุทธศาสนาที่ลังกาทวีป มีความชอบมาก เมื่อกลับมาได้รับสมณศักดิ์สูงขึ้นตามลำดับจนเป็นสมเด็จพระสังฆราช พระเจ้าเอกทัศน์มีพระราชดำริให้คงราชทินนามนี้ไว้ จึงทรงตั้งราชทินนามสมเด็จพระสังฆราชเป็น สมเด็จพระอริยวงศาสังฆราชาธิบดี และมาเป็น สมเด็จพระอริยวงษญาณ ในสมัยกรุงธนบุรี และได้ใช้ต่อมาจนถึง รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงปรับปรุงเพิ่มเติมเป็น "สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ" ซึ่งได้ใช้มาจนถึงปัจจุบัน ตามทำเนียบสมณศักดิ์ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ที่มีตำแหน่งสังฆปริณายก 2 องค์ ที่เรียกว่า พระสังฆราชซ้าย/ขวา ดังกล่าวแล้ว ยังมีคำอธิบายอีกประการหนึ่งว่า สมเด็จพระอริยวงศ์ เป็นพระสังฆราชฝ่ายขวาว่า คณะเหนือ พระพนรัตน์เป็นพระสังฆราชฝ่ายซ้ายว่า คณะใต้ มีพระสุพรรณบัฏจารึกพระนามเมื่อทรงตั้งทั้ง 2 พระองค์ แต่ที่สมเด็จพระพนรัตน์ โดยปกติไม่ได้เป็นสมเด็จ ส่วนพระสังฆราชฝ่ายขวานั้นเป็นสมเด็จทุกพระองค์ จึงเรียกว่าสมเด็จพระสังฆราช จึงเป็นมหาสังฆปริณายก มีศักดิ์สูงกว่าพระสังฆราชฝ่ายซ้าย ที่พระพนรัตน์แต่เดิม ทรงยกพระเกียรติยศเป็นสมเด็จแต่บางองค์ มาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงเป็นสมเด็จทุกพระองค์ เมื่อครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี วิธีการปกครองพระราชอาณาจักรในครั้งนั้น หัวเมืองใหญ่ที่ห่างไกลจากราชธานี เป็นเมืองประเทศราชโดยมาก แม้เมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้ราชธานี ก็ตั้งเจ้านายในพระราชวงศ์เสด็จออกไปครองเมือง ทำนองเจ้าประเทศราช เมืองใหญ่แต่ละเมือง จึงน่าจะมีพระสังฆราชพระองค์หนึ่ง เป็นสังฆปรินายกของสังฆบริษัทในเมืองนั้น ดังปรากฏเค้าเงื่อนในทำเนียบชั้นหลัง ยังเรียกเจ้าคณะเมืองว่าพระสังฆราชอยู่หลายเมือง จนมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงเปลี่ยนมาเป็นสังฆปาโมกข์ พระสงฆ์ฝ่ายคามวาสีและอรัญวาสีนี้มีมาแต่ครั้งพุทธกาล คือฝ่ายที่พำนักอยู่ใกล้เมืองเพื่อศึกษาพระธรรมวินัย เรียกว่าคามวาสี อีกฝ่ายหนึ่งบำเพ็ญสมณธรรมในที่สงบเงียบตามป่าเขา ห่างไกลจากบ้านเมืองเรียกว่าอรัญวาสี ภิกษุ แต่ละฝ่ายยังแบ่งออกเป็นคณะ แต่ละคณะจะมีพระราชาคณะปกครอง หัวหน้าพระราชาคณะเรียกว่าสมเด็จพระราชาคณะ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเปลี่ยนพระอิสริยยศสมเด็จพระสังฆราชที่เป็นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เป็น สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ทรงเศวตฉัตร 5 ชั้น พระราชวงศ์ชั้นรองลงมา เท่าที่ปรากฏ มีชั้นหม่อมเจ้าผู้ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช มีคำนำหน้า พระนามว่า สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ทรงฉัตรตาดเหลือง 5 ชั้น ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชหนึ่งพระองค์ ตามคำกราบบังคมทูลของนายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม ในการนี้ นายกรัฐมนตรีจะเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ แต่ถ้าสมเด็จพระราชาคณะดังกล่าวไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ จะเสนอสมเด็จพระราชาคณะรูปอื่นตามลำดับสมณศักดิ์และความสามารถในการทำหน้าที่แทน ต่อมาในปี พ.ศ. 2560 ได้มีการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ กำหนดให้ "มาตรา 7 พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง และให้นายกรัฐมนตรี ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ”เครื่องยศของสมเด็จพระสังฆราช เครื่องยศของสมเด็จพระสังฆราช. สมเด็จพระสังฆราชจะทรงมีเครื่องพระยศประกอบพระอิสริยยศสมเด็จพระสังราช ดังนี้- พระแท่นภายใต้เศวตฉัตร 3 ชั้น - พัดยศสมเด็จพระสังฆราช - บาตร พร้อมฝาบาตร เชิงบาตรถมปัด - พานพระศรี ถมปัด - ขันน้ำและพานรอง ถมปัด - คณโฑ ถมปัด - พระสุพรรณศรี ถมปัด - พระสุพรรณราช ถมปัด - หีบตราพระจักรี ถมปัด - ปิ่นทรงกลม 4 ชั้น ถมปัด - กาทรงกระบอก ถมปัด - หม้อลักจั่น ถมปัด - กระโถน ถมปัด เมื่อสิ้นพระชนม์จะทรงได้รับเครื่องประกอบพระอิสริยยศ ได้แก่- พระโกศกุดั่นน้อย (หรือ มากกว่า) - พระเศวตฉัตร 3 ชั้นกางกั้นพระโกศ (หรือมากกว่า) - เสด็จสรงน้ำพระศพ - พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพ 100 วัน - พระสงฆ์รับพระราชทานฉันเช้า-เพล 100 วัน - ริ้วกระบวนพระอิสริยยศเชิญพระโกศพระศพไปยังพระเมรุ - พระเมรุผ้าขาว สำหรับพระราชทานเพลิงพระศพ (ปัจจุบันใช้พระเมรุวัดเทพศิรินทราวาส) - เสด็จพระราชทานเพลิงพระศพ บำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ ตลอดจนฉลองพระอัฐิ - เศวตฉัตร 3 ชั้นสุมพระอัฐิบนพระเมรุ (หรือมากกว่า) - เครื่องประโคมสังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง กลองชนะ จ่าปี่ จ่ากลองรายพระนาม
สมเด็จพระสังฆราชคือตำแหน่งอะไร
3378
{ "answer_end": [ 320 ], "answer_start": [ 309 ], "text": [ "กรุงสุโขทัย" ] }
6097
สมเด็จพระสังฆราชไทย ในประเทศไทย สมเด็จพระสังฆราช คือประมุขแห่งคณะสงฆ์ ซึ่งตามกฎหมายคณะสงฆ์บัญญัติให้ทรงดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายก ที่มาและอำนาจหน้าที่ของสมเด็จพระสังฆราชเป็นไปตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505พระสังฆราชแห่งสังฆมณฑลไทย พระสังฆราชแห่งสังฆมณฑลไทย. สมเด็จพระสังฆราช เป็นตำแหน่งที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ดังมีหลักฐานจากศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ได้จารึกคำว่าสังฆราชไว้ด้วย สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นตำแหน่งสมณะศักดิ์สูงสุดฝ่ายพุทธจักรของคณะสงฆ์ราชอาณาไทย ทรงเป็นองค์ประธานการปกครองคณะสงฆ์ ตำแหน่งนี้น่าจะมีที่มาจากคณะสงฆ์ไทย นำแบบอย่างมาจาก ลัทธิลังกาวงศ์ ซึ่งพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ได้ทรงอัญเชิญพระเถระผู้ใหญ่ของลังกา ที่เชี่ยวชาญในพระไตรปิฎก เข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทในประเทศไทย ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้เพิ่มตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชเป็นสกลมหาสังฆปริณายก มีอำนาจว่ากล่าวออกไปถึงหัวเมือง โดยมีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เจ้าคณะใหญ่ฝ่ายคามวาสี เป็นพระสังฆราชขวา สมเด็จพระวันรัตเจ้าคณะใหญ่ฝ่ายอรัญวาสี เป็นสังฆราชซ้าย องค์ใดมีพรรษายุกาลมากกว่า ก็ได้เป็นสมเด็จพระสังฆราช ในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา พระอริยมุนี ได้ไปสืบอายุพระพุทธศาสนาที่ลังกาทวีป มีความชอบมาก เมื่อกลับมาได้รับสมณศักดิ์สูงขึ้นตามลำดับจนเป็นสมเด็จพระสังฆราช พระเจ้าเอกทัศน์มีพระราชดำริให้คงราชทินนามนี้ไว้ จึงทรงตั้งราชทินนามสมเด็จพระสังฆราชเป็น สมเด็จพระอริยวงศาสังฆราชาธิบดี และมาเป็น สมเด็จพระอริยวงษญาณ ในสมัยกรุงธนบุรี และได้ใช้ต่อมาจนถึง รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงปรับปรุงเพิ่มเติมเป็น "สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ" ซึ่งได้ใช้มาจนถึงปัจจุบัน ตามทำเนียบสมณศักดิ์ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ที่มีตำแหน่งสังฆปริณายก 2 องค์ ที่เรียกว่า พระสังฆราชซ้าย/ขวา ดังกล่าวแล้ว ยังมีคำอธิบายอีกประการหนึ่งว่า สมเด็จพระอริยวงศ์ เป็นพระสังฆราชฝ่ายขวาว่า คณะเหนือ พระพนรัตน์เป็นพระสังฆราชฝ่ายซ้ายว่า คณะใต้ มีพระสุพรรณบัฏจารึกพระนามเมื่อทรงตั้งทั้ง 2 พระองค์ แต่ที่สมเด็จพระพนรัตน์ โดยปกติไม่ได้เป็นสมเด็จ ส่วนพระสังฆราชฝ่ายขวานั้นเป็นสมเด็จทุกพระองค์ จึงเรียกว่าสมเด็จพระสังฆราช จึงเป็นมหาสังฆปริณายก มีศักดิ์สูงกว่าพระสังฆราชฝ่ายซ้าย ที่พระพนรัตน์แต่เดิม ทรงยกพระเกียรติยศเป็นสมเด็จแต่บางองค์ มาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงเป็นสมเด็จทุกพระองค์ เมื่อครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี วิธีการปกครองพระราชอาณาจักรในครั้งนั้น หัวเมืองใหญ่ที่ห่างไกลจากราชธานี เป็นเมืองประเทศราชโดยมาก แม้เมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้ราชธานี ก็ตั้งเจ้านายในพระราชวงศ์เสด็จออกไปครองเมือง ทำนองเจ้าประเทศราช เมืองใหญ่แต่ละเมือง จึงน่าจะมีพระสังฆราชพระองค์หนึ่ง เป็นสังฆปรินายกของสังฆบริษัทในเมืองนั้น ดังปรากฏเค้าเงื่อนในทำเนียบชั้นหลัง ยังเรียกเจ้าคณะเมืองว่าพระสังฆราชอยู่หลายเมือง จนมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงเปลี่ยนมาเป็นสังฆปาโมกข์ พระสงฆ์ฝ่ายคามวาสีและอรัญวาสีนี้มีมาแต่ครั้งพุทธกาล คือฝ่ายที่พำนักอยู่ใกล้เมืองเพื่อศึกษาพระธรรมวินัย เรียกว่าคามวาสี อีกฝ่ายหนึ่งบำเพ็ญสมณธรรมในที่สงบเงียบตามป่าเขา ห่างไกลจากบ้านเมืองเรียกว่าอรัญวาสี ภิกษุ แต่ละฝ่ายยังแบ่งออกเป็นคณะ แต่ละคณะจะมีพระราชาคณะปกครอง หัวหน้าพระราชาคณะเรียกว่าสมเด็จพระราชาคณะ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเปลี่ยนพระอิสริยยศสมเด็จพระสังฆราชที่เป็นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เป็น สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ทรงเศวตฉัตร 5 ชั้น พระราชวงศ์ชั้นรองลงมา เท่าที่ปรากฏ มีชั้นหม่อมเจ้าผู้ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช มีคำนำหน้า พระนามว่า สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ทรงฉัตรตาดเหลือง 5 ชั้น ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชหนึ่งพระองค์ ตามคำกราบบังคมทูลของนายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม ในการนี้ นายกรัฐมนตรีจะเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ แต่ถ้าสมเด็จพระราชาคณะดังกล่าวไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ จะเสนอสมเด็จพระราชาคณะรูปอื่นตามลำดับสมณศักดิ์และความสามารถในการทำหน้าที่แทน ต่อมาในปี พ.ศ. 2560 ได้มีการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ กำหนดให้ "มาตรา 7 พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง และให้นายกรัฐมนตรี ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ”เครื่องยศของสมเด็จพระสังฆราช เครื่องยศของสมเด็จพระสังฆราช. สมเด็จพระสังฆราชจะทรงมีเครื่องพระยศประกอบพระอิสริยยศสมเด็จพระสังราช ดังนี้- พระแท่นภายใต้เศวตฉัตร 3 ชั้น - พัดยศสมเด็จพระสังฆราช - บาตร พร้อมฝาบาตร เชิงบาตรถมปัด - พานพระศรี ถมปัด - ขันน้ำและพานรอง ถมปัด - คณโฑ ถมปัด - พระสุพรรณศรี ถมปัด - พระสุพรรณราช ถมปัด - หีบตราพระจักรี ถมปัด - ปิ่นทรงกลม 4 ชั้น ถมปัด - กาทรงกระบอก ถมปัด - หม้อลักจั่น ถมปัด - กระโถน ถมปัด เมื่อสิ้นพระชนม์จะทรงได้รับเครื่องประกอบพระอิสริยยศ ได้แก่- พระโกศกุดั่นน้อย (หรือ มากกว่า) - พระเศวตฉัตร 3 ชั้นกางกั้นพระโกศ (หรือมากกว่า) - เสด็จสรงน้ำพระศพ - พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระศพ 100 วัน - พระสงฆ์รับพระราชทานฉันเช้า-เพล 100 วัน - ริ้วกระบวนพระอิสริยยศเชิญพระโกศพระศพไปยังพระเมรุ - พระเมรุผ้าขาว สำหรับพระราชทานเพลิงพระศพ (ปัจจุบันใช้พระเมรุวัดเทพศิรินทราวาส) - เสด็จพระราชทานเพลิงพระศพ บำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ ตลอดจนฉลองพระอัฐิ - เศวตฉัตร 3 ชั้นสุมพระอัฐิบนพระเมรุ (หรือมากกว่า) - เครื่องประโคมสังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง กลองชนะ จ่าปี่ จ่ากลองรายพระนาม
ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชไทยเป็นตำแหน่งที่มีมาตั้งแต่สมัยใด
3379
{ "answer_end": [ 46 ], "answer_start": [ 27 ], "text": [ "ความรู้ตัวทั่วพร้อม" ] }
280330
สัมปชัญญะ สัมปชัญญะ หมายถึงความรู้ตัวทั่วพร้อม เป็นธรรมที่มีอุปการะ คู่กับสติ เป็นธรรมที่เอื้อกับสติ ที่อยู่ 4 ลักษณะ1. สาตถกสัมปชัญญะ คือสัมปชัญญะที่กำหนด พิจารณาก่อนที่จะทำ จะพูด สิ่งใดๆ ที่เหมาะสมกับเวลา สถานที่ ว่าพึงทำ พึงพูด เช่นไร (อนาคต) 2. โคจรสัมปชัญญะ คือสัมปชัญญะที่กำหนดรู้ในปัจจุบัน ในการกระทำใดๆ ว่าทำสิ่งใดอยู่ ร่างกายเคลื่อนไหวเช่นไร (ปัจจุบัน) ในมหาสติปัฏฐาน กายานุปัสสนา นั้น หมายถึงโคจรสัมปชัญญะนี้ 3. สัปปายสัมปชัญญะ คือสัมปชัญญะที่อาการจิตที่ไม่มีทุกขเวทนามาก จนขันธ์ทำงานได้ปกติดี เช่นคนมีทุกข์มากย่อมขาดสติได้ ผู้ที่ทุกข์น้อยก็อาจคุมสติได้ดีกว่า 4. อสัมโมหสัมปชัญญะ คือสัมปชัญญะที่กำหนด รู้สิ่งที่ผ่านมา เคยทำ คำสอนในอดีตที่พึงใช้ รู้ว่าเราเป็นใครมีหน้าที่อะไร สิ่งที่เคยพูดให้สัญญาเอาไว้เช่นรู้ตัวว่าเราเป็นพระพึงรักษาวินัย รู้ตัวว่าละครที่ดูเป็นเพียงการแสดง เราเป็นเพียงคนดูหนังอยู่ คนเราต้องแก่เป็นธรรมดา เท่านั้น (อดีต) =สัมปชัญญะเมื่อใช้กับการเจริญสติ= 1. สาตถกสัมปชัญญะ การกำหนดว่า อารมณ์ที่พิจารณานี้เป็นประโยชน์หรือไม่ ? เห็นไตรลักษณ์ได้หรือไม่ ? สาตถสัมปชัญญะคือปัญญาที่รู้ถึงประโยชน์ของการเจริญสติปัฏฐาน ๔ ว่าเป็นวิธีการฝึกจิตเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายคือ พระนิพพาน แล้วจากนั้นเริ่มลงเจริญสติปัฏฐาน หรือเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน ที่เป็นหนทางเดียว ในการพ้นจากทุกขอริยสัจ และเข้าถึงความสุขสูงสุดของพระพุทธศาสนา 2. โคจรสัมปชัญญะ การกำหนดว่า อารมณ์ที่พิจารณานี้ปรากฏในปัจจุบัน เกิดขึ้นเอง หรือได้นึกคิดปรุงแต่งสร้างขึ้น เห็นปัจจุบันหรือไม่ ? การกำหนดเจริญสติตามการรับรู้หรืออารมณ์ของจิตที่เกิดขึ้นได้ทันปัจจุบันจากอารมณ์หนึ่ง ไปอีกอารมณ์หนึ่ง ได้อย่างต่อเนื่องตลอดเวลาที่เจริญกัมมัฏฐาน ในอิริยาบถย่อย เดินจงกรม และนั่งสมาธิ โดยไม่ได้เกิดความคิดปรุงแต่ง หรือพิจารณาด้วยความคิด 3. สัปปายสัมปชัญญะ การกำหนดว่า อารมณ์ที่พิจารณานี้เป็นที่สบายแก่จิตแก่จริตหรือไม่ ? เป็นการพยายามควบคุมการกำหนดสติ จดจ่อเกินไปเคร่งเครียด หรือปล่อยรู้สบายตามธรรมชาติ สัปปายะสัมปชัญญะเป็นเพียงการมีสติระลึกรู้อารมณ์ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ โดยไม่เพ่ง จี้ บังคับ กด อารมณ์ใดๆ ที่เกิดขึ้น เพียงแต่เจริญสติกำหนดได้ต่อเนื่องเท่าทันตามจิต ที่ไปรับอารมณ์อย่างเป็นธรรมชาติ 4. อสัมโมหสัมปชัญญะ การกำหนดว่า อารมณ์ที่พิจารณานี้เป็นสมมติบัญญัติ หรือเป็นปรมัตถ์ เห็นรูปนามหรือไม่ ? อสัมโมหะสัมปชัญญะเป็นปัญญาที่เจริญสติระลึกรู้ได้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่เผลอ มึน นิ่ง หรือคิดฟุ้งซ่าน ด้วยอารมณ์โมหะ เพียงเจริญสติให้ทันปัจจุบันขณะ
สัมปชัญญะหมายถึงอะไร
3380
{ "answer_end": [ 219 ], "answer_start": [ 215 ], "text": [ "2558" ] }
765902
รางวัลภาพยนตร์ไทย ชมรมวิจารณ์บันเทิง ครั้งที่ 24 รางวัลภาพยนตร์ไทย ชมรมวิจารณ์บันเทิง ครั้งที่ 24 เป็นรางวัลที่มอบให้แก่บุคลากรในวงการภาพยนตร์ไทย จัดโดยชมรมวิจารณ์บันเทิง โดยพิจารณาจากภาพยนตร์ไทยที่เข้าฉายในปี พ.ศ. 2558 จำนวน 55 เรื่อง (สำหรับตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๖ อวสานหงสา และพันท้ายนรสิงห์ ทางผู้สร้างไม่ขอรับการพิจารณารางวัล) โดยจะประกาศผลในวันที่ 20 มีนาคม 2559 ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานครรายชื่อบุคคลและภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล รายชื่อบุคคลและภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล. รายชื่อบุคคลและภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล ผู้ชนะรางวัล จะเน้นด้วย ตัวหนาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมภาพยนตร์ยอดเยี่ยม. - "Snap แค่...ได้คิดถึง" โดย ทรูวิชั่นส์ ออริจินอล พิคเจอร์ส, ซองซาวด์โปรดักชัน, นอร์ธสตาร์โปรดักชัน (โสฬส สุขุม, กัญญารัตน์ จิรรัชชกิจ, ปิยะลักษณ์ มหาธนทรัพย์)- "พี่ชาย My Hero" โดย อิเล็คทริคอีล ฟิล์ม, แอดเวิร์ดโปรดักชัน, คริสลีโปรดักชัน (Edward Gunawan, Chris Lee, อโนชา สุวิชากรพงศ์)- "ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ" โดย จีทีเอช, จอกว้างฟิล์ม (จิระ มะลิกุล, เช่นชนนี สุนทรศารทูล, วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์, สุวิมล เตชะสุปินัน, วีรชัย ใหญ่กว่าวงศ์)- "เมย์ไหน...ไฟแรงเฟร่อ" โดย จีทีเอช, จอกว้างฟิล์ม (จิระ มะลิกุล, เช่นชนนี สุนทรศารทูล, วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์, สุวิมล เตชะสุปินัน)- "อนธการ" โดย จี วิลเลจ (อนุชา บุญยวรรธนะ, อารียา ชีวีวัฒน์, ดรสะรณ โกวิทวณิชชา, คณีณัฐ เรืองรุจิระ, ภุชงค์ ตันติสังวรากูร, วิชชพัทร์ โกจิ๋ว)ผู้กำกับยอดเยี่ยมผู้กำกับยอดเยี่ยม. - Josh Kim จาก "พี่ชาย My Hero" - ชยนพ บุญประกอบ จาก "เมย์ไหน...ไฟแรงเฟร่อ" - นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ จาก "ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ" - อนุชา บุญยวรรธนะ จาก "อนธการ" - อุรุพงศ์ รักษาสัตย์ จาก "เพลงของข้าว"นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม. - เจสัน ยัง จาก "ฟ.ฮีแลร์" - ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ จาก "ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ" - ธิติ มหาโยธารักษ์ จาก "เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ" - อรรถพันธ์ พูลสวัสดิ์ จาก "อนธการ" - อิงครัต ดำรงศักดิ์กุล จาก "พี่ชาย My Hero"นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม. - ดาวิกา โฮร์เน่ จาก "ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ" - เทย่า โรเจอร์ส จาก "Love Sucks" - พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ จาก "แคทอ่ะแว้บ! ‪#‎แบบว่ารักอ่ะ‬" - วรันธร เปานิล จาก "Snap แค่...ได้คิดถึง" - สุทัตตา อุดมศิลป์ จาก "เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ"นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม. - ดนัย จารุจินดา จาก "อาปัติ" - ถิร ชุติกุล จาก "พี่ชาย My Hero" - ธนภพ ลีรัตนขจร จาก "เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ" - สรพงษ์ ชาตรี จาก "อาปัติ" - โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ จาก "อนธการ"นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม. - ดวงใจ หิรัญศรี จาก "อนธการ" - นรีกุล เกตุประภากร จาก "เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ" - พลอย ศรนรินทร์ จาก "อาปัติ" - วิโอเลต วอเทียร์ จาก "ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ" - อาภา ภาวิไล จาก "ผีห่าอโยธยา"บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม. - "Snap แค่...ได้คิดถึง" โดย คงเดช จาตุรันต์รัศมี - "พี่ชาย My Hero" โดย Josh Kim - "ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ" โดย นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ - "เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ" โดย ชยนพ บุญประกอบ, วสุธร ปิยารมณ์, ทศพล ทิพย์ทินกร, ณฐพล บุญประกอบ - "อนธการ" โดย อนุชา บุญยวรรธนะ, วาสุเทพ เกตุเพ็ชร์ลำดับภาพยอดเยี่ยมลำดับภาพยอดเยี่ยม. - "เพลงของข้าว" โดย อุรุพงศ์ รักษาสัตย์ - "พี่ชาย My Hero" โดย กมลธร เอกวัฒนกิจ - "ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ" โดย ชลสิทธิ์ อุปนิกขิต - "เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ" โดย ปนายุ คุณวัลลี - "อนธการ" โดย อานุภาพ อุตถา, ชลสิทธิ์ อุปนิกขิตกำกับภาพยอดเยี่ยมกำกับภาพยอดเยี่ยม. - "Vanishing Point" โดย พุทธิพงษ์ อรุณเพ็ง - "เพลงของข้าว" โดย อุรุพงศ์ รักษาสัตย์ - "ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ" โดย นิรมล รอสส์ - "อนธการ" โดย ชัยพฤกษ์ เฉลิมพรพานิช, กมลพันธ์ งิ้วทอง - "อาปัติ" โดย กิตติพัฒน์ จินะทองออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยมออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม. - "Vanishing Point" โดย วิกรม เจนพนัส - "พี่ชาย My Hero" โดย ราสิเกติ์ สุขกาล - "ฟ.ฮีแลร์” โดย เอก เอี่ยมชื่น - "ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ" โดย ไพโรจน์ ศิริวัฒน์, ไชยวัฒน์ บุญสูงเนิน - "อนธการ" โดย ไพโรจน์ ศิริวัฒน์, วิฑูรย์ ตุลากรดนตรีประกอบยอดเยี่ยมดนตรีประกอบยอดเยี่ยม. - "เพลงของข้าว" โดย วุฒิพงศ์ ลี้ตระกูล - "พี่ชาย My Hero" โดย Bodvar Isbjornson - "ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ" โดย หัวลำโพงริดดิม - "เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ" โดย หัวลำโพงริดดิม และ วิชญ วัฒนศัพท์ - "อนธการ" โดย ชัพวิชญ์ เต็มนิธิกุลเพลงจากภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเพลงจากภาพยนตร์ยอดเยี่ยม. - "ใจ...ใจ" จาก "คิวชู...แล้วพรุ่งนี้เราคงจะรู้กัน" ประพันธ์โดย ตนุภพ โนทยานนท์, พงศ์จักร พิษฐานพร, วรเวช ดานุวงศ์- "พระอาทิตย์เที่ยงคืน" จาก "Water Boyy รักใสๆ...วัยรุ่นชอบ" ประพันธ์โดย สมภพ โภคพูล- "ยอม" จาก "คืนนั้น" ประพันธ์โดย ทศพล อำนวยกูล- "เรามีเรา" จาก "คุณทองแดง The Inspirations" - "สุดสายตา" จาก "The Down" ประพันธ์โดย อภิชัย ตระกูลเผด็จไกรภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยมภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม. - "Y/our Music" - "The Guitar King" - "คิวชู...แล้วพรุ่งนี้เราคงจะรู้กัน" - "มาดพยัคฆ์" - "The Down" - "เพลงของข้าว"นักทำหนังหน้าใหม่ยอดเยี่ยม นักทำหนังหน้าใหม่ยอดเยี่ยม. พิจารณาจากผลงานภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกที่เข้าฉายเชิงพาณิชย์- Josh Kim จาก "พี่ชาย My Hero" - ขนิษฐา ขวัญอยู่ จาก "อาปัติ" - จักรวาล นิลธำรงค์ จาก "Vanishing Point" - มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล จาก "Love Sucks" - สุรัสวดี เชื้อชาติ จาก "ฟ.ฮีแลร์" - อนุชา บุญยวรรธนะ จาก "อนธการ"รางวัลภาพยนตร์ไทยทำเงินสูงสุดในรอบปี 2558รางวัลภาพยนตร์ไทยทำเงินสูงสุดในรอบปี 2558. - "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๖ อวสานหงสา" โดย พร้อมมิตร โปรดักชั่น และ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนลรางวัลเกียรติคุณแห่งความสำเร็จรางวัลเกียรติคุณแห่งความสำเร็จ. - มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา - สมพงษ์ วงศ์รักไทย
รางวัลภาพยนตร์ไทย ชมรมวิจารณ์บันเทิง ครั้งที่ 24 เป็นการพิจารณาภาพยนตร์ไทยที่เข้าฉายในปี พ.ศ. ใด
3381
{ "answer_end": [ 225 ], "answer_start": [ 209 ], "text": [ "อัครพล อัครเศรณี" ] }
633750
รถไฟ เรือเมล์ ลิเก กองถ่าย รถไฟ เรือเมล์ ลิเก กองถ่าย เป็นละครโทรทัศน์ไทยแนวดราม่า-โรแมนติก-คอมเมดี บทประพันธ์โดย วรรณิศา บทโทรทัศน์โดย รุ่งอรุณ - วรวรรณ ผลิตโดย บริษัท อัครพล โปรดักชั่น จำกัด กำกับการแสดงโดย อัครพล อัครเศรณี ออกอากาศทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18:30 - 19:45 น. เริ่มออกอากาศตอนแรกวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557–9 กันยายน พ.ศ. 2557 นำแสดงโดย เกียรติกมล ล่าทา, ณปภา ตันตระกูล, ธนา ฉัตรบริรักษ์, เบญจวรรณ อาร์ดเนอร์, โชคชัย บุญวรเมธี, พรรษกร เศรษฐภักดี, จิรายุ ตันตระกูล, เวธกา ศิริวัฒนา และนักแสดงชั้นนำอีกมากมายเนื้อเรื่อง เนื้อเรื่อง. รถไฟ เรือเมล์ ลิเก กองถ่าย เป็นเรื่องราวของ 4 เพื่อนรักคือ เมฆา (ตุ้ย เกียรติกมล) ช่างซ่อมรถที่มีอาชีพเสริมเป็นพระเอกลิเก,วายุ (หน่อง ธนา) ลูกชายของ ลุงวัน (เอก สรพงษ์) เจ้าของท่าเรือมีอาชีพเสริมเป็นสแตนด์อิน,รัชตะ (ก็อต จิรายุ) โปรแกรมเมอร์หนุ่มประจำบริษัทรถไฟ ฟ้าและ พิรุณ (บอย โชคชัย) ผู้ช่วยผู้กำกับที่มีความฝันอยากเป็นผู้กำกับซึ่งได้เห็นข่าวหญิงสาวธรรมดาได้แต่งงานกับเศรษฐีจึงเกิด ความคิดที่จะจีบไฮโซสาวๆเพื่อยกฐานะของตนเอง โดยเป้าหมายของ 4 หนุ่มคือ พิม (แพท ณปภา) ลูกสาวของ ดิเรก (เปี๊ยก พิศาล) เจ้าของบริษัทสิ่งทอชื่อดัง,แฮม (เกล เวธกา) คุณหนูไฮโซสุดเฉิ่มเพื่อนรักของพิม,ลิสา (โบว์ เบญจวรรณ) นางเอกชื่อดังผู้มีปูมหลังฝังใจและ ลัดดา (ออกัส พรรษกร) เจ้าของห้องเสื้อชื่อดัง เพื่อนรักของลิสาภารกิจในการปลอมตัวเพื่อจีบสาว ของ 4 หนุ่มจอมกะล่อนจึงเริ่มต้นขึ้นรายชื่อนักแสดงนำรายชื่อนักแสดงนำ. - เกียรติกมล ล่าทา รับบทเป็น เมฆา อัครเดโช (เมฆ) - ณปภา ตันตระกูล รับบทเป็น พิมพ์พัชร พูนพัฒนสุข (พิม) - ธนา ฉัตรบริรักษ์ รับบทเป็น วายุ ตระกูลทรัพย์ - เบญจวรรณ อาร์ดเนอร์ รับบทเป็น อลิสา ชัยมงคล (ลิสา) - จิรายุ ตันตระกูล รับบทเป็น รัชตะ วงศ์วานิช (แว่น) - เวธกา ศิริวัฒนา รับบทเป็น ณัทธิดา เจริญวงศ์สา (แฮม) - โชคชัย บุญวรเมธี รับบทเป็น พิรุณ พงษ์ธีรพล - พรรษกร เศรษฐภักดี รับบทเป็น ลัดดาวัลย์ เรืองเวศ (ลัดดา) - สรพงษ์ ชาตรี รับบทเป็น วัน - เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ รับบทเป็น ทาริกา - พิศาล อัครเศรณี รับบทเป็น ดิเรก - รอง เค้ามูลคดี รับบทเป็น แสวง - สุดา ชื่นบาน รับบทเป็น ชบา - สมภพ เบญจาธิกุล รับบทเป็น เสธ. ทรงพล - แอนนา ชวนชื่น รับบทเป็น เสี่ยย้ง - สุรชัย สมบัติเจริญ รับบทเป็น มิสเตอร์ชาง (ตัวร้าย) - ปิยะ ตระกูลราษฎร์ รับบทเป็น ผู้จัดการจง - อัญชิสา เลี่ยวไพโรจน์ รับบทเป็น พอลลี่ - เฉลิมศักดิ์ แย้มขะมัง รับบทเป็น เฮนรี่ ณ หนองฮื้อ (จ๊อด) - สุชาดา พูนพัฒนสุข รับบทเป็น มะลิ - ปิยะพงค์ ตุรงคกุล รับบทเป็น เซกิ (ตัวร้ายกลับตัวเป็นคนดี) - พิมพ์พัชร วัชรเสวี รับบทเป็น นุ่น (นางร้ายกลับตัวเป็นคนดี) - ภานุพงศ์ วราเอกศิริ รับบทเป็น สเตฟาน - ณฐอร อินทรสกุล รับบทเป็น เจน - วิมลพันธ์ ชาลีจังหาญ รับบทเป็น แต๋ว - วรวุฒิ พงษ์ธีรพล รับบทเป็น ผู้กำกับกองถ่าย - อัจฉรา ทองเทพ รับบทเป็น เจ๊ชมพู่ - คมกฤช ยุตติยงค์ รับบทเป็น ลุงชด - ธิชาชา บุญเรืองขาว รับบทเป็น กิ๊บนักแสดงรับเชิญนักแสดงรับเชิญ. - ถั่วแระ เชิญยิ้ม รับบทเป็น น้าเอิบ - เจษฎา รุ่งสาคร รับบทเป็น ปรัชญา - สุธิตา เกตานนท์ รับบทเป็น ยุพิน - รสริน จันทรา รับบทเป็น แม่ของแฮม - อำภา ภูษิต รับบทเป็น ป้าแสง - วันทิพย์ ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม รับบทเป็น เจ๊กุ๊กไก่ - ปีแอร์ เดอลาลอง รับบทเป็น โจเซฟ หรือ มิสเตอร์เจ - ชิน อัมพรรัตน์ - ศักดิ์ รอดริน - เด็กชาย สุทธินันท์ เทียนสุวรรณ รับบท เมฆ (วัยเด็ก) - เด็กชาย วิน สกุลแสงประภา รับบท วายุ (วัยเด็ก) - เด็กหญิง กุลฑีรา ยอดช่าง รับบทเป็น หมิง - เด็กหญิง นภัสธนันท์ นิมจิรวัฒน์ รับบทเป็น หนิง - เด็กหญิง พิชชา ชินวัตร รับบท พิม (วัยเด็ก) - เด็กชาย ปัญกร จันทศร รับบท แว่น (วัยเด็ก) - เด็กหญิง นันท์นภัส เลิศนามเชิดสกุล รับบท แฮม (วัยเด็ก)เพลงประกอบละครเพลงประกอบละคร. - เพลง ขออภัยไว้ก่อน (เพลงเปิด) - ขับร้องโดย นท พนายางกูร - เพลง แค่คำเดียว (เพลงปิด) - ขับร้องโดย ปนัดดา เรืองวุฒิ - ชาติชาย มานิตยกุลการออกอากาศการออกอากาศ. - วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 งดออกอากาศ เนื่องจากถ่ายทอดสดพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมายุ 62 พรรษา ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง จึงต้องเลื่อนไปออกอากาศตอนแรกในวันที่ 29 กรกฎาคม 2557 แทน - วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557 งดออกอากาศ เนื่องจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) ถ่ายทอดสดพิธีถวายเครื่องราชสักการะ จุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล และถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาพระบรมราชินีนาถ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ตั้งแต่เวลา 18:45 - 19:40 น. - วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2557 ละครมาออกอากาศช้ากว่าเวลาปกติในเวลา 19.07 - 20.00 น. - วันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2557 ละครมาออกอากาศเร็วกว่าเวลาปกติในเวลา 18.20 - 20.00 น.
ใครคือผู้กำกับละครโทรทัศน์ไทยเรื่องรถไฟ เรือเมล์ ลิเก กองถ่าย
3382
{ "answer_end": [ 359 ], "answer_start": [ 355 ], "text": [ "2557" ] }
633750
รถไฟ เรือเมล์ ลิเก กองถ่าย รถไฟ เรือเมล์ ลิเก กองถ่าย เป็นละครโทรทัศน์ไทยแนวดราม่า-โรแมนติก-คอมเมดี บทประพันธ์โดย วรรณิศา บทโทรทัศน์โดย รุ่งอรุณ - วรวรรณ ผลิตโดย บริษัท อัครพล โปรดักชั่น จำกัด กำกับการแสดงโดย อัครพล อัครเศรณี ออกอากาศทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18:30 - 19:45 น. เริ่มออกอากาศตอนแรกวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557–9 กันยายน พ.ศ. 2557 นำแสดงโดย เกียรติกมล ล่าทา, ณปภา ตันตระกูล, ธนา ฉัตรบริรักษ์, เบญจวรรณ อาร์ดเนอร์, โชคชัย บุญวรเมธี, พรรษกร เศรษฐภักดี, จิรายุ ตันตระกูล, เวธกา ศิริวัฒนา และนักแสดงชั้นนำอีกมากมายเนื้อเรื่อง เนื้อเรื่อง. รถไฟ เรือเมล์ ลิเก กองถ่าย เป็นเรื่องราวของ 4 เพื่อนรักคือ เมฆา (ตุ้ย เกียรติกมล) ช่างซ่อมรถที่มีอาชีพเสริมเป็นพระเอกลิเก,วายุ (หน่อง ธนา) ลูกชายของ ลุงวัน (เอก สรพงษ์) เจ้าของท่าเรือมีอาชีพเสริมเป็นสแตนด์อิน,รัชตะ (ก็อต จิรายุ) โปรแกรมเมอร์หนุ่มประจำบริษัทรถไฟ ฟ้าและ พิรุณ (บอย โชคชัย) ผู้ช่วยผู้กำกับที่มีความฝันอยากเป็นผู้กำกับซึ่งได้เห็นข่าวหญิงสาวธรรมดาได้แต่งงานกับเศรษฐีจึงเกิด ความคิดที่จะจีบไฮโซสาวๆเพื่อยกฐานะของตนเอง โดยเป้าหมายของ 4 หนุ่มคือ พิม (แพท ณปภา) ลูกสาวของ ดิเรก (เปี๊ยก พิศาล) เจ้าของบริษัทสิ่งทอชื่อดัง,แฮม (เกล เวธกา) คุณหนูไฮโซสุดเฉิ่มเพื่อนรักของพิม,ลิสา (โบว์ เบญจวรรณ) นางเอกชื่อดังผู้มีปูมหลังฝังใจและ ลัดดา (ออกัส พรรษกร) เจ้าของห้องเสื้อชื่อดัง เพื่อนรักของลิสาภารกิจในการปลอมตัวเพื่อจีบสาว ของ 4 หนุ่มจอมกะล่อนจึงเริ่มต้นขึ้นรายชื่อนักแสดงนำรายชื่อนักแสดงนำ. - เกียรติกมล ล่าทา รับบทเป็น เมฆา อัครเดโช (เมฆ) - ณปภา ตันตระกูล รับบทเป็น พิมพ์พัชร พูนพัฒนสุข (พิม) - ธนา ฉัตรบริรักษ์ รับบทเป็น วายุ ตระกูลทรัพย์ - เบญจวรรณ อาร์ดเนอร์ รับบทเป็น อลิสา ชัยมงคล (ลิสา) - จิรายุ ตันตระกูล รับบทเป็น รัชตะ วงศ์วานิช (แว่น) - เวธกา ศิริวัฒนา รับบทเป็น ณัทธิดา เจริญวงศ์สา (แฮม) - โชคชัย บุญวรเมธี รับบทเป็น พิรุณ พงษ์ธีรพล - พรรษกร เศรษฐภักดี รับบทเป็น ลัดดาวัลย์ เรืองเวศ (ลัดดา) - สรพงษ์ ชาตรี รับบทเป็น วัน - เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ รับบทเป็น ทาริกา - พิศาล อัครเศรณี รับบทเป็น ดิเรก - รอง เค้ามูลคดี รับบทเป็น แสวง - สุดา ชื่นบาน รับบทเป็น ชบา - สมภพ เบญจาธิกุล รับบทเป็น เสธ. ทรงพล - แอนนา ชวนชื่น รับบทเป็น เสี่ยย้ง - สุรชัย สมบัติเจริญ รับบทเป็น มิสเตอร์ชาง (ตัวร้าย) - ปิยะ ตระกูลราษฎร์ รับบทเป็น ผู้จัดการจง - อัญชิสา เลี่ยวไพโรจน์ รับบทเป็น พอลลี่ - เฉลิมศักดิ์ แย้มขะมัง รับบทเป็น เฮนรี่ ณ หนองฮื้อ (จ๊อด) - สุชาดา พูนพัฒนสุข รับบทเป็น มะลิ - ปิยะพงค์ ตุรงคกุล รับบทเป็น เซกิ (ตัวร้ายกลับตัวเป็นคนดี) - พิมพ์พัชร วัชรเสวี รับบทเป็น นุ่น (นางร้ายกลับตัวเป็นคนดี) - ภานุพงศ์ วราเอกศิริ รับบทเป็น สเตฟาน - ณฐอร อินทรสกุล รับบทเป็น เจน - วิมลพันธ์ ชาลีจังหาญ รับบทเป็น แต๋ว - วรวุฒิ พงษ์ธีรพล รับบทเป็น ผู้กำกับกองถ่าย - อัจฉรา ทองเทพ รับบทเป็น เจ๊ชมพู่ - คมกฤช ยุตติยงค์ รับบทเป็น ลุงชด - ธิชาชา บุญเรืองขาว รับบทเป็น กิ๊บนักแสดงรับเชิญนักแสดงรับเชิญ. - ถั่วแระ เชิญยิ้ม รับบทเป็น น้าเอิบ - เจษฎา รุ่งสาคร รับบทเป็น ปรัชญา - สุธิตา เกตานนท์ รับบทเป็น ยุพิน - รสริน จันทรา รับบทเป็น แม่ของแฮม - อำภา ภูษิต รับบทเป็น ป้าแสง - วันทิพย์ ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม รับบทเป็น เจ๊กุ๊กไก่ - ปีแอร์ เดอลาลอง รับบทเป็น โจเซฟ หรือ มิสเตอร์เจ - ชิน อัมพรรัตน์ - ศักดิ์ รอดริน - เด็กชาย สุทธินันท์ เทียนสุวรรณ รับบท เมฆ (วัยเด็ก) - เด็กชาย วิน สกุลแสงประภา รับบท วายุ (วัยเด็ก) - เด็กหญิง กุลฑีรา ยอดช่าง รับบทเป็น หมิง - เด็กหญิง นภัสธนันท์ นิมจิรวัฒน์ รับบทเป็น หนิง - เด็กหญิง พิชชา ชินวัตร รับบท พิม (วัยเด็ก) - เด็กชาย ปัญกร จันทศร รับบท แว่น (วัยเด็ก) - เด็กหญิง นันท์นภัส เลิศนามเชิดสกุล รับบท แฮม (วัยเด็ก)เพลงประกอบละครเพลงประกอบละคร. - เพลง ขออภัยไว้ก่อน (เพลงเปิด) - ขับร้องโดย นท พนายางกูร - เพลง แค่คำเดียว (เพลงปิด) - ขับร้องโดย ปนัดดา เรืองวุฒิ - ชาติชาย มานิตยกุลการออกอากาศการออกอากาศ. - วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 งดออกอากาศ เนื่องจากถ่ายทอดสดพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมายุ 62 พรรษา ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง จึงต้องเลื่อนไปออกอากาศตอนแรกในวันที่ 29 กรกฎาคม 2557 แทน - วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557 งดออกอากาศ เนื่องจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) ถ่ายทอดสดพิธีถวายเครื่องราชสักการะ จุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคล และถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาพระบรมราชินีนาถ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ตั้งแต่เวลา 18:45 - 19:40 น. - วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2557 ละครมาออกอากาศช้ากว่าเวลาปกติในเวลา 19.07 - 20.00 น. - วันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2557 ละครมาออกอากาศเร็วกว่าเวลาปกติในเวลา 18.20 - 20.00 น.
ละครโทรทัศน์ไทยเรื่องรถไฟ เรือเมล์ ลิเก กองถ่าย ออกอากาศครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ใด
3383
{ "answer_end": [ 31 ], "answer_start": [ 16 ], "text": [ "เทือกเขาพิเรนีส" ] }
69032
เทือกเขาพิเรนีส เทือกเขาพิเรนีส (; ; ; ; ) เป็นทิวเขาในยุโรปตะวันตกเฉียงใต้ที่เป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างประเทศฝรั่งเศสกับประเทศสเปน เทือกเขานี้ยังแบ่งคาบสมุทรไอบีเรียออกจากฝรั่งเศสและมีความยาวประมาณ 430 กิโลเมตร (267 ไมล์) จากมหาสมุทรแอตแลนติก (อ่าวบิสเคย์) จนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (แหลมแกร็วส์) ส่วนใหญ่แล้ว ยอดเขาหลัก ๆ จะเป็นแนวพรมแดนฝรั่งเศส-สเปน ซึ่งมีอันดอร์ราแทรกอยู่ตรงกลาง ข้อยกเว้นหลักของกฎนี้คือ บัลดารันที่เป็นของสเปน แต่ตั้งอยู่ทางลาดเขาด้านเหนือของทิวเขา ส่วนข้อผิดปกติอื่น ๆ ได้แก่ ซาร์ดัญญา และดินแดนส่วนแยกของสเปนที่ชื่อยิบิอาภูมิศาสตร์ ภูมิศาสตร์. ในทางการปกครอง เทือกเขาพิเรนีสเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัด () ของฝรั่งเศส จากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตกดังต่อไปนี้ จังหวัดปีเรเน-ออรีย็องตาล จังหวัดโอด จังหวัดอาเรียฌ จังหวัดโอต-การอน จังหวัดโอต-ปีเรเน และจังหวัดปีเรเน-อัตล็องติก (สองจังหวัดหลังยังเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติพิเรนีสอีกด้วย) เทือกเขาพิเรนีสยังเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัด () ของสเปน จากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตกดังต่อไปนี้ จังหวัดฌิโรนา จังหวัดบาร์เซโลนา จังหวัดแยย์ดา จังหวัดอูเอสกา จังหวัดซาราโกซา จังหวัดนาวาร์ และจังหวัดกิปุซโกอา พื้นที่ทั้งหมดของราชรัฐอิสระอันดอร์ราตั้งอยู่ในเทือกเขาพิเรนีส ส่วนในทางกายภาพ เทือกเขานี้แบ่งออกเป็นสามส่วน ได้แก่ ส่วนกลาง ส่วนตะวันตกหรือแอตแลนติก และส่วนตะวันออก พิเรนีสตอนกลางขยายไปทางทิศตะวันออก จากช่องเขาซอมพอร์ต (Somport) ผ่านบัลดารัน และครอบคลุมยอดเขาที่สูงที่สุดของทิวเขานี้ไว้ คือ- ยอดเขาอาเนโต (Aneto) หรือยอดเขาเนตู (Néthou) สูง 3,404 เมตร (11,168 ฟุต) ในสันเขามาลาเดตา - ยอดเขาโปเซตส์ (Mont Posets) สูง 3,375 เมตร (11,072 ฟุต) - ยอดเขามงแปร์ดูว์ (Mont Perdu) หรือมอนเตเปร์ดิโด (Monte Perdido) สูง 3,355 เมตร (11,007 ฟุต) ในส่วนพิเรนีสตะวันตกนั้น ความสูงเฉลี่ยของทิวเขาจะค่อย ๆ ลดลงจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก จนกระทั่งรวมเข้ากับภูเขาบาสก์ (Basque mountains) ใกล้อ่าวบิสเคย์ และในพิเรนีสตะวันออก นอกจากจุดที่แตกออกไปเพียงแห่งเดียวทางด้านตะวันออกสุดของปีเรเนอารีเยฌวซ (Pyrénées Ariégeoises) แล้ว ระดับความสูงเฉลี่ยจะยังคงที่เสมอกันอย่างน่าประหลาด จนกระทั่งถึงจุดหนึ่งที่ลาดเอียงลงไปกะทันหันในส่วนของแนวเขาที่เรียกว่าอาลแบร์ (Albères)
ทิวเขาในยุโรปตะวันตกเฉียงใต้ที่เป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างประเทศฝรั่งเศสกับประเทศสเปนคือเทือกเขาใด
3384
{ "answer_end": [ 302 ], "answer_start": [ 298 ], "text": [ "2533" ] }
256488
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นส่วนราชการระดับคณะวิชา สังกัดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กระทรวงศึกษาธิการ โดยเป็นคณะวิชาที่จัดตั้งขึ้นเป็นอันดับ 11 ของมหาวิทยาลัย และเป็นสถาบันทางแพทยศาสตร์ที่จัดตั้งขึ้นเป็นอันดับ 9 ของประเทศ ตามที่ได้รับการสถาปนาขึ้นใน พ.ศ. 2533 ตามแผนการขยายการเรียนการสอนในสายวิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์ประยุกต์ นับเป็นคณะแรกในสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดตั้งขึ้นด้วยแนวคิดการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (Community-Based Learning : CBL) ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีโรงเรียนแพทย์ใดริเริ่มการเรียนการสอนดังกล่าว การเรียนการสอนของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับการปรับปรุงหลักสูตรทุก ๆ 5 ปี ตามนโยบายของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในระยะแรกของการก่อตั้ง ทางคณะได้จัดให้มีการเรียนการสอนในรูปแบบ 100% Problem-based learning และ 0% Lectures ตามแนวทางการจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษาแผนใหม่ โดยมีช่วงเวลาที่ให้นักศึกษาได้เพิ่มเติมความรู้โดยตนเองเป็นผู้กำกับ (Self-directed learning) ภายหลังได้มีการปรับสัดส่วนดังกล่าวอยู่ในระดับ 80% Problem-based learning และ 20% Lectures หลักสูตรที่ใช้ในปัจจุบันคือ หลักสูตรปีพุทธศักราช 2552 โดยในระดับพรีคลินิค (ชั้นปีที่ 2-3) มีการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบ Hybrid Problem-based Learning (Hybrid PBL) คือมีการเรียนการสอนแบบบรรยาย ประกอบกับการใช้โจทย์ปัญหาในกระบวนการกลุ่มย่อยที่อ้างอิงทางคลินิก และในระดับคลินิก (ชั้นปีที่ 4-6) มีการจัดการเรียนการสอนคล้ายคลึงกับสถาบันอื่น ๆ โดยเน้นการปฏิการทางคลินิกบนโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติประวัติ ประวัติ. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีนโยบายจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 โดยมีศ.ปรีดี พนมยงศ์ ดำรงตำแหน่งอธิการบดี โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการร่างโครงการจัดตั้งขึ้นชุดหนึ่ง และได้ดำเนินการอย่างจริงจังในสมัย ศาสตราจารย์คุณหญิงนงเยาว์ ชัยเสรี ดำรงตำแหน่งอธิการบดี โดยสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในการประชุมครั้งที่ 8/2526 ได้ให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับนโยบายทางวิชาการของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในการที่จะส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ประยุกต์ โดยเฉพาะการผลิตบัณฑิตแพทย์ และมอบหมายให้อธิการบดีดำเนินการตามนโยบาย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ดำเนินตามแผนโดยการสร้างโรงพยาบาลขึ้น โดยศาสตราจารย์คุณหญิงนงเยาว์ ชัยเสรี ดำรงตำแหน่งอธิการบดี มีคำสั่ง ที่ 747/2529 ลงวันที่ 25 สิงหาคม 2529 แต่งตั้งคณะกรรมการจัดหาทุนสร้างโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ มีศาสตราจารย์ สุธี นาทวรทัน เป็นประธานกรรมการ และ นายประมวล สภาวสุ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในขณะนั้น เป็นประธานกิตติมศักดิ์ ระดมทุนจากศิกษ์เก่าทั้งในประเทศและต่างประเทศ การดำเนินการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ ได้ดำเนินการต่อมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นชอบด้วยตามหนังสือของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร.0203/126 ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2529 ซึ่งอธิการบดีได้พบปลัดทบวงมหาวิทยาลัย ขอดำเนินการโรงพยาบาลให้ครบ 1 ปีก่อน เพื่อเป็นพื้นฐานของคณะแพทยศาสตร์ แล้วจึงจะดำเนินการเรื่องคณะแพทยศาสตร์ โดยมีการสานต่อในสมัย ศาสตราจารย์เกริกเกียรติ พิพัฒน์เสรีธรรม ดำรงตำแหน่งอธิการบดีในปี พ.ศ. 2531 ในการดำเนินการได้มีการประสานกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อหาแนวทางร่วมกันในการผลิตบัณฑิตแพทย์พึงประสงค์ อันสอดคล้องกับนโยบายผู้บริหารมหาวิทยาลัย และนโยบายของทบวงมหาวิทยาลัย ซึ่งสภามหาวิทยาลัยได้พิจารณาอนุมัติโครงการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ ในเดือนสิงหาคม 2531 คณะรัฐมนตรีมีมติให้จัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ขึ้นในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2533 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชกฤษฎีกา การจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2533 มีผลใช้บังคับในวันถัดมา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นคณะแพทย์อันดับที่ 9 ของประเทศไทย มีการแบ่งส่วนราชการของคณะแพทยศาสตร์ เป็น 4 ส่วน คือ สำนักงานเลขานุการสถานวิทยาศาสตร์พรีคลินิก สถานวิทยาศาสตร์คลินิก และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ในปี พ.ศ. 2543 สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งขณะนั้น ศาสตราจารย์ คุณหญิง นงเยาว์ ชัยเสรี เป็นนายสภามหาวิทยาลัย มีคำสั่งให้การบริหารโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เป็นอิสระโดยสังกัดสำนักงานอธิการบดี แยกออกจากคณะแพทยศาสตร์ ดังนั้นด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการประจำคณะจึงได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริหารคณะ โดยถือหลักการปรับโครงสร้างของคณะแพทยศาสตร์ให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ พันธกิจ วัตถุประสงค์ ของคณะแพทยศาสตร์ และในปี พ.ศ. 2553 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ดำเนินการจัดการเรียนการสอนมาเป็นระยะเวลาครบ 20 ปี จึงได้มีโครงการจัดทำหนังสืออนุสรณ์ กิจกรรมทางวิชาการรวมถึงการประชุมวิชาการต่าง ๆ และมีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองในวาระดังกล่าว อีกทั้งได้มีการจัดทำตราสัญลักษณ์ "20 ปี แพทย์ธรรมศาสตร์" เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่าง ๆ ของคณะตลอดปีการศึกษาอีกด้วยการแบ่งส่วนราชการการแบ่งส่วนราชการ. - หน่วยงาน- งานบริหารทรัพยากรมนุษย์ - งานคลังและพัสดุ - งานเทคโนโลยีทางการศึกษา - งานบริการสังคม - งานนโยบายและแผน - งานบริหารทั่วไป - งานกิจการนักศึกษา - งานพัฒนาคุณภาพ- บริหารการวิจัย- งานบริหารการวิจัย - จริยธรรมการวิจัยในคน- ฝ่ายวิชาการ- งานบริการการศึกษา- สถานวิทยาศาสตร์คลินิค- ภาควิชาอายุรศาสตร์ - ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ - ภาควิชาศัลยศาสตร์ - ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา - ภาควิชาออร์โธปิดิกส์ - ภาควิขาวิสัญญีวิทยา - ภาควิขาโสต ศอ นาสิกวิทยา - ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู - ภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน - ภาควิชารังสีวิทยา - ภาควิชาจักษุวิทยา - ภาควิชาพยาธิวิทยาและนิติเวชศาสตร์ - ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ - ภาควิชาวิทยาการระบาดคลินิก - สถานวิทยาศาสตร์พรีคลินิก- สาขากายวิภาคศาสตร์ - สาขาสรีรวิทยา - สาขาปรสิตวิทยา - สาขาเภสัชวิทยา - สาขาจุลชีววิทยาและภูมิคุ้มกัน - สาขาชีวเคมี - สาขาเซลล์ชีววิทยา - สาขาอณูพันธุศาสตร์-อณูชีววิทยาทางการแพทย์ - สถานเวชศาสตร์ชุมชนและเวชศาสตร์ครอบครัว - บัณฑิตศึกษา- งานบัณฑิตศึกษา - Biochemistry and Molecular biology - สถานการแพทย์แผนไทยประยุกต์ทำเนียบคณบดีรายนามผู้บริหาร รายนามผู้บริหาร. รายนามผู้บริหารชุดปัจจุบันFacts & FiguresอัตรากำลังFacts & Figures. อัตรากำลัง. 1. อาจารย์ 296 คน 2. บุคลากรสายสนับสนุน 265 คนหลักสูตรการศึกษาปริญญาตรีหลักสูตรการศึกษา. ปริญญาตรี. - หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต (หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. 2556) - หลักสูตรการแพทย์แผนไทยประยุกต์บัณฑิต (หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. 2556) - หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต (หลักสูตรภาคภาษาอังกฤษ)บัณฑิตศึกษาบัณฑิตศึกษา. - สาขาวิชาเซลล์ต้นกำเนิดและอณูชีววิทยา (ปริญญาโท และปริญญาเอก) - สาขาวิชาระบาดวิทยาคลินิก (ปริญญาโท และปริญญาเอก) - สาขาวิชาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ (ปริญญาโท และปริญญาเอก) - สาขาวิชาชีวเคมีและชีววิทยาโมเลกุล (ปริญญาโท และปริญญาเอก) - สาขาวิชาเวชศาสตร์ชุมชนและเวชศาสตร์ครอบครัว (ปริญญาเอก) - สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (ปริญญาโท และปริญญาเอก)แพทย์ประจำบ้านแพทย์ประจำบ้าน. - เวชศาสตร์ครอบครัว (ไม่ต้องผ่านการเพิ่มพูนทักษะ) - อายุรศาสตร์ - กุมารเวชศาสตร์ - สูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา - ศัลยศาสตร์ - ออร์โธปิดิกส์ - รังสีวิทยาวินิจฉัย - วิสัญญีวิทยา - เวชศาสตร์ฉุกเฉิน - จักษุวิทยา - โสต ศอ นาสิกวิทยา - จิตเวชศาสตร์ - ประสาทวิทยา - จิตวิทยา - ประสาทศัลยศาสตร์ - อายุรศาสตร์โรคเลือด - พยาธิวิทยากายวิภาค (ไม่ต้องผ่านการเพิ่มพูนทักษะ) - ศัลยศาสตร์ยูโรวิทยาแพทย์ประจำบ้านต่อยอดแพทย์ประจำบ้านต่อยอด. - จักษุวิทยากระจกตา และการผ่าตัดแก้ไขสายตา - จักษุวิทยาโรคจอประสาทตา - จักษุวิทยาโรคต้อหิน - ศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์กระดูกสันหลัง - ศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ข้อสะโพกข้อเข่า - ศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ทางมือ - ศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์เวชศาสตร์การกีฬา - อายุรศาสตร์โรคไต - อายุรศาสตร์โรคทางเดินอาหาร - อายุรศาสตร์โรคหัวใจอาคารและสถานที่ด้านการเรียนการสอน อาคารและสถานที่. ด้านการเรียนการสอน. คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีอาคารหลักคือ "อาคารคุณากร" (รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีฯ) ความสูง 9 ชั้น โดยในปัจจุบันอาคารดังกล่าวเป็นสถานที่ติดต่อราชการ ที่ทำการสถานและสาขาวิชา และห้องประชุมต่าง ๆ ดังนี้ ชั้น 1 : ประชาสัมพันธ์, ลานอเนกประสงค์, สำนักงานคณะกรรมการนักศึกษา คณะแพทยศาสตร์ (กนพ.), ศูนย์หนังสือ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สาขาคณะแพทยศาสตร์, ร้านถ่ายเอกสาร, สหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สาขาศูนย์สุขศาสตร์, สมาคมศิษย์เก่าคณะแพทยศาสตร์, ห้องสมุดคณะแพทยศาสตร์ (Self Directed Learning;SDL) ชั้น 2 : ห้องประชุมแพทย์โดม 1 (ห้องประชุมทางไกลแพทย์โดม), ห้องประชุมแพทย์โดม 2 และ 3, สำนักงานคณบดี, สำนักงานเลขนุการคณะ, พระสาทิสลักษณ์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก (ลานพระบิดา) ชั้น 3 : งานบริการการศึกษา, กลุ่มห้องบรรยาย, ห้องปฏิบัติการสถานวิทยาศาสตร์พรีคลินิก, หน่วยส่งเสริมการวิจัย ชั้น 4 : สถานวิทยาศาสตร์พรีคลินิก, ห้องประชุมสโมสรคณะแพทยศาสตร์, ห้องเรียนกลุ่มย่อย, ห้องบรรยาย, ชุมนุมและนันทนาการ, สำนักงานสาขาแพทย์แผนไทยประยุกต์ ชั้น 5 : ห้องพักอาจารย์สถานวิทยาศาสตร์พรีคลินิก, ห้องเรียนกลุ่มย่อย ชั้น 6 และ 7 : ศูนย์การเรียนรู้ด้วยตัวเอง (Self-directed Learning : SDL), งานเทคโนโลยีทางการศึกษา ชั้น 8 : สถานวิทยาศาสตร์เวชศาสตร์ชุมชนและเวชศาสตร์ครอบครัว ชั้น 9 : สำนักงานสาขากายวิภาคศาสตร์, ห้องปฏิบัติการจุลกายวิภาคศาสตร์, ห้องปฏิบัติการมหกายวิภาคศาสตร์, ห้องประชุมแพทย์โดมชั้น 9 ในปีการศึกษา 2552 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีนโยบายขยายพื้นที่ทำการของคณะเพื่อรองรับการเรียนการสอนตามหลักสูตรปีพุทธศักราช 2552 ที่มีการขยายจำนวนรับนักศึกษาแพทย์ตั้งแต่ปีการศึกษา 2552 เป็นต้นไป จึงได้มีการต่อเติมอาคารราชสุดา ชั้น 3-8 (โครงการก่อสร้างอาคารราชสุดาในระยะที่ 2) โดยมีการสร้างห้องบรรยายขนาดใหญ่ อีกทั้งยังได้ย้ายสำนักงานสาขากายวิภาคศาสตร์, ห้องปฏิบัติการจุลกายวิภาคศาสตร์ และห้องปฏิบัติการมหกายวิภาคศาสตร์ มายังอาคารราชสุดา เพื่อความคล่องตัวของการจัดการเรียนการสอนด้านสวัสดิการ ด้านสวัสดิการ. เนื่องจากจำนวนผู้ที่เข้าพักอาศัยในหอพักแพทย์และพยาบาล โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่สามารถรองรับนักศึกษาแพทย์ทั้งหมดได้ ในปีการศึกษา 2552 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงมีโครงการก่อสร้างอาคารหอพักสำหรับนักศึกษาแพทย์โดยเฉพาะ และทั้งนี้ยังมีการสร้างศูนย์กีฬาคณะแพทยศาสตร์ เพื่อให้นักศึกษาแพทย์ได้มีสถานที่สำหรับการสร้างเสริมสุขภาพ ตามลักษณะพึงประสงค์ของบัณฑิตแพทย์ธรรมศาสตร์ ข้อที่ 9 ในหัวข้อ "ดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ"หน่วยงานสนับสนุนการศึกษาหน่วยงานสนับสนุนการศึกษา. - ห้องสมุดกลุ่มแพทย์ธรรมศาสตร์ Thammasat Medical Library - ศูนย์แพทย์ปฐมภูมิและแพทย์แผนไทยประยุกต์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ - โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ - โรงพยาบาลสระบุรี - โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า - โรงพยาบาลปทุมธานี - โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา - โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี - โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ - โรงพยาบาลพุทธโสธร - โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ กองทัพเรือการเดินทางการเดินทาง. - รถเมล์ประจำทาง- สาย 29 รังสิต–หัวลำโพง - สาย 39 ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต–อนุสาวรีย์ชัยฯ - สาย 510 รังสิต–อนุสาวรีย์ชัยฯ - รถตู้ประจำทาง- อนุสาวรีย์ชัยฯ-ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต - BTS หมอชิต-ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต - ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์-ศูนย์รังสิต (รถบริการของทางมหาวิทยาลัย) - รถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต (เริ่มให้บริการประมาณปี 2560) - รถประจำทางภายในมหาวิทยาลัย- รถเมล์ประจำทาง NGV สาย 2 - รถสองแถว สาย 2โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยและสถาบันร่วมผลิตแพทย์
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถูกสถาปนาขึ้นในปี พ.ศ. ใด
3385
{ "answer_end": [ 70 ], "answer_start": [ 62 ], "text": [ "พิษณุโลก" ] }
229288
น้ำตกชาติตระการ น้ำตกชาติตระการ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดพิษณุโลกที่น่าสนใจแห่งหนึ่ง ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้น ก็มีชื่อที่เรียก แตกต่างกันไป และมีความสวยสดงดงามตามลักษณะของภูมิประเทศ เช่น ชั้นที่ 1 ชื่อ มะลิวัลย์ เป็นลานน้ำขนาดใหญ่ ที่รองรับน้ำจากชั้นที่ 2 มีความสูงประมาณ 8 เมตร ซึ่งเป็นหน้าผาสูงชัน สามารถลงเล่นได้ บางจุดหากลึกมากก็จะมีป้ายแจ้งให้ทราบ ชั้นที่ 2 ชื่อ กรรณิการ์ ระยะทางขึ้นเขาซึ่งมีความลาดชั้นมาก ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินเท้า ความสวยงามจะแตกต่างจากชั้นที่ 1 เนื่องจากเป็นหน้าผาที่มีหินชั้นลดหลั่นกันไป สายน้ำจะมารวมกันในช่องหินซึ่งทะลุไปยังชั้นที่ 1 ในการขึ้นไปท่องเที่ยวยังชั้นที่ 2 ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง หากพลัดตกลงไปในช่องหินอาจทำให้เกิดอันตรายได้ ชั้นที่ 3 ใช้เส้นทางได้ 2 ทาง ได้แก่ ปีนชั้นหินขึ้นไปสู่ชั้น 3 โดยตรง หรือเดินทางเท้าตามเส้นทางของอุทยาน ชั้นที่ 3 ชื่อ การะเกด สามารถให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำได้ ซึ่งลักษณะคล้ายอ่างน้ำขนาดใหญ่
น้ำตกชาติตระการตั้งอยู่ที่จังหวัดใดในประเทศไทย
3386
{ "answer_end": [ 112 ], "answer_start": [ 111 ], "text": [ "7" ] }
229288
น้ำตกชาติตระการ น้ำตกชาติตระการ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดพิษณุโลกที่น่าสนใจแห่งหนึ่ง ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้น ก็มีชื่อที่เรียก แตกต่างกันไป และมีความสวยสดงดงามตามลักษณะของภูมิประเทศ เช่น ชั้นที่ 1 ชื่อ มะลิวัลย์ เป็นลานน้ำขนาดใหญ่ ที่รองรับน้ำจากชั้นที่ 2 มีความสูงประมาณ 8 เมตร ซึ่งเป็นหน้าผาสูงชัน สามารถลงเล่นได้ บางจุดหากลึกมากก็จะมีป้ายแจ้งให้ทราบ ชั้นที่ 2 ชื่อ กรรณิการ์ ระยะทางขึ้นเขาซึ่งมีความลาดชั้นมาก ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินเท้า ความสวยงามจะแตกต่างจากชั้นที่ 1 เนื่องจากเป็นหน้าผาที่มีหินชั้นลดหลั่นกันไป สายน้ำจะมารวมกันในช่องหินซึ่งทะลุไปยังชั้นที่ 1 ในการขึ้นไปท่องเที่ยวยังชั้นที่ 2 ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง หากพลัดตกลงไปในช่องหินอาจทำให้เกิดอันตรายได้ ชั้นที่ 3 ใช้เส้นทางได้ 2 ทาง ได้แก่ ปีนชั้นหินขึ้นไปสู่ชั้น 3 โดยตรง หรือเดินทางเท้าตามเส้นทางของอุทยาน ชั้นที่ 3 ชื่อ การะเกด สามารถให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำได้ ซึ่งลักษณะคล้ายอ่างน้ำขนาดใหญ่
น้ำตกชาติตระการที่จังหวัดพิษณุโลกเป็นน้ำตกที่มีทั้งหมดกี่ชั้น
3387
{ "answer_end": [ 793 ], "answer_start": [ 789 ], "text": [ "2542" ] }
399433
บุญเลิศ บูรณุปกรณ์ บุญเลิศ บูรณุปกรณ์ () นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงใหม่ เกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2499 เป็นบุตรของนายใช้ บูรณุปกรณ์ และนางจิตรา บูรณุปกรณ์ นักธุรกิจชาวจังหวัดเชียงใหม่การศึกษา การศึกษา. บุญเลิศ จบการศึกษาระดับชั้นประถมและมัธยมศึกษาจากโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย รุ่น 15 ระดับการศึกษาระดับปริญญาตรี บริหารธุรกิจบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และระดับปริญญาโท รัฐศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นอกจากนั้นยังสำเร็จการศึกษาหลักสูตรป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐ เอกชนและการเมือง รุ่นที่ 3 วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ในปี พ.ศ. 2556 เขาได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จังหวัดเชียงใหม่งานการเมือง งานการเมือง. นายบุญเลิศ บุรณุปกรณ์เริ่มต้นงานการเมืองด้วยตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2542การดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ การดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่. ปี พ.ศ. 2543 นายบุญเลิศได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ และได้ดำรงตำแหน่งต่อเป็นสมัยที่สองในพ.ศ. 2547 แต่หลังจากดำรงตำแหน่งได้เพียงไม่กี่เดือนก็ได้ลาออก จากปัญหาความขัดแย้งภายใน แต่ก็ได้รับเลือกตั้งกลับมาเป็นนายกเทศมนตรีตามเดิม โดยนายบุญเลิศและตระกูลบูรณุปกรณ์นั้น ถือเป็นกำลังที่สำคัญของพรรคไทยรักไทยในจังหวัดเชียงใหม่ และมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับตระกูลชินวัตรการดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่วาระแรก การดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่. วาระแรก. นายบุญเลิศ ได้ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 โดยได้รับคะแนนนำมาเป็นอันดับหนึ่ง โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ให้การรับรอง ในวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2551 แต่หลังจากนั้นกกต.เชียงใหม่ซึ่งได้รับเรื่องร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งเนื่องจากการทุตจิต ได้มีการสอบสวนหา พยานหลักฐาน และส่งเรื่องให้ กกต.กลางชี้มูล วันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2552 กกต.กลางได้มีมติให้ใบแดง แก่นายบุญเลิศ พร้อมกับพวกรวม 4 คน ต่อมาทาง กกต.กลางได้ส่งเรื่องให้ศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัยชี้ขาด ส่งผลให้ทางนายบุญเลิศต้องหยุดปฎืบัติหน้าที่เกือบ 3 เดือน ในที่สุดวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2552 ศาลอุทธรณ์ภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ได้มีคำพิพากษา ให้ยกคำร้องของกกต. ทำให้คดีนี้ สิ้นสุดลง และได้ปฏิบัติหน้าที่จนครบวาระในวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2555วาระที่สอง วาระที่สอง. นายบุญเลิศ ได้ลงสมัครับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2555 และได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนน 402,484 คะแนน และคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ประกาศผลรับรอง ในวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 เขาถูกพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 44/2559 กระทั่งนายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 6/2561 ลงวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2561 ให้เขากลับไปดำรงตำแหน่งตามเดิมเครื่องราชอิสริยาภรณ์
บุญเลิศ บูรณุปกรณ์ เริ่มต้นงานด้านการเมืองในปี พ.ศ. อะไร
3388
{ "answer_end": [ 112 ], "answer_start": [ 91 ], "text": [ "20 มิถุนายน พ.ศ. 2452" ] }
144545
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภัสสรวงศ์ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภัสสรวงศ์ ประสูติเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2452 (พระนามเดิมว่า หม่อมเจ้าอาภัสสรวงศ์ ภาณุพันธุ์) ทรงเป็นโอรสใน สมเด็จฯ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช กับหม่อมเล็ก ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภัสสรวงศ์เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2470 สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2525พระเกียรติยศพระเกียรติยศ. - หม่อมเจ้าอาภัสสรวงศ์ ภาณุพันธุ์ (20 มิถุนายน พ.ศ. 2452 - 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2470)- พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภัสสรวงศ์ (8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2470 - 24 ตุลาคม พ.ศ. 2525)เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้า (ท.จ.) - เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 1 (ป.ป.ร.1) - เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ (ภ.ป.ร.1)เสกสมรส เสกสมรส. พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภัสสรวงศ์ เสกสมรสกับ หม่อมมณี บุนนาค อดีตชายาในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต มีธิดา 1 คน คือ- หม่อมราชวงศ์หญิงอรมณี ภาณุพันธุ์ และกับหม่อมอำไพ แสงสุข มีโอรส 1 คน คือ- หม่อมราชวงศ์พันธุรังษี ภาณุพันธุ์ มีบุตร ธิดา คือ- ม.ล.รังษิธร ภาณุพันธุ์ - ม.ล.รังษิอาภา ภาณุพันธุ์
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภัสสรวงศ์ ประสูติเมื่อใด
3389
{ "answer_end": [ 39 ], "answer_start": [ 30 ], "text": [ "ต้นขี้หมู" ] }
545483
หมักม่อ หมักม่อ บุรีรัมย์เรียกต้นขี้หมู เป็นพืชในสกุลสะแล่งหอมไก๋ วงศ์ Rubiaceae เป็นไม้ยืนต้น เปลือกสีน้ำตาลอมดำ ใบเดี่ยว ดอกออกเป็นกระจุก ปลายยอดสีขาวนวล ช่อละ 1-12 ดอก รูประฆัง ปลายแยกเป็น 5 กลีบ กลีบดอกด้านในมีจุดประสีม่วงแดง ออกดอกพร้อมกันทั้งต้น บานนานประมาณ 1 สัปดาห์ มีกลิ่นหอมอ่อนตอนกลางคืน ผลกลม ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน พบครั้งแรกที่จ.นครราชสีมา ชื่อสปีชีส์ตั้งเป็นเกียรติแก่พระยาวินิจวนันดร ใช้เป็นไม้ประดับ และมีฤทธิ์ทางยาสมุนไพร ใช้ แก่น ปรุงยาต้มดื่มแก้ไข้ ถ่ายเส้นเอ็น แก้อัมพฤกษ์ อัมพาต เหน็บชา ถ่ายพิษในตับ ขับปัสสาวะ แก้โรคทางเดินปัสสาวะ ใช้ แก่นหรือราก ต้มน้ำดื่มแก้ไข้ ลำต้น ผสมกับสมุนไพรอื่น ต้มน้ำดื่มรักษากามโรค ทางจังหวัดอำนาจเจริญ ใช้ แก่น นำมาต้มกินแก้ท้องผูก ต้มดื่มตอนที่อยู่ไฟ
ชาวบุรีรัมย์เรียกต้นหมักม่อว่าอะไร
3390
{ "answer_end": [ 299 ], "answer_start": [ 292 ], "text": [ "กลางคืน" ] }
545483
หมักม่อ หมักม่อ บุรีรัมย์เรียกต้นขี้หมู เป็นพืชในสกุลสะแล่งหอมไก๋ วงศ์ Rubiaceae เป็นไม้ยืนต้น เปลือกสีน้ำตาลอมดำ ใบเดี่ยว ดอกออกเป็นกระจุก ปลายยอดสีขาวนวล ช่อละ 1-12 ดอก รูประฆัง ปลายแยกเป็น 5 กลีบ กลีบดอกด้านในมีจุดประสีม่วงแดง ออกดอกพร้อมกันทั้งต้น บานนานประมาณ 1 สัปดาห์ มีกลิ่นหอมอ่อนตอนกลางคืน ผลกลม ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน พบครั้งแรกที่จ.นครราชสีมา ชื่อสปีชีส์ตั้งเป็นเกียรติแก่พระยาวินิจวนันดร ใช้เป็นไม้ประดับ และมีฤทธิ์ทางยาสมุนไพร ใช้ แก่น ปรุงยาต้มดื่มแก้ไข้ ถ่ายเส้นเอ็น แก้อัมพฤกษ์ อัมพาต เหน็บชา ถ่ายพิษในตับ ขับปัสสาวะ แก้โรคทางเดินปัสสาวะ ใช้ แก่นหรือราก ต้มน้ำดื่มแก้ไข้ ลำต้น ผสมกับสมุนไพรอื่น ต้มน้ำดื่มรักษากามโรค ทางจังหวัดอำนาจเจริญ ใช้ แก่น นำมาต้มกินแก้ท้องผูก ต้มดื่มตอนที่อยู่ไฟ
ดอกของต้นหมักม่อจะมีกลิ่นหอมตอนไหน
3391
{ "answer_end": [ 43 ], "answer_start": [ 37 ], "text": [ "ยูนนาน" ] }
85731
คุนหมิง คุนหมิง () เป็นเมืองเอกในมณฑลยูนนานในสาธารณรัฐประชาชนจีน มีจำนวนประชากรประมาณ 3,740,000 คน โดยมีประมาณ 1,055,000 คนที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง ตัวเมืองตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบเตียนฉือด้านทิศเหนือ เนื่องจากมีอากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี จึงถูกขนานนามว่า "นครแห่งฤดูใบไม้ผลิ"เขตการปกครอง เขตการปกครอง. มณฑลยูนนานแบ่งเขตการปกครองเป็น 17 เขต/เมือง กล่าวคือ เขต (Prefecture) 7 เขต ได้แก่1. เขตจ้าวทง (Zhaotong) 2. ชูจิ้ง (Qujing) 3. ยู้วซี (Yuxi) 4. ซือเหมา (Simao) 5. เป่าซาน (Baoshan) 6. ลี่เจียง (Lijiang) 7. หลินชาง (Lincang)- เขตปกครองตนเองของชนกลุ่มน้อย (Autonomous Prefecture) 8 เขต 2. เหวินซาน (Wenshan) (ชนชาติจ้วงและแม้ว) 3. หงเหอ (Honghe) (ชนชาติฮาหนีและอี๋) 4. สิบสองปันนา (Xishuangbanna) (ชนชาติไต) 5. ฉู่สุง (Chuxiong) (ชนชาติอี๋) 6. ต้าหลี่ (Dali) (ชนชาติไป๋และไต) 7. เต๋อหง (Dehong) (ชนชาติไตและจิ่งพอ) 8. นู่เจียง (Nujiang) (ชนชาติลีซอ) 9. ตี๋ชิ่ง (Diqing) (ชนชาติทิเบต) เมืองที่ขึ้นตรงต่อมณฑล (Provincially Administered Municipality) 2 เมือง ได้แก่ นครคุนหมิง (Kunming) และเมืองตงชวน (Dongchuan) โดยมีนครคุนหมิง (Kunming Municipality) เป็นเมืองหลวงของมณฑลสภาพทางภูมิศาสตร์ สภาพทางภูมิศาสตร์. เมืองคุนหมิงตั้งอยู่บนที่ราบสูงในมณฑลยูนนาน มีภูเขาล้อมรอบตัวเมือง 3 ด้าน อาณาเขตทิศใต้ติดกับทะเลสาบ สูง 1,850 เมตรจากระดับน้ำทะเล มณฑลยูนนานมีแม่น้ำไหลผ่านกว่า 600 สาย แม่น้ำสายสำคัญ 6 สาย ได้แก่1. แม่น้ำอิระวดี (ภาษาจีนเรียกว่า อีลั่วหว่าตี้เจียง (Yiluowadi Jiang)) 2. แม่น้ำจินซาเจียง (Jinsha Jiang) (เป็นแม่น้ำสาขาของแม่น้ำแยงซีเกียงตอนบน) 3. แม่น้ำนู่เจียง (Nu Jiang) (ไหลลงสู่ประเทศพม่า) 4. แม่น้ำจูเจียง (Zhu Jiang) (ต้นน้ำของแม่น้ำจูเจียงในนครกวางโจว) 5. แม่น้ำหลานชางเจียง (Lanchang Jiang) (หรือแม่น้ำโขงไหลลงสู่ประเทศพม่า ลาว ไทย กัมพูชา เวียดนาม) 6. แม่น้ำหงเหอ (Honghe) (ไหลลงสู่ประเทศเวียดนาม) โดยแม่น้ำ 2 สายหลังถือเป็นแม่น้ำนานาชาติ (คำว่า เจียง และ เหอ แปลว่าแม่น้ำ เช่นกัน)สภาพทางภูมิอากาศ สภาพทางภูมิอากาศ. มณฑลยูนนานมีภูมิอากาศเย็นสบาย ฤดูหนาวอากาศไม่หนาวจัดและฤดูร้อนอากาศไม่ร้อนจัด อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ระหว่าง 15-18 องศาเซลเซียสประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์. ปี พ.ศ. 1308 มีการสร้างเมืองขึ้นในบริเวณนี้ เมืองนี้ได้รับการตั้งชื่อว่า ถัวตง (Tuodong) ราวศตวรรษที่ 13 มาร์โค โปโล ได้เดินทางมายังดินแดนแห่งนี้ และเขียนบันทึกบอกเล่าความประทับใจ ต่อมาเมืองนี้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น คุนหมิง โดยเหล่าชนชั้นปกครองชาวมองโกลแห่งราชวงศ์หยวนเมื่อปี พ.ศ. 1819 ราวศตวรรษที่ 14 คุนหมิงถูกยึดอำนาจกลับคืนโดยราชวงศ์หมิง และมีการสร้างกำแพงล้อมรอบส่วนที่เป็นเมืองในปัจจุบัน ในศตวรรษที่ 20 คุนหมิงตกเป็นเป้าของการโจมตีจากกองทัพอากาศหลวงญี่ปุ่นเมื่อครั้งที่บุกจีนแผ่นดินใหญ่สภาพเศรษฐกิจ สภาพเศรษฐกิจ. จากการจัดอันดับเมื่อปี พ.ศ. 2535 เศรษฐกิจของคุนหมิงมีการเจริญเติบโตเป็นอันดับที่ 12 ในบรรดาเมืองทั้งหมดในสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเฉพาะเป็นแหล่งผลิตเกลือและฟอสเฟตที่ดีที่สุดของจีน ในช่วงระหว่าง พ.ศ. 2530-2540 เนื่องจากตัวเมืองตั้งอยู่ในส่วนที่ห่างไกลของประเทศ จึงยังไม่ได้รับผลจากกระแสการเร่งรัดพัฒนาเศรษฐกิจของจีนมากนัก จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลจีนได้ให้ความสนใจคุนหมิงมากขึ้น และตั้งใจจะพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมระดับนานาชาติ เพื่อรองรับการคมนาคมขนส่งไปสู่ภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการวางแผนก่อสร้างทางรถไฟและทางหลวงมากมายเพื่อเชื่อมต่อระหว่างคุนหมิงกับไทย เวียดนาม และลาว เพื่อเตรียมเส้นทางคมนาคมขนส่งจากคุนหมิงไปถึงท่าเรือทางทะเลต่างๆ
เมืองคุนหมิง ตั้งอยู่ที่มณฑลใดในสาธารณรัฐประชาชนจีน
3392
{ "answer_end": [ 355 ], "answer_start": [ 337 ], "text": [ "ศุภัสษร เล้าเศษการ" ] }
871608
มิสแกรนด์แม่ฮ่องสอน มิสแกรนด์แม่ฮ่องสอน () เป็นการประกวดนางงามของจังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2559 ปัจจุบันดำเนินการจัดประกวดโดยกองประกวดมิสแกรนด์แม่ฮ่องสอน ทั้งนี้การประกวดมิสแกรนด์แม่ฮ่องสอนมีจุดประสงค์เพื่อคัดเลือกตัวแทนสาวงาม เข้าร่วมการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ โดยผู้ดำรงตำแหน่งมิสแกรนด์แม่ฮ่องสอนคนปัจจุบัน คือ ศุภัสษร เล้าเศษการ ซึ่งได้รับตำแหน่งจากการประกวดที่ถูกจัดขึ้น ณ โรงแรมอิมพีเรียล แม่ฮ่องสอน รีสอร์ท เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2561มิสแกรนด์แม่ฮ่องสอนรองชนะเลิศผลงานการประกวด ผลงานการประกวด. สัญลักษณ์สี- ชนะเลิศ    รองชนะเลิศ    เข้ารอบสุดท้ายการประกวดระดับประเทศมิสแกรนด์ไทยแลนด์การประกวดระดับนานาชาติมิสทัวริซึมควีนออฟเดอะเยียร์อินเตอร์เนชันแนลชุดอัตลักษณ์ประจำจังหวัด ชุดอัตลักษณ์ประจำจังหวัด. 2017: ทิพยนาครา มิ่งฟ้าพุทธองค์ เป็นชุดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสัตว์ป่าหิมพานต์ชื่อ "ตัวโต" ซึ่งในสมัยพุทธกาล หลังจากที่พระพุทธองค์เสด็จไปแสดงธรรมเทศนาโปรดพุทธมารดา และทรงจำพรรษาอยู่บนสวรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ได้เสด็จกลับสู่โลกมนุษย์ในวันเทโวโรหนะ เหล่าสัตว์ทั้งหลายในป่าหิมพานต์ต่างพากันออกมาเฝ้ารับเสด็จ และหนึ่งในสัตว์ป่าหิมพานต์เหล่านั้นคือ ตัวโต อันสื่อถือความบริสุทธิ์ในการเคารพศรัทธาเหนือเศียรเกล้าอันสูงสุด 2016: ชุดปากะอาภรณ์ เป็นชุดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องแต่งกายของชนกลุ่มน้อยที่ถูกขานนามว่ากะเหรี่ยงคอยาว ลักษณะเด่นของชุดอยู่ที่แขนเสื้อทรงกระสอบแบบฉบับชุดชนเผ่า โดยเน้นเครื่องประดับทองเหลืองเช่นเดียวกับแหวนคอที่สาวชาวกะเหรี่ยงใช้สวมคอ ถือเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของจังหวัดแม่ฮ่องสอนทำเนียบมิสแกรนด์แม่ฮ่องสอน
ใครคือนางงามผู้ได้รับตำแหน่งมิสแกรนด์แม่ฮ่องสอนปี พ.ศ. 2561
3393
{ "answer_end": [ 98 ], "answer_start": [ 95 ], "text": [ "ไข่" ] }
425224
หญ้าใบมะกรูด หญ้าใบมะกรูด (; ) เป็นพืชในวงศ์ Hydrocharitaceae จัดเป็นหญ้าทะเลชนิดหนึ่ง ใบแบนรูปไข่ แตกออกมาจากไรโซม มีเส้นใบที่ขวางใบมากกว่า 10 คู่ รากยาวได้ถึง 800 mm มีขนรากละเอียด พบได้ทั้งในบริเวณที่เป็นดินเลนปนดินทราย หรือดินเลนปนซากปะการัง น้ำกร่อย พืชชนิดนี้ช่วยยึดพื้นทรายและเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตอื่น เป็นอาหารของพะยูน Robert Brown เป็นผู้อธิบายทางอนุกรมวิธานของพืชชนิดนี้ครั้งแรก โดยใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Caulinia ovalis ต่อมา Joseph Dalton Hooker ได้มาอยู่ในสกุล Halophila เมื่อ พ.ศ. 2401 Halophila ovata ถือเป็นชื่อพ้องของสปีชีส์นี้
ใบของหญ้าใบมะกรูดมีลักษณะคล้ายสิ่งใด
3394
{ "answer_end": [ 340 ], "answer_start": [ 335 ], "text": [ "พะยูน" ] }
425224
หญ้าใบมะกรูด หญ้าใบมะกรูด (; ) เป็นพืชในวงศ์ Hydrocharitaceae จัดเป็นหญ้าทะเลชนิดหนึ่ง ใบแบนรูปไข่ แตกออกมาจากไรโซม มีเส้นใบที่ขวางใบมากกว่า 10 คู่ รากยาวได้ถึง 800 mm มีขนรากละเอียด พบได้ทั้งในบริเวณที่เป็นดินเลนปนดินทราย หรือดินเลนปนซากปะการัง น้ำกร่อย พืชชนิดนี้ช่วยยึดพื้นทรายและเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตอื่น เป็นอาหารของพะยูน Robert Brown เป็นผู้อธิบายทางอนุกรมวิธานของพืชชนิดนี้ครั้งแรก โดยใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Caulinia ovalis ต่อมา Joseph Dalton Hooker ได้มาอยู่ในสกุล Halophila เมื่อ พ.ศ. 2401 Halophila ovata ถือเป็นชื่อพ้องของสปีชีส์นี้
หญ้าใบมะกรูดเป็นอาหารของสัตว์ชนิดใด
3395
{ "answer_end": [ 293 ], "answer_start": [ 283 ], "text": [ "เงินเฮไลด์" ] }
117618
ฟิล์มถ่ายภาพ ฟิล์มถ่ายรูป เป็นวัสดุไวแสงที่ใช้เป็นแกรับภาพในกล้องถ่ายรูป เมื่อแสงตกกระทบบนเยื่อไวแสงที่ฉาบไว้บนฟิล์มก็จะเกิดภาพแฝงขึ้นเรียกว่า "latent image" ซึ่งเป็นภาพที่ตามองไม่เห็นต่อเมื่อนำฟิล์มไปผ่านกระบวนการล้างน้ำยาเคมีแล้ว จึงสามารถมองเห็นภาพได้ วัสดุไวแสงที่บนฟิล์มนี้ คือ เงินเฮไลด์ ( Silver halide) ซึ่งได้มาจากการนำเอาแร่เงินมาละลายผ สมกับกรดไนตริกแอซิก เป็นซิลเวอร์ไนเตรด เมื่อส่วนที่ละลายแห้งและเย็นลงแล้ว ก็จะได้ผลึกซิลเวอร์ไนเตรดที่บริสุทธิ์นำไปผสมกับเจลาตินและ โปรแตสเซี่ยมโบรไมด์ ลงไป ก็จะได้ ซิลเวอร์โบรไมด์ อยู่ในเจลาติน นำไปฉาบบนผิวของฐานฟิล์ม (film base) เมื่อนำฟิล์มที่ถ่ายแล้วไปล้างในน้ำยาสร้างภาพครบตามกระบวนการ บริเวณของฟิล์มที่ถูกฉายแสงจะเปลี่ยนไปเป็นสีดำทึบ ส่วนบริเวณที่ไม่ถูกแสงเมื่อทำปฏิกิริยากับน้ำยาคงสภาพ (Fixer) เงินเฮไลด์จะหลุดออกจากฟิล์มไป ส่วนนั้นจะมีลักษณะโปร่งใส ภาพที่เกิดขึ้นบนฟิล์มจึงมีลักษณะกลับกันกับวัตถุจริง เรียกว่า ภาพเนกาตีฟ (Negative) ภาพแสดงให้เห็นถึงเมื่อแสงผ่านเลนส์ของกล้องถ่ายรูปและตกกระทบฟิล์มจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของชั้นน้ำยาที่เคลือบอยู่บนฟิล์มเกิดเป็นภาพที่บันทึกไว้เรียกว่า Latent Imageการทำงานของฟิล์ม การทำงานของฟิล์ม. หลังจากที่ฟิล์มถูกฉายแสง (Exposed to light) ในปริมาณที่พอเหมาะ ภาพของวัตถุจะถูกบันทึกไว้ในเยื่อไวแสงในลักษณะของภาพแฝง (Latent image) ซึ่งเป็นภาพที่ยังมองไม่เห็น จนกว่าจะนำไปผ่านกระบวนการล้างฟิล์ม เมื่อนำฟิล์มที่ผ่านน้ำยาสร้างภาพ(Developer) เฉพาะบริเวณฟิล์มที่ถูกแสงจะเปลี่ยนไป ทำให้เกิดภาพของเงินสีดำ ส่วนบริเวณฟิล์มที่ไม่ถูกแสงยังคงมีเงินเฮไลต์ ซึ่งยังคงไวต่อแสงอยู่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในน้ำยาสร้างภาพ ดังนั้นจึงต้องนำฟิล์มไปล้างต่อในน้ำยาคงสภาพ (Fixer) ที่จะทำให้ภาพคงตัว โดยมีไฮโปหรือโซเดียมไธโอซัลเฟตเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ น้ำยานี้จะทำปฏิกิริยากับเงินเฮไลต์ ทำให้เงินเฮไลต์หลุดออกมาจากฟิล์ม คงเหลืออยู่แต่ภาพเงินสีดำ ซึ่งเป็นภาพของวัตถุที่บันทึกมา ส่วนใดจะมีสีดำมากหรือน้อย ก็จะขึ้นอยู่กับปริมาณของแสงที่ได้รับมา ฉะนั้นลักษณะของภาพที่เกิดในฟิล์มจึงมีส่วนที่มีสีดำทึบบ้าง สีจางเป็นสีเทาบ้าง ความเข้มของสีในฟิล์มนี้จะมีลักษณะกลับกันกับวัตถุที่เป็นจริง เช่น ถ้าวัตถุมีสีดำ ในฟิล์มจะใสสว่างขาว และถ้าวัตถุมีสีขาว ในฟิล์มจะมีสีดำทึบ จึงเรียกฟิล์มนี้ว่า ฟิล์มเนกาทีฟ (Nagative) เมื่อนำฟิล์มนี้ไปอัดขยายบนกระดาษอัดภาพ จะได้สีที่ภาพกลับกันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นภาพจริงเหมือนวัตถุที่ถ่ายมา เรียกว่า ภาพโพสิทีฟ (Positive)
วัสดุไวแสงที่บนฟิล์มของกล้องถ่ายรูปคืออะไร
3396
{ "answer_end": [ 23 ], "answer_start": [ 12 ], "text": [ "ใบกำกับภาษี" ] }
61803
ใบกำกับภาษี ใบกำกับภาษี () คือ เอกสารหลักฐานสำคัญ ซึ่งผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจะต้องจัดทำและออกให้กับผู้ซื้อสินค้าหรือบริการทุกครั้งที่มีการขายสินค้าหรือบริการ เพื่อแสดงมูลค่าของสินค้าหรือบริการและจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนเรียกเก็บหรือพึงเรียกเก็บจากผู้ซื้อสินค้าหรือบริการในแต่ละครั้ง- กรณีการขายสินค้า ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีหน้าที่ต้องออกใบกำกับภาษีพร้อมทั้งส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อในในทันทีที่มีการส่งมอบสินค้าให้กับผู้ซื้อ - กรณีการให้บริการ ผู้ประกอบการจดทะเบียนมีหน้าที่ต้องออกใบกำกับภาษีพร้อมทั้งส่งมอบให้แก่ผู้รับบริการในทันทีที่ได้รับชำระราคาค่าบริการ ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องจัดทำใบกำกับภาษีอย่างน้อย 2 ฉบับ ดังนี้- ต้นฉบับ ผู้ประกอบการต้องส่งมอบให้กับผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ - สำเนา ผู้ประกอบการต้องเก็บรักษาไว้เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการลงรายงานภาษีเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปีนับแต่วันที่ทำรายงานประเภทของใบกำกับภาษีประเภทของใบกำกับภาษี. 1. ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป- ใบกำกับภาษีเต็มรูป - ใบกำกับภาษีอย่างย่อ 2. เอกสารอื่นที่ถือเป็นใบกำกับภาษี- ใบเพิ่มหนี้ - ใบลดหนี้ - ใบเสร็จรับเงินที่ส่วนราชการออกให้ในการขายทอดตลาด - ใบเสร็จรับเงินของกรมสรรพากร กรมศุลกากรหรือกรมสรรพสามิต เฉพาะส่วนที่เป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม
เอกสารที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจะต้องจัดทำให้กับผู้ซื้อสินค้าเพื่อแสดงมูลค่าของสินค้าและจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มเรียกว่าอะไร
3397
{ "answer_end": [ 83 ], "answer_start": [ 44 ], "text": [ "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" ] }
816210
หลวงแจ่ม คุณหลวงแจ่ม ภักดี สุนัขทรงเลี้ยงใน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นสุนัขพันธุ์ เซนต์เบอร์นาร์ด เพศผู้ได้เข้าเฝ้าถวายตัวเมื่อ พ.ศ. 2541 คุณหลวงแจ่ม ภักดี เดิมเป็นสุนัขของคุณฉันทนา ศรีสวัสดิ์ซึ่งมีบ้านตั้งอยู่หน้า วังไกลกังวล โดยคุณฉันทนาได้ตั้งชื่อให้ว่า เจ้าเจมส์ ซึ่งมักจะแอบมุดรั้วลวดหนามเข้าไปในวังและบางครั้งเจ้าเจมส์แอบไปนอนตากแอร์ในครัวฝรั่งจนเจ้าหน้าที่ต้องจูงกลับมาถึง 3 ครั้งจนกระทั่งครั้งสุดท้ายเจ้าเจมส์ได้แอบมุดรั้วเข้าไปถึงเขตพระราชฐานชั้นในจนเจ้าหน้าที่ต้องเข้ามาตักเตือนหลังจากนั้นไม่นานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้มีรับสั่งถามหาเจ้าเจมส์ คุณฉันทนาและเจ้าหน้าที่จึงได้นำเจ้าเจมส์ไปอาบน้ำทำความสะอาดและพาเข้าเฝ้าโดยได้อยู่ในวังไกลกังวลถึง 3 วัน หลังจากนั้นคุณฉันทนาจึงตัดสินใจถวายเจ้าเจมส์ให้เป็นสุนัขทรงเลี้ยงพระองค์จึงพระราชทานนามให้เจ้าเจมส์ว่าคุณหลวงแจ่มเนื่องจากชื่อเดิมของคุณหลวงแจ่มคือเจ้าเซอร์เจมส์แต่เมื่อมาอยู่กับพระเจ้าแผ่นดินไทยจึงพระราชทานบรรดาศักดิ์แบบไทยพร้อมกับพระราชทานนามสกุลให้ว่าภักดีสื่อถึงความจงรักภักดีของคุณหลวงแจ่ม ต่อมาเมื่อคุณหลวงแจ่มมีลูกจึงได้พระราชทานลูกสุนัขเพศเมีย 1 สุนัขให้แก่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ซึ่งสมเด็จพระเทพ ฯ ได้พระราชทานนามให้ว่า คุณแปะฮวยอิ้ว
คุณหลวงแจ่ม ภักดี เป็นสุนัขทรงเลี้ยงของกษัตริย์ไทยองค์ใด
3398
{ "answer_end": [ 115 ], "answer_start": [ 100 ], "text": [ "เซนต์เบอร์นาร์ด" ] }
816210
หลวงแจ่ม คุณหลวงแจ่ม ภักดี สุนัขทรงเลี้ยงใน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นสุนัขพันธุ์ เซนต์เบอร์นาร์ด เพศผู้ได้เข้าเฝ้าถวายตัวเมื่อ พ.ศ. 2541 คุณหลวงแจ่ม ภักดี เดิมเป็นสุนัขของคุณฉันทนา ศรีสวัสดิ์ซึ่งมีบ้านตั้งอยู่หน้า วังไกลกังวล โดยคุณฉันทนาได้ตั้งชื่อให้ว่า เจ้าเจมส์ ซึ่งมักจะแอบมุดรั้วลวดหนามเข้าไปในวังและบางครั้งเจ้าเจมส์แอบไปนอนตากแอร์ในครัวฝรั่งจนเจ้าหน้าที่ต้องจูงกลับมาถึง 3 ครั้งจนกระทั่งครั้งสุดท้ายเจ้าเจมส์ได้แอบมุดรั้วเข้าไปถึงเขตพระราชฐานชั้นในจนเจ้าหน้าที่ต้องเข้ามาตักเตือนหลังจากนั้นไม่นานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้มีรับสั่งถามหาเจ้าเจมส์ คุณฉันทนาและเจ้าหน้าที่จึงได้นำเจ้าเจมส์ไปอาบน้ำทำความสะอาดและพาเข้าเฝ้าโดยได้อยู่ในวังไกลกังวลถึง 3 วัน หลังจากนั้นคุณฉันทนาจึงตัดสินใจถวายเจ้าเจมส์ให้เป็นสุนัขทรงเลี้ยงพระองค์จึงพระราชทานนามให้เจ้าเจมส์ว่าคุณหลวงแจ่มเนื่องจากชื่อเดิมของคุณหลวงแจ่มคือเจ้าเซอร์เจมส์แต่เมื่อมาอยู่กับพระเจ้าแผ่นดินไทยจึงพระราชทานบรรดาศักดิ์แบบไทยพร้อมกับพระราชทานนามสกุลให้ว่าภักดีสื่อถึงความจงรักภักดีของคุณหลวงแจ่ม ต่อมาเมื่อคุณหลวงแจ่มมีลูกจึงได้พระราชทานลูกสุนัขเพศเมีย 1 สุนัขให้แก่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ซึ่งสมเด็จพระเทพ ฯ ได้พระราชทานนามให้ว่า คุณแปะฮวยอิ้ว
คุณหลวงแจ่ม ภักดี เป็นสุนัขพันธุ์ใด
3399
{ "answer_end": [ 320 ], "answer_start": [ 306 ], "text": [ "ทางไปสู่ดวงดาว" ] }
426797
กนกวลี พจนปกรณ์ กนกวลี พจนปกรณ์ เป็นนักเขียนนวนิยายชาวไทย เกิดที่อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน เป็นธิดาของ นายพจน์ และนางยวงแก้ว พจนปกรณ์ เนื่องด้วยบิดาเป็นนักอ่าน ทำให้ชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก กนกวลี พจนปกรณ์ จบปริญญาตรีจากคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กนกวลี พจนปกรณ์ มีผลงานเรื่องสั้นเรื่องแรกชื่อ "ทางไปสู่ดวงดาว" ลงตีพิมพ์ในหนังสือสยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ ในปี พ.ศ. 2523 และมีผลงานเรื่องสั้นเรื่อยมา ต่อมาได้เขียนนวนิยายลงตีพิมพ์ในนิตยสารต่างๆ เช่น สกุลไทย ขวัญเรือน ดิฉัน เปรียว หญิงไทย ฯลฯผลงาน ผลงาน. นวนิยาย1. มหามายา 2. เพลงเภตรา 3. กาษา นาคา 4. ซอย ๓ สยามสแควร์ 5. เพลงดอกฝัน 6. จะเก็บรักไว้มิให้หลุดลอย 7. รุ่นที่ ๓ 8. เริ่มต้นชนปลาย 9. วังวนกลกาล 10. คนละวัยหัวใจเดียวกัน 11. พ่อตัวจริงของแท้ 12. ไฟต่างสี 13. ยิ่งฟ้ามหานที 14. ทะเลเมฆ 15. ปลายรุ้ง 16. ไม้เปลี่ยนดิน 17. เส้นสีขาว 18. ร่มไม้ริมคลอง 19. ร้อยรักพันชั่ง 20. รอยทราย 21. ตะวันสีทอง 22. สายใยรัก 23. บัวบนสรวง 24. พ่อจอมกะล่อน 25. เมฆสีเงิน 26. ตกกระไดหัวใจพลอยโจน 27. ผ้าขี้ริ้วห่อดิน 28. ดอกฟ้ากับเทวดาเดินดิน 29. บริษัทภรรยามหาชน 30. อภิมหึมามหาเศรษฐี 31. พุทธิพิมาน 32. ไฟกลางเมือง 33. หนามยอกอก 34. กำแพงดอกไม้ 35. ไฟพระจันทร์ 36. ทางสายฝัน 37. ดาวดวงเดียว 38. เช้า สาย บ่าย เย็น 39. หลังเงา 40. ลายรัก 41. วาดวิมาน 42. อาทิตย์ส่องจันทร์ 43. ผ่านมากับสายลม 44. กาลกระซิบ นวนิยายที่กำลังลงในนิตยสาร1. ... ลงตีพิมพ์เป็นตอนๆ ในนิตยสารสกุลไทย รวมเรื่องสั้น1. ทางไปสู่ดวงดาว 2. ลับต้องบอก 3. รักออกแบบได้ 4. ทางสายฝัน
ผลงานเรื่องสั้นเรื่องแรกของกนกวลี พจนปกรณ์ มีชื่อว่าอะไร
3400
{ "answer_end": [ 13 ], "answer_start": [ 7 ], "text": [ "ดงมรณะ" ] }
99201
ดงมรณะ ดงมรณะ เป็นตอนที่สองของเพชรพระอุมาจำนวน 4 เล่ม ได้แก่ดงมรณะ เล่ม 1 - 4เนื้อเรื่องย่อดงมรณะ เล่ม 1 เนื้อเรื่องย่อ. ดงมรณะ เล่ม 1. ภายหลังจากรพินทร์นำคณะนายจ้างผ่านดงทากมาถึงยังแม่น้ำใหญ่ ในขณะที่กำลังหาวิธีข้ามก็พบกับอุปสรรคในการเดินทาง เนื่องจากในแม่น้ำมีจระเข้ขนาดใหญ่จำนวนมาก รพินทร์จึงหาวิธีข้ามแม่น้ำ บริเวณที่แคบที่สุดด้วยการยิงตัวสมเสร็จเพื่อใช้เป็นเหยื่อล่อความสนใจจนสามารถข้ามได้สำเร็จ และหยุดพักค้างแรมในหุบเขากลางดงกล้วย ในตอนเย็นรพินทร์แสดงฝีมือการทำอาหาร คือลูกหมูหันบ้านป่า ยัดไส้ด้วยใบกล้วยให้คณะนายจ้างได้ลองชิม คืนนั้นระหว่างพักผ่อน เกิดอาถรรพณ์ป่ากับปางพักของคณะนายจ้าง ขณะที่ไชยยันต์อยู่ยามเกิดตาฝาดมองเห็นเสือดาวขนาดใหญ่กลายเป็นหญิงสาวแรกรุ่น นั่งห้อยเท้าอยู่บนเถาวัลย์ใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายชิงช้า ไชยยันต์คิดว่าตนเองไม่สบาย จึงปลุกเชษฐามาอยู่ยามต่อ และเล่าเหตุการณืที่เกิดขึ้นให้เชษฐาฟัง เมื่อเชษฐาอยู่ยา เชษฐาได้พบเห็นหญิงสาวเช่นเดียวกับไชยันต์เช่นกัน โดยหญิงสาวได้เดินเข้ามาหาเกือบจะถึงบริเวณเขตที่พัก แต่สิ่งที่ทำให้เชษฐาตกใจคือ หญิงสาวมีหน้าตาถอดแบบดารินออกมาทุกกระเบียดนิ้ว รพินทร์ที่เฝ้าดูเหตุการณ์ตลอดเข้าช่วยเหลือด้วยการยิงแสกหน้าเสือดาวด้วยปืน.458 เมื่อเชษฐาได้สติ จึงได้เห็นหญิงสาวแรกรุ่นที่มีใบหน้าเหมือนดารินกลายเป็นเสือดาวขนาดใหญ่ก็ตกใจ รพินทร์พยายามจะโน้มน้าวใจให้คณะนายจ้างคิดว่าเป็นเพียงตาฝาดเท่านั้น ส่วนพรานเกิดเชื่อว่าเป็น "เสือสมิง" ที่เกิดจากการฆ่าและกินมนุษย์เป็นอาหาร ทำให้วิญญาณสิงสู่อยู่ในร่างของเสือดาวและสามารถสร้างภาพมายาหลอกล่อให้มนุษย์ติดกับดักได้เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เมื่อถึงเวลาเช้าทุกคนตื่นมาดูเสือดาวที่ถูกยิงตาย พรานเกิดได้ทำการกรีดบริเวณหนังตรงหน้าผาก ให้เป็นชิ้นเท่าฝ่ามือแล้วชโลมด้วยขี้เถ้าเก็บไว้ ก่อนออกเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น รพินทร์นำคณะนายจ้างไต่สันเขาดอยนางขึ้นไปจนถึงเวลาประมาณเที่ยง ก็เริ่มมองเห็นบริเวณของป่าหวายอยู่เบื้องล่าง ก่อนหยุดพักผ่อนชั่วครู่และลงจากดอยนางในช่วงเวลาประมาณบ่ายเศษ ๆ และพบเจอกับร่องรอยเกวียนที่รพินทร์ให้พรานบุญคำเป็นผู้ควบคุมและมอบหมายให้เดินทางล่วงหน้ามาก่อน คณะเดินทางทั้งหมดพบซากควายที่ใช้ในการเทียมเกวียนนอนตายเนื่องจากถูกงูจงอางกัด รพินทร์นำคณะนายจ้างและลูกหาบเดินทางต่อจนเข้าใกล้เขตป่าหวายในตอนค่ำ แต่เกิดปะทะกับโขลงช้างของไอ้แหว่ง พญาช้างสารเกเรที่เคยมาป้วนเปี้ยนแถวปางพัก รพินทร์มีโอกาสเผชิญหน้ากับไอ้แหว่งซึ่ง ๆ หน้า แต่ในขณะที่เหนี่ยวไกปืนเพื่อเล็งบริเวณเนินน้ำเต้า แต่กระสุนในปืนไรเฟิลของรพินทร์หมด ทำให้เสียโอกาสในการพิชิตพญาคชสารและเป็นการเปิดโอกาสให้ไอ้แหว่งและเหล่าบริวารหนีรอดไปได้ คณะนายจ้างทุกคนปลอดภัยไม่ได้รับอันตรายจากการปะทะในครั้งนี้ แต่ต้องสูญเสียลูกหาบจำนวน 3 คนและเกวียนจำนวน 3 เล่ม ที่ถูกโขลงช้างของไอ้แหว่งถล่มเสียราบคาบ ทำให้ลูกหาบที่ติดตามคณะเดินทางสูญเสียขวัญและกำลังใจ เชษฐาในฐานะหัวหน้าคณะเดินทาง ปลุกปลอบขวัญของบรรดาลูกหาบที่ขวัญหนีดีฝ่อจากการปะทะกับไอ้แหว่ง ด้วยการให้สัญญาจะจ่ายเงินค่าคำขวัญให้แก่ลูกหาบที่เสียชีวิต รายละหนึ่งหมื่นบาทเมื่อเดินทางกลับพร้อมด้วยพรานชดและถึงหมู่บ้านหนองน้ำแห้ง โดยจะฝากหนังสือลายมือของเชษฐาไปถึงคุณอำพล เมื่อคณะเดินทางแยกทางกับลูกหาบตามสัญญาว่าจ้างที่หมู่บ้านหล่มช้าง รพินทร์และคณะนายจ้างตั้งใจจะหยุดพักการเดินทางหนึ่งวัน เพื่อพักผ่อนตามอัธญาศัย และในวันมะรืนจะบ่ายหน้ามุ่งไปทางทิศเหนือระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร เพื่อพักแรมและสร้างปางพักถาวรบริเวณไหล่เขาริมหน้าผา เชษฐานำปืนไรเฟิลที่เตรียมไว้สำหรับในการเดินทาง ออกมาแจกจ่ายให้แก่ลูกหาบเพื่อใช้ในการป้องกันตัวจากอันตราย ดารินเปลี่ยนปืนที่ใช้จากเดิมคือ .470 มาเป็นบีเวอร์ .300 แม็กนั่มแทน เพราะปืนขนาดเล็กอานุภาพในการยิงน้อยไม่สามารถใช้ต่อสู้กับสัตว์ใหญ่ได้ ตกดึกดารินฝันว่าเจ้าป่านุ่งขาวห่มขาว หนวดเครายาวมาทวงคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ ดารินจึงแก้บนตามที่ขอไว้ด้วยสก็อตวิสกี้ ตกดึกประมาณตีสอง ปางพักของคณะเดินทางได้ถูกล้อมด้วยโขลงช้างบริวารของไอ้แหว่ง รพินทร์นำคณะนายจ้างและลูกหาบหลบหนีการโจมตีขึ้นไปตั้งหลักบนเนินเขา ไชยยันต์และแงซายช่วยกันฝังระเบิดไนโตรกลีเซอรีนบริเวณเนินเขาทั้ง 4 ด้าน ผลจากการปะทะครั้งใหญ่กลางดึกนี้ ทำให้ลูกหาบเสียชีวิตจากการถูกหินที่เกิดจากแรงระเบิดหนึ่งคน แต่ที่ร้ายแรงมากที่สุดคือเชษฐา ที่ได้รับบาดเจ็บที่ขาอ่อนเหนือเข่าด้านซ้ายขึ้นไปเล็กน้อย เป็นแผลฉกรรจ์ ลึกและยาว ศีรษะแตกอีกสองแห่ง สูญเสียเลือดเป็นจำนวนมาก ชีพจรเต้นอ่อนและหมดสติ ดารินทำการผ่าตัดฉุกเฉินเพื่อช่วยชีวิต แต่เชษฐาสูญเสียเลือดเป็นจำนวนมากต้องให้เลือดโดยด่วน ดารินต้องการเลือดกรุ๊ป เอ เนกาทีฟที่หายากและไม่มีในกรุ๊ปเลือดที่นำติดตัวมา แงซายเสนอตัวเข้าช่วยเหลือด้วยการให้เลือดแก่เชษฐา ซึ่งเป็นกรุ๊ปเดียวกัน ภายหลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้น เชษฐาหลับด้วยฤทธิ์ยาจนค่ำถึงรู้สึกตัว และรับรู้ถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับตนเองจนไม่สามารถเดินได้ชั่วคราว แต่ขวัญและกำลังใจของเชษฐากลับดีเยี่ยม ไม่หวั่นแม้แต่น้อยในการเตรียมวางแผนออกตามไล่ล่าไอ้แหว่งในวันรุ่งขึ้น รพินทร์นำคณะนายจ้างเดินทางต่อไปอีกเป็นระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตรจนถึงเนินเขาแห่งหนึ่งจึงหยุดพัก และจัดตั้งเป็นกองบัญชาการชั่วคราวในการโจมตีกับโขลงช้างของไอ้แหว่งหากเกิดการปะทะกันโดยไม่คาดฝัน ในขณะพรานพื้นเมือง แงซายและลูกหาบช่วยกันสร้างปางพัก รพินทร์ออกเดินสำรวจรอบบริเวณปาง พบร่องรอยของไอ้แหว่งที่ขาหลังด้านซ้ายหักและมุ่งหน้าพาร่างที่บาดเจ็บของมันกลับไปยังเขานาง รพินทร์ ไชยยันต์และแงซาย ออกติดตามร่องรอยของไอ้แหว่งตามที่มันทิ้งไว้ มุ่งหน้าไปทางเขานาง รพินทร์ติดตามไอ้แหว่งอยู่ 6 วันก็ไม่พบเจอตัวแม้แต่เงา จึงย้อนกลับมาเพราะพบร่องรอยของไอ้แหว่งที่หวนย้อนกลับมาปางพัก พร้อมกับวางแผนในการออกติดตามใหม่ เชษฐาที่อาการดีขึ้นมากพร้อมที่จะออกตามล่าไอ้แหว่งกับรพินทร์โดยมีดารินขอติดตามไปด้วย รพินทร์และคณะนายจ้างแกะรอยไอ้แหว่งประมาณ 5 - 6 ชั่วโมงจากป่าหวาย เกิดปะทะกับโขลงของไอ้แหว่ง ดารินยิงสุ่มสี่สุ่มห้าใส่โขลงช้างที่ดาหน้าเข้าหาอย่างประสงค์ร้ายด้วย .300 เวเธอร์บี แม็กนั่ม ผลปรากฏว่ากระสุนนัดนั้นโดนไอ้แหว่งเข้าที่ท้องอย่างจัง เป็นบาดแผลฉกรรจ์หลบหนีไป รพินทร์ติดตามรอยไอ้แหว่งไปจนถึงน้ำตกใหญ่และค้นพบด่านทางลับเข้าหุบหมาหอน ซึ่งซ่อนเร้นอยู่ภายหลังน้ำตกดงมรณะ เล่ม 2 ดงมรณะ เล่ม 2. แงซายเป็นคนนำพาทั้งหมดผ่านเข้ามาภายในถ้ำโดยอ้างว่าเป็นการบอกกล่าวจากพระธุดงค์ที่เลี้ยงดูมา ดารินพบซากพญาคชสารยืนตายอย่างสมศักดิ์ศรีที่บริเวณช่องแคบภายในถ้ำ ก่อนจะอโหสิกรรมทุกสิ่งทุกอย่างให้ ภายหลังจากปราบไอ้แหว่งสำเร็จ รพินทร์นำคณะนายจ้างออกเดินทางจากป่าหวายมุ่งหน้าหมู่บ้านหล่นช้างไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ใช้ระยะเวลา 3 วันในการเดินทางด้วยเกวียน แต่ถ้าตัดทางขึ้นเขาก็จะร่นระยะเวลาเหลือเพียง 2 วัน ระหว่างการเดินทางพบเจอโขลงของแม่แปรก แต่ไม่เกิดเหตุร้ายใด ๆ ก่อนถึงหมู่บ้านพุเตยในเวลาเย็นและหยุดพักแรมหนึ่งคืน รพินทร์พบความผิดปกติของหมู่บ้านพุเตยที่ปราศจากผู้คน กลายเป็นหมู่บ้านร้าง เชษฐารู้สึกถึงความผิดปกติรอบนอกบริเวณปางพักและหมู่บ้านพุเตย ยิ่งตกดึกเสียงหมาเห่าและหอนที่โหยหวนสร้างความหวาดกลัวให้แก่บรรดาลูกหาบและดาริน ดังไปทั่วราวกับเห็นสิ่งที่มองไม่เห็น รพินทร์อธิบายถึงสาเหตุของหมู่บ้านพุเตยที่ร้างเพราะอหิวาต์ ทำให้ผู้คนในหมู่บ้านต้องพากันอพยพย้ายถิ่นที่อยู่อาศัย และซากศพของผู้ที่เสียชีวิตถูกห่อด้วยเสื่อตามหน้าบ้านและขั้นบันได รวมถึงยะขิ่น ลูกสาวของผาเอิงที่เสียชีวิตด้วย ก่อนจะวางเวรยามกำหนดในแต่ละจุดเพื่อดูแลความปลอดภัยแก่คณะนายจ้าง พรานเกิดกับพรานเส่ยเป็นเวรยามผลัดแรก ในขณะทำหน้าที่เวรยามพรานเส่ยเห็นยะขิ่น หญิงสาวชาวกะเหรี่ยงคู่รักของตนเองมาหา พร้อมกับชักชวนให้ไปด้วยกัน พรานเส่ยพยายามจะตามยะขิ่นไปแต่ถูกพรานเกิดขัดขวางเนื่องจากมองไม่เห็นยะขิ่น จึงออกอุบายหลอกล่อพรานเกิดจนสำเร็จและหนียามไปพรอดรักกับยะขิ่น รพินทร์ที่ตรวจสอบความเรียบร้อยรอบปางพักพบว่าพรานเส่ยหายตัวไปในขณะเข้าเวรยาม จากการสอบถามพรานเกิดทำให้รู้ว่าพรานเส่ยถูกผียะขิ่นพาตัวไป จึงออกติดตามค้นหาเพื่อนำตัวกลับ ก่อนจะเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตของพรานเส่ย โดยมีคณะนายจ้างและพรานพื้นเมืองคู่ใจอีก 3 คนติดตามไปด้วย ตลอดเส้นทางการเดินทางจากปางพักมุ่งหน้าเข้าภายในหมู่บ้านพุเตย เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นของซากศพที่นอนเกลื่อนกลาด เสียงนกแสกและเสียงเห่าหอนยังคงดังต่อเนื่อง ไชยยันต์หวาดผวากับสภาพโดยรอบของหมู่บ้านพุเตยและถูกเหล่าวิญญาณผู้ตายภายในหมู่บ้านหลอกหลอน ทำให้ขวัญเสียขลาดกลัวขาดสติยั้งคิดถึงกับยิงปืนเข้าใส่ลูกมะพร้าวที่เต็มไปด้วยขนรุงรังเนื่องจากมองเห็นเป็นศีรษะมนุษย์ รพินทร์มาหยุดที่หน้าบ้านของผาเอิง ก่อนก้าวขึ้นเรือนก็พบกับพรานเส่ยที่ถูกผียะขิ่นสิงสู่ และพยายามต่อสู้ขัดขวางทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้นำตัวพรานเส่ยจากไป รพินทร์พยายามหว่านล้อมให้ยะขิ่นปล่อยตัวพรานเส่ยแต่ก็ไร้ผล เพราะต้องการเอาตัวพรานเส่ยไปอยู่ด้วยกัน พร้อมกับแสดงอิทธิฤทธิ์จนรพินทร์ต้องเผาหมู่บ้านพุเตยเพื่อช่วยเหลือพรานเส่ยออกมา วันรุ่งขึ้นรพินทร์นำคณะนายจ้างเดินทางมาประมาณชั่วโมงเศษ ๆ ก็เริ่มขึ้นเนิน การเดินทางเริ่มลำบากขึ้นตามลำดับจนรพินทร์รู้สึกตัวว่านำพาคณะนายจ้างมาผิดทาง จึงย้อนกลับไปอ้อมเขาอีโก้และหยุดพักแรม แต่คืนนั้นเกิดเหตุการณ์ประหลาดแก่ปางพัก งูขนาดใหญ่มีหงอนได้ปรากฏตัวขึ้น ควายที่ใช้เทียมเกวียนในการเดินทางถูกงูใหญ่คาบหายไปหนึ่งตัว รพินทร์และคณะนายจ้างออกเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น ถึงหมู่บ้านหล่มช้างในตอนสาย ๆ และพบกับเจ้ามุ ลูกชายของคะหยิ่นหัวหน้ากะเหรี่ยงหมู่บ้านหล่มช้างที่ถูกหมูขวิดจนไส้ไหล ดารินช่วยปฐมพยาบาลและเย็บบาดแผลที่ท้องให้แก่เจ้ามุ ก่อนเดินทางถึงหมู่บ้านหล่มช้างในตอนเที่ยง ภายหลังรพินทร์และเชษฐาได้ทราบจากแงซายถึงเรื่องราวเมื่อครึ่งปีก่อน ที่มีหมอสอนศาสนามิชชันนารีสองสามีภรรยาถูกคะหยิ่นฆ่าตาย เนื่องจากรับคำท้าในการรักษาโรคให้หายภายใน 3 วันแต่กลับรักษาไม่หาย ภายหลังพบกับคะหยิ่น ดารินรู้สึกหมั่นไส้ในคำโอ้อวด จึงท้าด้วยการยิงมะขวิดด้วยปืน .300 จนคะหยิ่นยอมรับในฝีมือของดารินและยกย่องให้เป็นแม่มด ที่หมู่บ้านหล่มช้าง รพินทร์และคณะนายจ้างพบเกวียนของพรานชด ที่ฝากไว้กับคะหยิ่นก่อนออกเดินทางต่อเพื่อค้นหาขุมทรัพย์เพชรพระอุมา จอดไว้ใต้ต้นตะแบกบริเวณลานหน้าบ้านของคะหยิ่น คะหยิ่นช่วยเหลือคณะเดินทางของเชษฐาที่ยังบาดเจ็บด้วยการเกณฑ์ลูกบ้านไปตัดไม้สร้างบ้านให้พักชั่วคราว ระหว่างการก่อสร้าง ลูกบ้านของคะหยิ่นถูกงูใหญ่มีหงอนจำนวนสองตัวออกอาละวาด รพินทร์และคณะนายจ้างอาสาช่วยปราบงูใหญ่ให้เป็นการตอนแทน โดยวางแผนการโจมตีด้วยการใช้ธนูติดระเบิด แงซายใช้ไม่ไผ่ทั้งลำมาทำธนู ขึ้นสายด้วยริ้วหนังวัว หางสำหรับตัดลมใช้หางนกเงือก ลูกธนูที่ใช้ยาวหนึ่งหลา ติดระเบิดไนโตรกลีเซอรีนประมาณ 7 นิ้ว วัดจากหัวธนูเข้ามา ก่อนใช้งานจริงได้ทดลองยิงก่อนหนึ่งดอก ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ รุ่งขึ้นงูใหญ่มีหงอนทั้งสองตัวออกอาละวาด ตัวหนึ่งถูกเชษฐายิงด้วย .458 กระสุนเข้าที่ตาซ้ายบอดสนิททันที ได้เลื้อยหลบหนีไป รพินทร์ ดาริน ไชยยันต์ แงซาย พรานบุญคำและคะหยิ่นออกติดตามร่องรอยของหยดเลือดที่ไหลจากบาดแผลไป คะหยิ่นนำทั้งหมดลัดเลาะไปตามแนวเขา และพบกับเหวซึ่งเบื้องล่างเป็นบ่อโคลน คะหยิ่นจึงใช้วิธีการเลื้อยเหมือนงูไปบนผิวใบไม้จำนวนมากที่ปกคลุมพื้นโคลนนั้นเข้าไปขึงเชือกกับต้นไม้และให้ทุกคนไต่เชือกตามไปดงมรณะ เล่ม 3 ดงมรณะ เล่ม 3. คะหยิ่นนำคณะไปจนเจองูใหญ่ โดยลอดเข้าไปในระหว่างช่องเขาซึ่งงูใหญ่ตัวนั้นนอนพาดขวางอยู่ เกิดการปะทะกันขึ้นกับงูใหญ่ทั้งสองตัว แงซายปะทะกับงูใหญ่มีหงอนตัวผู้ด้วยการยิงธนูติดระเบิดจำนวน 2 ดอก ดอกแรกเข้าที่บริเวณกลางลำตัว ดอกที่สองปักติดแน่นที่เพดานปากด้านบน ส่วนงูใหญ่ตัวเมียโดนที่บริเวณกลางลำตัวและใกล้กับส่วนคอ แหลกละเอียดตายคาที่ทั้งสองตัว ไชยยันต์เก็บเกล็ดงูใหญ่ซึงมีขนาดเกือบเท่ากระด้งกลับมาฝากเชษฐา เพื่อเป็นเครื่องหมายว่าสามารถปราบงูยักษ์ทั้งสองตัวได้สำเร็จ ภายหลังจากปราบงูใหญ่ได้สำเร็จตามสัญญา คณะเดินทางทั้งหมดพักอยู่ที่หมู่บ้านหล่มช้างราวหนึ่งเดือน รอจนกระทั่งอาการของเชษฐาดีขึ้นจนเกือบปกติ จึงออกเดินทางต่อโดยมีแต่รพินทร์ คณะนายจ้าง แงซายและพรานพื้นเมืองคู่ใจอีก 4 คนเท่านั้น ส่วนพวกลูกหาบให้เดินทางกลับหนองน้ำแห้ง ฝ่ายคะหยิ่นนั้นขอสวามิภักดิ์และติดตามไปกับคณะเดินทางด้วยด้วยความสำนึกในบุญคุณและความสามารถ เชษฐาจึงมอบปืนลูกซองเรมิงตัน โมเดล 870 แบบปั๊มแอคชั่นให้คะหยิ่นเป็นปืนคู่มือ หลังจากส่งคณะลูกหาบกลับหนองน้ำแห้ง ราว 7 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น รพินทร์ก็นำคณะนายจ้างออกเดินทางจากหล่มช้าง บ่ายหน้าสู่เขาหัวแร้งทางตะวันตกเฉียงเหนือ ระยะทางราว 20 กิโลเมตร โดยตั้งใจจะให้ถึงในเที่ยงของวันรุ่งขึ้น แงซายบอกว่าตนได้เคยผ่านเขาหัวแร้งเข้าไปในป่านรกดำแล้ว ราวเที่ยงวัน พบหลักฐานการเดินทางผ่านมาของพรานชดและหนานอิน และบทกลอนตัดพ้อชีวิตที่พรานชดเขียนไว้ที่แผ่นหินด้วยถ่าน พร้อมชื่อ วันเวลาที่พรานชดแวะพักแรม เช้าของวันต่อมาก็พบร่องรอยของมนุษย์ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนและเป็นใคร จนในที่สุด รพินทร์ แงซาย และพรานบุญคำก็ลงความเห็นว่าเป็นชนเผ่าสางเขียว คนป่าเผ่าดุร้ายหลงสำรวจ นอกจากนี้คณะเดินทางยังได้พบร่องรอยการตั้งที่พักของมะราบรี (ชนเผ่าตองเหลือง) และการปะทะกันระหว่างสางเขียวและมราบรีในบริเวณใกล้ๆกัน และยังได้ปะทะกับกลุ่มสางเขียวซึ่งกำลังรุมฆ่ามราบรีสองคนอีกขนานใหญ่ ซึ่งรพินทร์สามารถช่วยชีวิตมราบรีคนหนึ่งไว้ได้ ส่วนลูกสาวของมราบรีคนนั้นถูกฆ่าตาย ระหว่างออกเดินทางต่อ รพินทร์และคณะนายจ้างพบกับส่างปา พรานต่องสูผู้นำทางและคนรับใช้ของฝรั่งผิวขาว ที่หลงทางและกำลังหาทางเข้าประเทศไทย โดยเดินทางตัดผ่านทางแม่ฮ่องสอน และพบฝรั่งสองสามีภรรยา มาเรีย ฮอฟมัน และ ดร.สเตเกล ฮอฟมัน นักสำรวจสมุนไพร ฝ่ายรพินทร์เตือนดร.ฮอฟมันถึงเผ่าสางเขียว แต่ดร.ฮอฟมันไม่สู้จะใส่ใจนัก ทั้งสองคณะตกลงกันว่าจะพักอยู่ร่วมกันวันหนึ่ง แล้ววันมะรืนค่อยแยกทางกันต่อไป แต่แล้วในราวเที่ยงของวันถัดมานั่นเองก็เกิดเหตุร้ายขึ้น ขณะที่ดร.ฮอฟมันและมาเรียลงไปอาบน้ำที่ลำธาร และคณะเดินทางของเชษฐาพักผ่อนอยู่บนที่พัก ก็เกิดเสียงปืนดังขึ้นมาจากลำธารสองนัดดงมรณะ เล่ม 4 ดงมรณะ เล่ม 4. รพินทร์และคณะนายจ้างพุ่งลงไปที่ลำธารทันที และพบว่า ดร.ฮอฟมันถูกสางเขียวฆ่าด้วยหอกที่ลำธาร และมาเรียผู้เป็นภรรยาถูกจับตัวไป ส่างปาเข้าต่อสู้เพื่อช่วยเหลือนายสาวแต่ถูกธนูอาบยาพิษจากเผ่าสางเขียว ได้คะหยิ่นช่วยแก้พิษให้ คณะเดินทางปะทะกับเผ่าสางเขียวจนกระทั่งแงซายยิงธนูติดระเบิดขึ้น ขับไล่สางเขียวแตกหนีไป รพินทร์และคณะนายจ้างต่างมีความเห็นตรงกันในการออกติดตามช่วยเหลือและชิงตัวมาเรียกลับมาจากพวกสางเขียว พร้อมกับฆ่าสางเขียวตายเป็นจำนวนมาก ตกดึกคืนนั้น ปางพักของเชษฐาได้ถูกเจ้าลู ลูกชายของหัวหน้าเผ่าสางเขียวใช้ยารมด้วยหนังคางคกตากแห้งเพื่อทำให้สลบ แต่รพินทร์และเชษฐาคอยระวังตัวอยู่แล้วจากแผนการที่เจ้าเกอะ มราบรีที่รพินทร์ช่วยชีวิตเอาไว้ และเป็นพ่อของนางเที๊ยะ ที่ถูกสางเขียวฆ่าตายพร้อมกับกินหัวใจ รพินทร์จับเจ้าลูเป็นตัวประกันโดยติดต่อสื่อสารด้วยภาษาว้า และบังคับให้พาไปยังถิ่นของสางเขียว เพื่อเจรจาต่อรองแลกเปลี่ยนตัวกับมาเรีย แต่การเจรจาไม่เป็นผลสำเร็จ ซูซูผู้พ่อของเจ้าลูยอมแลกตัวกับมาเรีย แต่มุมบาหมอผีประจำเผ่าสางเขียวไม่ยอม จึงเกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้นระหว่างรพินทร์ คณะนายจ้างและเผ่าสางเขียว รพินทร์บุกเข้าชิงตัวมาเรียจากแท่นบูชายัญ มุมบาโดนเจ้าเกอะเอาหอกแทงตายแต่เจ้าเกอะก็โดนสางเขียวตัดหัวในทันทีเช่นกัน แงซายพลาดท่าโดนหอกของสาวเขียวที่สะบัก ทั้งหมดพากันหลบหนีจากถิ่นของสางเขียวเมื่อได้ตัวมาเรียกลับคืนมาแล้ว รพินทร์และคณะนายจ้างพากันถอยกลับอย่างเร่งด่วน แต่ไม่ทันการเพราะฝ่ายสางเขียวยิงตอบโต้ด้วยธนูเพลิง เผาสะพานเชือกข้ามเหว เชษฐา ไชยยันต์และคนอื่นข้ามฝั่งมาได้อย่างปลอดภัย เหลือเพียงรพินทร์และดารินที่ข้ามมาไม่ทัน รพินทร์เกิดเป็นไข้จับสั่น แต่ก็พยายามพาดารินหลบหนีฝูงหมาในจำนวนมากที่ตามไล่ล่า ดารินเห็นผีนางเที๊ยะมาช่วยเหลือด้วยการนำทางไปหลบในถ้ำที่หน้าผาแห่งหนึ่ง ตลอดทั้งคืนดารินคอยดูแลรพินทร์และคอยระวังตัวจากฝูงหมาไน เจ้าลูพาสางเขาพยายามปีนขึ้นไปยังถ้ำแต่ก็ถูกดารินยิงเสียชีวิตด้วยปืนและกระสุนที่เหลือติดตัว รุ่งขึ้น แงซาย ไชยยันต์และคะหยิ่นข้ามฝั่งมาเพื่อช่วยเหลือและถล่มหมู่บ้านสางเขียวจนราบเป็นหน้ากลองด้วยธนูติดระเบิด ซูซูหัวหน้าเผ่าโดนระเบิดตาย สางเขียวที่เหลือขอยอมแพ้จึงเป็นการยุติการต่อสู้โดยสิ้นเชิง แงซายช่วยเหลือรพินทร์และดารินจากถ้ำที่หลบซ่อนตัวอย่างปลอดภัย ก่อนเดินทางกลับไปยังเขาหัวแร้ง เมื่อกลับถึงปางพัก มาเรียขอติดตามร่วมเดินทางไปกับคณะเดินทางด้วย เชษฐามอบปืน .460 เวเธอร์บี แมกนั่มของ ดร.ฮอฟมันให้แงซายเป็นผู้ถือแทนปืน .375 เอฟเอ็น พร้อมกับให้ทดลองทางปืน (ขณะนั้นเหลือกระสุน 35 นัด) ส่วน .375 ของดารินมอบให้ส่างปาเป็นผู้ถือแทน แงซายทดลองทางปืนกับต้นไม้ใหญ่ ซึ่งรู้ภายหลังจากยิงกระสุนนัดแรกว่าเป็นต้นตะเคียน ตกตอนเย็นพรานพรานบุญคำที่ออกไปปลดทุกข์บริเวณนั้น วิ่งกระหืดกระหอบมาแจ้งแก่รพินทร์ถึงรอยปืนที่ต้นตะเคียน มียางไหลซึมออกมาสีแดงคล้ายเลือด
ตอนที่สองของนวนิยายชุดเพชรพระอุมามีชื่อว่าอะไร
3401
{ "answer_end": [ 321 ], "answer_start": [ 311 ], "text": [ "เกาะกระดาด" ] }
465986
เกาะกระดาด เกาะกระดาด ตั้งอยู่ในอ่าวไทย ในเขตจังหวัดตราด ตั้งอยู่ใกล้กับเกาะหมากมีเนื้อที่ 1,200 ไร่ ลักษณะทั่วไปเป็นพื้นที่ราบ โดยมีเนินเขาอยู่ตรงกลาง มีแนว ปะการัง และหาดทรายยาว ขาวสะอาดสามารถเดินถึงกันได้รอบเกาะ ที่ได้ชื่อว่าเกาะกระดาดเนื่องจากเดิมมีต้นกระดาด ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ปัจจุบันยังคงเหลืออยู่บ้าง เกาะกระดาดถือเป็นเกาะเดียวในประเทศไทยที่มีโฉนดแสดงว่ามีเจ้าของที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย สาเหตุมาจากในสมัยรัชกาลที่ 5 ฝรั่งเศสได้เข้ามาล่าอาณานิคมในแถบ เอเซียอาคเนย์ และพยายามยึดครองแผ่นดินของไทย เกาะกระดาดก็เป็นที่หมายหนึ่งของฝรั่งเศสด้วย รัชกาลที่ 5 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ออกโฉนดที่ดินของเกาะขึ้น การเดินทางจากแหลมงอบใช้เวลา ประมาณ 2-3 ชั่วโมง
เกาะใดคือเกาะเดียวในประเทศไทยที่มีโฉนดแสดงว่ามีเจ้าของที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย
3402
{ "answer_end": [ 308 ], "answer_start": [ 298 ], "text": [ "อเมริกาใต้" ] }
793360
ปลาเสือเยอรมัน ปลาเสือเยอรมัน (; ) เป็นปลาน้ำจืดขนาดเล็กชนิดหนึ่ง จำพวกปลาเตตร้า ในวงศ์ปลาคาราซิน (Characidae) เป็นปลาขนาดเล็ก หลังช่องเหงือกมีแถบสีดำ 2 แถบ ชายครีบก้นยาว เกล็ดเป็นประกายสีเงิน สภาพลำตัวค่อนข้างใส ท้ายลำตัวโดยเฉพาะครีบก้นเป็นสีดำ พบกระจายพันธุ์ตามแม่น้ำสายต่าง ๆ และปากแม่น้ำ ในทวีปอเมริกาใต้ เช่น เปรู, โบลิเวีย, อาร์เจนตินา, บราซิล และปารากวัย ขนาดโตเต็มที่ประมาณ 6 เซนติเมตร (2.4 นิ้ว) เป็นปลาที่นิยมเลี้ยงกันเป็นปลาสวยงาม โดยเลี้ยงเป็นฝูงในตู้ไม้น้ำ เป็นปลาที่มีการเพาะเลี้ยงกันอย่างหลากหลายรวมถึงในประเทศไทย บางครั้งมีการฉีดสีเป็นสีต่าง ๆ ลงในตัวปลา รวมถึงตัดต่อพันธุกรรมให้เป็นปลาเรืองแสงด้วย
ปลาเสือเยอรมันกระจายพันธุ์ตามแม่น้ำในทวีปใด
3403
{ "answer_end": [ 217 ], "answer_start": [ 207 ], "text": [ "เฮลิโคเนีย" ] }
2243
ปักษาสวรรค์ ปักษาสวรรค์ หรือ เบิร์ดออฟพาราไดส์ () เป็นพืชดอก มีลำต้นทั้งที่เป็นลำต้นเดี่ยว และออกเป็นกอ มี 2 ลักษณะ คือ มีลำต้นใต้ดินเป็นเหง้า และชนิดที่มีลำต้นเหนือดินเห็นชัดเจน มีลักษณะลำต้น ใบ และดอกคล้ายเฮลิโคเนีย แต่ไม่ได้อยู่วงเฮลิโคเนียแต่อย่างใด ซึ่งปักษาสวรรค์อยู่วงศ์ Strelitziaceae ส่วนเฮลิโคเนียอยู่วงศ์ Heliconiaceaeลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์. ปักษาสวรรค์มีใบเป็นใบเดี่ยว รูปหอกแกมขอบขนาน คล้ายใบกล้วย ปลายใบแหลม โคนมนถึงสอบ ขอบเรียบกว้าง 10 - 15 ซม. ยาว 30 - 60 ซม. ก้านใบยาว 30 -60 ซม. บริเวณช่วงต่อกับแผ่นใบกลมมน โคนก้านใบแผ่แบนเป็นกาบโอบรอบต้น จะเริ่มให้ดอกเมื่ออายุ 3 - 6 ปี ดอกมีรูปทรงคล้ายนกที่กำลังกางปีก อาจจะออกเป็นดอกเดี่ยว หรือเป็นช่อประมาณ 3 -7 ดอก ออกจากโคนกาบใบ ก้านช่อดอกกลม มีกาบรองดอกรูปเรือรองรับดอกย่อย แต่ละดอกประกอบด้วยกลีบเลี้ยงรูปหอกแคบยาว 3 กลีบ และกลีบดอกรูปหัวลูกศร 2 กลีบ ส่วนปลายกลีบห่อติดกัน มีเกสรเพศผู้และเพศเมียอยู่ภายใน ตอนปลายสุดของหัวลูกศรมียอดเกสรเพศเมียสีน้ำตาลยื่นออกมา เมื่อดอกบานเต็มที่มีความยาว 8 - 12 ซม. ทยอยบานจากโคนช่อไปปลายช่อ ผลมีรูปรี จะแห้งและแตก ภายในมีเมล็ด 3 เมล็ด รูปกลม มีเปลือกหนาสีดำการปลูกเลี้ยง การปลูกเลี้ยง. ดินที่เหมาะสมในการปลูกคือดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี ควรปลูกกลางแจ้งให้ได้รับแสงแดดเต็มที่ รดน้ำในปริมาณที่พอเหมาะไม่แฉะจนเกินไป ควรรดวันละครั้งในช่วงเช้า การขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด หรือแยกหน่อหรือกอ
ดอกปักษาสวรรค์มีลักษณะคล้ายดอกอะไร
3404
{ "answer_end": [ 1133 ], "answer_start": [ 1120 ], "text": [ "ดินร่วนปนทราย" ] }
2243
ปักษาสวรรค์ ปักษาสวรรค์ หรือ เบิร์ดออฟพาราไดส์ () เป็นพืชดอก มีลำต้นทั้งที่เป็นลำต้นเดี่ยว และออกเป็นกอ มี 2 ลักษณะ คือ มีลำต้นใต้ดินเป็นเหง้า และชนิดที่มีลำต้นเหนือดินเห็นชัดเจน มีลักษณะลำต้น ใบ และดอกคล้ายเฮลิโคเนีย แต่ไม่ได้อยู่วงเฮลิโคเนียแต่อย่างใด ซึ่งปักษาสวรรค์อยู่วงศ์ Strelitziaceae ส่วนเฮลิโคเนียอยู่วงศ์ Heliconiaceaeลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์. ปักษาสวรรค์มีใบเป็นใบเดี่ยว รูปหอกแกมขอบขนาน คล้ายใบกล้วย ปลายใบแหลม โคนมนถึงสอบ ขอบเรียบกว้าง 10 - 15 ซม. ยาว 30 - 60 ซม. ก้านใบยาว 30 -60 ซม. บริเวณช่วงต่อกับแผ่นใบกลมมน โคนก้านใบแผ่แบนเป็นกาบโอบรอบต้น จะเริ่มให้ดอกเมื่ออายุ 3 - 6 ปี ดอกมีรูปทรงคล้ายนกที่กำลังกางปีก อาจจะออกเป็นดอกเดี่ยว หรือเป็นช่อประมาณ 3 -7 ดอก ออกจากโคนกาบใบ ก้านช่อดอกกลม มีกาบรองดอกรูปเรือรองรับดอกย่อย แต่ละดอกประกอบด้วยกลีบเลี้ยงรูปหอกแคบยาว 3 กลีบ และกลีบดอกรูปหัวลูกศร 2 กลีบ ส่วนปลายกลีบห่อติดกัน มีเกสรเพศผู้และเพศเมียอยู่ภายใน ตอนปลายสุดของหัวลูกศรมียอดเกสรเพศเมียสีน้ำตาลยื่นออกมา เมื่อดอกบานเต็มที่มีความยาว 8 - 12 ซม. ทยอยบานจากโคนช่อไปปลายช่อ ผลมีรูปรี จะแห้งและแตก ภายในมีเมล็ด 3 เมล็ด รูปกลม มีเปลือกหนาสีดำการปลูกเลี้ยง การปลูกเลี้ยง. ดินที่เหมาะสมในการปลูกคือดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี ควรปลูกกลางแจ้งให้ได้รับแสงแดดเต็มที่ รดน้ำในปริมาณที่พอเหมาะไม่แฉะจนเกินไป ควรรดวันละครั้งในช่วงเช้า การขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด หรือแยกหน่อหรือกอ
ดินที่เหมาะสมในการปลูกต้นปักษาสวรรค์คือดินประเภทใด
3405
{ "answer_end": [ 61 ], "answer_start": [ 18 ], "text": [ "โครงสร้างแบบเพดานที่ใช้เป็นร่มเงาหรือที่บัง" ] }
241102
พิดาน พิดาน () คือโครงสร้างแบบเพดานที่ใช้เป็นร่มเงาหรือที่บัง พิดานอาจจะเป็นเต็นท์ก็ได้แต่โดยทั่วไปจะไม่มีพื้น คำว่า “Canopy” มาจากภาษากรีกโบราณ “κωνώπειον” ที่แปลว่า “ที่บังที่กันแมลง” จากคำว่า “κώνωψ” ที่แปลว่า “หน้า-แหลม” ที่หมายถึงที่เป็นคำสมาสที่แปลว่า “ยุง” อักษร “o” ที่เปลี่ยนเป็น “a” อาจจะเป็นอิทธิพลจากชื่อสถานที่ในอียิปต์ที่คล้ายคลึงกันที่ชื่อ “Canopus” “พิดาน” เป็นส่วนประกอบของสิ่งก่อสร้างที่ยื่นออกไปจากสิ่งก่อสร้างหลักที่ใช้เป็นสิ่งตกแต่งหรือเป็นที่หลบจากภาวะอากาศ พิดานใช้ตัวสิ่งก่อสร้างที่สร้างติดอยู่ในการรับน้ำหนัก และจะมีเสาอีกอย่างน้อยสองเสาที่ช่วยรับ ตอนบนอาจจะเป็นผ้าหรือโลหะ แต่ “พิดาน” ก็อาจจะเป็นสิ่งก่อสร้างที่เป็นอิสระได้เช่น “ศาลาสวน” ที่ทำด้วยผ้าใบ หรือ “คาบานา” ผ้าที่ใช้สำหรับการทำ “พิดาน” ก็จะมีลักษณะต่างๆ ที่อาจจะเป็นวัสดุที่ทนทานต่อสภาวะอากาศ, มีสีสดใส, ทำความสะอาดได้ง่าย และทนไฟ โครงสร้างสมัยใหม่ก็เป็นโครงสร้างที่ทนทานเพิ่มขึ้นและกันสนิมที่ทำให้โครงสร้างมั่นคง, ราคาถูก และเป็นที่ต้องตากว่าเดิม
พิดานคืออะไร
3406
{ "answer_end": [ 84 ], "answer_start": [ 81 ], "text": [ "จีน" ] }
321972
หงส์ไฟ หงส์แดง หรือ หงส์ไฟ (อังกฤษ: Vermilion Bird) เป็นสัตว์วิเศษตามความเชื่อของจีน เป็นหนึ่งในอสูรปกครองศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 แห่งทิศใต้ มีลักษณะเด่นของนก 5 ชนิดรวมกัน มีขนเป็นเปลวไฟ ชาวจีนยกย่องให้เป็นสัตว์มงคลตัวแทนของเพศหญิง (ธาตุหยิน) คู่กับมังกรตัวแทนของผู้ชาย (ธาตุหยาง) บางตำนานบอกว่าเป็นสัตว์วิเศษชนิดเดียวที่สามารถต่อกรกับมังกรได้ แม้ว่าหงส์จะเป็นสัญลักษณ์ของเพศหญิง แต่หงส์ก็มีทั้งตัวผู้และตัวเมีย อาศัยอยู่ที่เทือกเขาแดงทางแดนใต้ที่สวยงาม ไม่เคยแตะต้องสิ่งมีชีวิตแต่ดำรงชีพด้วยการกินเมล็ดไผ่เท่านั้น ได้รับการยกย่องให้เป็นเจ้าแห่งนกทั้งปวง กล่าวกันว่าเมื่อหงส์แดงบินผ่านที่ใดเหล่าวิหคทั้งหลายจะแสดงการคารวะให้ หงส์แดงเป็นตัวแทนของความโชคดีและความสง่างาม เป็นตัวแทนของฤดูร้อน (ธาตุไฟ) ใครก็ตามที่ได้ดื่มเลือดของหงส์แดงจะมีชีวิตเป็นอมตะ และน้ำตาของหงส์แดงมีสรรพคุณในการรักษาบาดแผลและแก้พิษทุกชนิดด้วย ซึ่งคล้ายกับนกฟีนิกซ์ตามความเชื่อของชาวตะวันตก- จีนกลาง:Zhū Què / 朱雀 - เกาหลี: Ju-jak / 주작 - ญี่ปุ่น: Suzaku / 朱雀 - เวียดนาม: Chu Tước / 朱雀
หงส์ไฟเป็นสัตว์วิเศษตามความเชื่อของประเทศใด
3407
{ "answer_end": [ 830 ], "answer_start": [ 821 ], "text": [ "นกฟีนิกซ์" ] }
321972
หงส์ไฟ หงส์แดง หรือ หงส์ไฟ (อังกฤษ: Vermilion Bird) เป็นสัตว์วิเศษตามความเชื่อของจีน เป็นหนึ่งในอสูรปกครองศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 แห่งทิศใต้ มีลักษณะเด่นของนก 5 ชนิดรวมกัน มีขนเป็นเปลวไฟ ชาวจีนยกย่องให้เป็นสัตว์มงคลตัวแทนของเพศหญิง (ธาตุหยิน) คู่กับมังกรตัวแทนของผู้ชาย (ธาตุหยาง) บางตำนานบอกว่าเป็นสัตว์วิเศษชนิดเดียวที่สามารถต่อกรกับมังกรได้ แม้ว่าหงส์จะเป็นสัญลักษณ์ของเพศหญิง แต่หงส์ก็มีทั้งตัวผู้และตัวเมีย อาศัยอยู่ที่เทือกเขาแดงทางแดนใต้ที่สวยงาม ไม่เคยแตะต้องสิ่งมีชีวิตแต่ดำรงชีพด้วยการกินเมล็ดไผ่เท่านั้น ได้รับการยกย่องให้เป็นเจ้าแห่งนกทั้งปวง กล่าวกันว่าเมื่อหงส์แดงบินผ่านที่ใดเหล่าวิหคทั้งหลายจะแสดงการคารวะให้ หงส์แดงเป็นตัวแทนของความโชคดีและความสง่างาม เป็นตัวแทนของฤดูร้อน (ธาตุไฟ) ใครก็ตามที่ได้ดื่มเลือดของหงส์แดงจะมีชีวิตเป็นอมตะ และน้ำตาของหงส์แดงมีสรรพคุณในการรักษาบาดแผลและแก้พิษทุกชนิดด้วย ซึ่งคล้ายกับนกฟีนิกซ์ตามความเชื่อของชาวตะวันตก- จีนกลาง:Zhū Què / 朱雀 - เกาหลี: Ju-jak / 주작 - ญี่ปุ่น: Suzaku / 朱雀 - เวียดนาม: Chu Tước / 朱雀
หงส์ไฟตามความเชื่อของจีนมีความคล้ายคลึงกับสัตว์วิเศษตามความเชื่อของชาวตะวันตกชนิดใด
3408
{ "answer_end": [ 87 ], "answer_start": [ 81 ], "text": [ "โบตั๋น" ] }
679640
ผู้หญิงคนนั้นชื่อบุญรอด ผู้หญิงคนนั้นชื่อบุญรอด เป็นนวนิยายไทย เป็นบทประพันธ์ของ โบตั๋น เจ้าของบทประพันธ์ชื่อดัง "ทองเนื้อเก้า" เป็นเรื่องราวของ บุญรอด เป็นผู้หญิงบ้านนอกแต่เป็นคนฉลาดทำงานในร้านอาหาร ในช่วงสงครามเวียดนาม สหรัฐอเมริกาใช้ประเทศไทยเป็นฐานทัพ เหล่าทหารอเมริกันกระจายตัวทั่วประเทศจนเกิดธุรกิจกลางคืนทั้งไนต์คลับ บาร์ให้เหล่าทหารได้ผ่อนคลาย รวมทั้งอาชีพเมียเช่า โดยมีทหารมาจีบบุญรอด แต่บุญรอดยืนยันที่จะไม่ก้าวเข้าสู่อาชีพดังกล่าวเหมือนพี่สาวของเธอที่ทำงานนี้จนมีลูกติดจากผัวฝรั่งถึง 2 คน บุญรอดใช้ความฉลาด ขยันที่จะเรียนรู้และอดทนสร้างโอกาสให้แก่ตัวเองท่ามกลางคำสบประมาทต่างๆนานา และด้วยเนื้อเรื่องที่เข้มข้นและสะท้อนสังคม จึงถูกนำมาทำเป็นละครหลายครั้งเลยทีเดียวรายชื่อนักแสดงรางวัลและการเข้าชิง
ใครเป็นผู้ประพันธ์นวนิยายไทยเรื่องผู้หญิงคนนั้นชื่อบุญรอด
3409
{ "answer_end": [ 72 ], "answer_start": [ 65 ], "text": [ "ภาคกลาง" ] }
5487
จังหวัดสุโขทัย สุโขทัย (, เดิมสะกดว่า ศุโขไทย) เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางของประเทศไทย มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดแพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก กำแพงเพชร ตาก และลำปาง (เรียงตามเข็มนาฬิกาจากด้านเหนือ)ประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์. จังหวัดสุโขทัยเป็นที่ตั้งอาณาจักรแรกของชนชาติไทยเมื่อ 700 ปีที่แล้ว คำว่า "สุโขทัย" มาจากสองคำ คือ "สุข+อุทัย" หมายความว่า "รุ่งอรุณแห่งความสุข" รอยอดีตแห่งความรุ่งเรืองเห็นได้จากอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและศรีสัชนาลัยซึ่งเป็นที่รู้จักของชาวไทยและต่างประเทศภูมิศาสตร์ ภูมิศาสตร์. ตามการแบ่งจังหวัดเป็นภาคโดยคณะกรรมการภูมิศาสตร์แห่งชาติและราชบัณฑิตยสภา จังหวัดสุโขทัยตั้งอยู่ในภาคกลาง บริเวณตอนบนของภาค หากแบ่งเขตตามการพยากรณ์อากาศและเศรษฐกิจ สังคม จะจัดอยู่ในภาคเหนือตอนล่าง ห่างจากกรุงเทพมหานครตามระยะทางหลวงแผ่นดินประมาณ 440 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียง ดังนี้- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอวังชิ้น อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ และอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ - ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอพรหมพิราม อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก และอำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ - ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร และอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก - ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอเมืองตาก อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก และอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง พื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดสุโขทัยจะเป็นที่ราบลุ่ม ทางตอนเหนือและตอนใต้ของจังหวัดมีลักษณะเป็นที่ราบสูง มีเขาหลวงเป็นภูเขาที่มีความสูงที่สุด วัดจากระดับน้ำทะเลมีความสูงประมาณ 1,200 เมตร โดยมีแนวภูเขายาวเป็นพืดทางด้านทิศตะวันตก ส่วนพื้นที่ตอนกลางของจังหวัดจะเป็นที่ราบ มีแม่น้ำยมไหลผ่านจากทิศเหนือจรดทิศใต้ ผ่านอำเภอศรีสัชนาลัย อำเภอสวรรคโลก อำเภอศรีสำโรง อำเภอเมืองสุโขทัย และอำเภอกงไกรลาศ ช่วงที่ไหลผ่านจังหวัดสุโขทัยยาวประมาณ 170 กิโลเมตรสัญลักษณ์ประจำจังหวัดสัญลักษณ์ประจำจังหวัด. - ตราประจำจังหวัด: ภาพพระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์พระร่วง ประทับบนพระแท่นมนังคศิลา ปกครองไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุข และทรงบริหารราชอาณาจักรแห่งนี้ให้เจริญรุ่งเรืองที่สุดในช่วงปี พ.ศ. 1822 ถึง พ.ศ. 1842 - คำขวัญประจำจังหวัด: มรดกโลกล้ำเลิศ กำเนิดลายสือไทย เล่นไฟลอยกระทง ดำรงพุทธศาสนา งามตาผ้าตีนจก สังคโลกทองโบราณ สักการแม่ย่าพ่อขุน รุ่งอรุณแห่งความสุข (แต่งโดยสำราญ สีแก้ว อาจารย์โรงเรียนสวรรค์อนันต์วิทยา อำเภอสวรรคโลก โดยคำขวัญเดิมคือ "กำเนิดอักษรไทย งานใหญ่ลอยกระทง มั่นคงพุทธศาสนา พระแม่ย่ามิ่งเมือง อดีตรุ่งเรืองคือเมืองสุโขทัย") - พันธุ์ไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัด: ต้นมะค่า () - ต้นไม้ประจำจังหวัด: ต้นตาล () - ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกบัวหลวง ()การเมืองการปกครองหน่วยการปกครอง การเมืองการปกครอง. หน่วยการปกครอง. การปกครองแบ่งออกเป็น 9 อำเภอ 86 ตำบล 843 หมู่บ้าน1. อำเภอเมืองสุโขทัย 2. อำเภอบ้านด่านลานหอย 3. อำเภอคีรีมาศ 4. อำเภอกงไกรลาศ 5. อำเภอศรีสัชนาลัย 6. อำเภอศรีสำโรง 7. อำเภอสวรรคโลก 8. อำเภอศรีนคร 9. อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวม 91 แห่ง ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย, เทศบาลเมือง 3 แห่ง ได้แก่ เทศบาลเมืองศรีสัชนาลัย เทศบาลเมืองสวรรคโลก และเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี, เทศบาลตำบล 18 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 69 แห่ง- อำเภอเมืองสุโขทัย - เทศบาลเมืองสุโขทัยธานี - เทศบาลตำบลบ้านสวน - เทศบาลตำบลเมืองเก่า - เทศบาลตำบลบ้านกล้วย- อำเภอบ้านด่านลานหอย - เทศบาลตำบลลานหอย - เทศบาลตำบลตลิ่งชัน- อำเภอคีรีมาศ - เทศบาลตำบลทุ่งหลวง - เทศบาลตำบลบ้านโตนด- อำเภอกงไกรลาศ - เทศบาลตำบลกงไกรลาศ- อำเภอศรีสัชนาลัย - เทศบาลเมืองศรีสัชนาลัย - เทศบาลตำบลหาดเสี้ยว- อำเภอศรีสำโรง - เทศบาลตำบลศรีสำโรง- อำเภอสวรรคโลก - เทศบาลเมืองสวรรคโลก - เทศบาลตำบลในเมือง - เทศบาลตำบลป่ากุมเกาะ - เทศบาลตำบลคลองยาง - เทศบาลตำบลเมืองบางขลัง- อำเภอศรีนคร - เทศบาลตำบลศรีนคร- อำเภอทุ่งเสลี่ยม - เทศบาลตำบลทุ่งเสลี่ยม - เทศบาลตำบลเขาแก้วศรีสมบูรณ์ - เทศบาลตำบลกลางดงทำเนียบเจ้าเมืองและผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยการขนส่ง การขนส่ง. จังหวัดสุโขทัยมีทางหลวงสำคัญ ได้แก่ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ซึ่งเป็นถนนสายเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เชื่อมต่อกับจังหวัดตากและจังหวัดพิษณุโลก, ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 เชื่อมต่อกับจังหวัดกำแพงเพชรและจังหวัดแพร่, และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 102 เชื่อมต่อกับจังหวัดอุตรดิตถ์ การขนส่งทางราง มีสถานีรถไฟ 2 แห่ง ได้แก่ สถานีรถไฟสวรรคโลก อำเภอสวรรคโลก และสถานีรถไฟคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร นอกจากนี้ ในอนาคตจะมีทางรถไฟความเร็วสูงตัดผ่าน มีสถานี 2 แห่ง ได้แก่ สถานีรถไฟความเร็วสูงสุโขทัย และสถานีรถไฟความเร็วสูงศรีสัชนาลัยสถานที่ท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยว. - อำเภอเมืองสุโขทัย - ศาลหลักเมืองสุโขทัย ตำบลเมืองเก่า - อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตำบลเมืองเก่า - พิพิธภัณฑ์ปลาในวรรณคดี ตำบลบ้านสวน - สวนหลวง ร.๙ ตำบลบ้านสวน - พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติรามคำแหง ตำบลเมืองเก่า - พิพิธภัณฑ์สังคโลก ตำบลบ้านหลุม - พระราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ตำบลเมืองเก่า - พระราชานุสาวรีย์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ตำบลเมืองเก่า - ศาลพระแม่ย่า ศาลากลางจังหวัดสุโขทัย ตำบลธานี - พระพุทธอุทยานสุโขทัย ตำบลธานี - ทุ่งทะเลหลวง ตำบลบ้านกล้วย - พุทธมณฑลสุโขทัย ทุ่งทะเลหลวง ตำบลบ้านกล้วย - โครงการสวนสัตว์สุโขทัย ตำบลบ้านกล้วย - สวนพฤษศาสตร์พระแม่ย่า สุโขทัย ตำบลบ้านกล้วย - วัดศรีชุม(พระอจนะ) ตำบลเมืองเก่า - วัดสะพานหิน ตำบลเมืองเก่า - เตาทุเรียง ตำบลเมืองเก่า - เขื่อนทำนบพระร่วง(สรีดพงษ์) ตำบลเมืองเก่า- อำเภอศรีสัชนาลัย - ศาลหลักเมืองศรีสัชนาลัย ตำบลศรีสัชนาลัย - ศาลหลักเมืองเชลียง ตำบลศรีสัชนาลัย - อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ตำบลศรีสัชนาลัย - ย่านพานิชย์หัตกรรมเงินทองโบราณ 800 ปี ตำบลศรีสัชนาลัย ตำบลท่าชัย - สนามแข่งขันBMXเฉลิมพระเกียรติ(หนองช้าง) ตำบลศรีสัชนาลัย - วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรวิหาร(วัดพระปรางค์)ตำบลศรีสัชนาลัย - แหล่งขุดข้นโบราณคดีโครงกระดูก(วัดชมชื่น)ตำบลศรีสัชนาลัย - แก่งหลวง ตำบลศรีสัชนาลัย - พระราชานุสาวรีย์พระมหาธรรมราชาที่ ๑(พระยาลิไท)ตำบลศรีสัชนาลัย - วัดเชิงคีรี(หลวงพ่อโต 700 ปี) ตำบลศรีสัชนาลัย - พิพิธภัณฑ์ชุมชนศรีสัชนาลัย ตำบลศรีสัชนาลัย - บ้านศิลปะศิลาแลงอาร์ตแกลอรี่(วัดโคกสิงคาราม) ตำบลศรีสัชนาลัย - อุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย ตำบลบ้านแก่ง - อ่างเก็บน้ำแม่ท่าแพ ตำบลบ้านแก่ง - ศูนย์ศึกษาและอนุรักษ์เตาสังคโลก(เตาทุเรียง)ตำบลหนองอ้อ - ศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้านโบราณหาดเสี้ยว(สุนทรีผ้าไทย)ตำบลหนองอ้อ - ชุมชนผ้าทอไทครั้ง ตำบลหนองอ้อ - สาธรพิพิธภัณฑ์ผ้าทองคำ ตำบลหาดเสี้ยว - ชุมชนไทพวน บ้านหาดเสี้ยว ตพบลหาดเสี้ยว - ท่องเที่ยวเชิงนิเวศบ้านนาต้นจั่น ตำบลบ้านตึก - ปางช้างศรีสัชนาลัย(หมู่บ้านช้างบ้านภูนก) ตำบลบ้านตึก - ศูนย์การท่องเที่ยวชุมชนบ้านคุกพัฒนา โดย อพท. ตำบลสารจิตร- อำเภอทุ่งเสลี่ยม - หลวงพ่อศิลา วัดทุ่งเสลี่ยม - วัดพิพัฒน์มงคล(พระพุทธรูปทองคำ) - ถ้ำลม-ถำ้วัง - วัดเชิงผา(ศูนย์ปฏิบัติธรรม) - โบราณสถานวัดใหญ่ชัยมงคล - โบราณสถานวัดเจดีย์เจ็ดแถว - หอรบโบราณ - โบราณสถานแนวถนนพระร่วง- อำเภอสวรรคโลก - ศาลหลักเมืองสวรรคโลก ตำบลเมืองสวรรคโลก - กุฏิพระสวรรค์วรนายก (ทองคำ โสโณ) วัดกลาง - พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสวรรควรนายก ตำบลวังไม้ขอน - พิพิธภัณโรงเรียนสตรีประจำจังหวัดสวรรคโลก"อนันตนารี" ตำบลเมืองสวรรคโลก - พิพิธภัณโรงพักเรือนทรงปั้นหยา ยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่2 - พิพิธภัณที่ว่าการอำเภอสวรรคโลก(หลังเก่า) - ศูนย์วัฒนธรรมอำภอสวรรคโลก (ตั้งอยู่ภายในโรงเรียนสวรรค์อนันต์วิทยา) - สวนหลวงพระร่วงเฉลิมพระเกียรติ (ทุ่งแม่ระวิง) ตำบลป่ากุมเกาะ - วัดสว่างอารมณ์วรวิหาร (วัดจวน) ตำบลเมืองสวรรคโลก - วัดสวรรคาราม(วัดกลาง) ตำบลวังพิณพาต - เมืองโบราณบางขลัง ตำบลเมืองบางขลัง - โครงการเกษตรอินทรีย์สนามบินสุโขทัย ตำบลคลองกระจง - ท่าอากาศยานสุโขทัย(สนามบินสุโขทัย)ตำบลคลองกระจง - พระราชานุสาวรีย์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์(วัดคุ้งวารี)ตำบลย่านยาว - ชุมชนบ้านโบราณตลาดเมืองสวรรคโลก - พระราชานุสาวรีย์พ่อขุนบางกลางหาว พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ตำบลเมืองบางขลัง - อำเภอบ้านด่านลานหอย - เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าถ้ำเจ้าราม - พิพิธภัณฑ์โบราณคดีชุมชนบ้านวังหาด- อำเภอศรีสำโรง - เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำเจ้าราม- อำเภอคีรีมาศ - อุทยานแห่งชาติรามคำแหง - ศาลพระแม่ย่า อำเภอคีรีมาศ - แหล่งเคื่องปั่นดินเผาบ้านทุ่งหลวง- อำเภอกงไกรลาศ - ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมบ้านกง- อำเภอศรีนคร - มูลนิธิสายใจไทยในพระบรมราชูปถัมภ์(โครงการที่ดินทำกิน)งานเทศกาลและประเพณีงานเทศกาลและประเพณี. - งานลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟ อำเภอเมืองสุโขทัย - งานวันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช อำเภอเมืองสุโขทัย - งานสักการะพระแม่ย่าและงานกาชาด อำเภอเมืองสุโขทัย - งานออกพรรษาแห่ตาชูชก อำเภอเมืองสุโขทัย - งานมหาสงกรานต์กรุงเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย - งานสงกรานต์เสื้อลายดอก ถนนข้าวตอกสุโขทัย อำเภอเมืองสุโขทัย - งานแข่งขันเรือพายเทโวโรหณะ อำเภอเมืองสุโขทัย - ประเพณีบวชนาคแห่ช้างหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย - งานประเพณีแห่น้ำขึ้นโฮง อำเภอศรีสัชนาลัย - งานประเพณีสรงน้ำโอยทานสงกรานต์ศรีสัชนาลัย อำเภอศรีสัชนาลัย - งานนสมโภชพระธาตุเฉลียงและพระธาตุมุเตา(วัดพระปรางค์) อำเภอศรีสัชนาลัย - งานย้อนอดีตศรีสัชนาลัยนุ่งผ้าไทยใส่เงินทองโบราณ อำเภอศรีสัชนาลัย - งานของดีศรีสัชนาลัยและเทศกาลอาหาร อำเภอศรีสัชนาลัย - งานประเพณีแห่กฐินทางน้ำ(เฮือซ่วง) อำเภอศรีสัชนาลัย - งานประเพณีบุญบั้งไฟบ้านหาดสูง อำเภอศรีสัชนาลัย - งานประเพณีออกพรรษาศรีสัชฯ-ท่าชัย อำเภอศรีสัชนาลัย - งานหมากม่วงหมากปรางและงานของดีศรีสวรรคโลก อำเภอสวรรคโลก - งานประเพณีสงกรานต์และเทศกาลอาหารเมืองสวรรคโลก อำเภอสวรรคโลก - งานวันพิชิตยอดเขาหลวง อำเภอคีรีมาศ - ประเพณีการทำขวัญผึ้ง อำเภอคีรีมาศบุคคลที่มีชื่อเสียงบุคคลที่มีชื่อเสียง. - วิจารณ์ พลฤทธิ์ – นักชกเหรียญทองโอลิมปิก - เท่ง เถิดเทิง – นักแสดงตลก - ส้มเช้ง สามช่า – นักแสดงตลก - พวง เชิญยิ้ม – นักแสดงตลก - ชินกร ไกรลาศ – นักร้อง ศิลปินแห่งชาติ - ระพิน ภูไท – นักร้องลูกทุ่ง - ทัตเทพ ประสงค์ – นักร้อง ร้องนำวงโซคูล - อติรุจ กิตติพัฒนะ – นักร้องเดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปี 8 - ประทีป สุขโสภา – ศิลปินเพลงพื้นบ้าน/เพลงขอทาน - นิคม รายยวา – นักเขียนชีไรท์ - ภาคินัย กสิรักษ์ – นักเขียนนิยายสยองขวัญ/คอมเมดี้ - สมศักดิ์ เทพสุทิน – อดีตรองนายกรัฐมนตรี - อนงค์วรรณ เทพสุทิน – นักการเมือง - พรรณสิริ กุลนาถศิริ – นักการเมือง - บุญส่ง นาคภู่ – ผู้กำกับภาพยนตร์ - สนธิ ลิ้มทองกุล – สื่อสารมวลชน - วรัญญา กาบัว – นักร้องลูกทุ่งแชมป์ออฟเดอะแชมป์จากรายการชิงช้าสวรรค์วงดนตรีลูกทุ่งโรงเรียนทุ่งเสลี่ยมชนูปถัมภ์ - ดรุณี สุทธิพิทักษ์ – นักแสดง นักร้อง พิธีกร
จังหวัดสุโขทัยอยู่ในภาคใดของประเทศไทย
3410
{ "answer_end": [ 361 ], "answer_start": [ 342 ], "text": [ "รุ่งอรุณแห่งความสุข" ] }
5487
จังหวัดสุโขทัย สุโขทัย (, เดิมสะกดว่า ศุโขไทย) เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางของประเทศไทย มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดแพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก กำแพงเพชร ตาก และลำปาง (เรียงตามเข็มนาฬิกาจากด้านเหนือ)ประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์. จังหวัดสุโขทัยเป็นที่ตั้งอาณาจักรแรกของชนชาติไทยเมื่อ 700 ปีที่แล้ว คำว่า "สุโขทัย" มาจากสองคำ คือ "สุข+อุทัย" หมายความว่า "รุ่งอรุณแห่งความสุข" รอยอดีตแห่งความรุ่งเรืองเห็นได้จากอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและศรีสัชนาลัยซึ่งเป็นที่รู้จักของชาวไทยและต่างประเทศภูมิศาสตร์ ภูมิศาสตร์. ตามการแบ่งจังหวัดเป็นภาคโดยคณะกรรมการภูมิศาสตร์แห่งชาติและราชบัณฑิตยสภา จังหวัดสุโขทัยตั้งอยู่ในภาคกลาง บริเวณตอนบนของภาค หากแบ่งเขตตามการพยากรณ์อากาศและเศรษฐกิจ สังคม จะจัดอยู่ในภาคเหนือตอนล่าง ห่างจากกรุงเทพมหานครตามระยะทางหลวงแผ่นดินประมาณ 440 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียง ดังนี้- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอวังชิ้น อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ และอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ - ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอพรหมพิราม อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก และอำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ - ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร และอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก - ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอเมืองตาก อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก และอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง พื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดสุโขทัยจะเป็นที่ราบลุ่ม ทางตอนเหนือและตอนใต้ของจังหวัดมีลักษณะเป็นที่ราบสูง มีเขาหลวงเป็นภูเขาที่มีความสูงที่สุด วัดจากระดับน้ำทะเลมีความสูงประมาณ 1,200 เมตร โดยมีแนวภูเขายาวเป็นพืดทางด้านทิศตะวันตก ส่วนพื้นที่ตอนกลางของจังหวัดจะเป็นที่ราบ มีแม่น้ำยมไหลผ่านจากทิศเหนือจรดทิศใต้ ผ่านอำเภอศรีสัชนาลัย อำเภอสวรรคโลก อำเภอศรีสำโรง อำเภอเมืองสุโขทัย และอำเภอกงไกรลาศ ช่วงที่ไหลผ่านจังหวัดสุโขทัยยาวประมาณ 170 กิโลเมตรสัญลักษณ์ประจำจังหวัดสัญลักษณ์ประจำจังหวัด. - ตราประจำจังหวัด: ภาพพระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์พระร่วง ประทับบนพระแท่นมนังคศิลา ปกครองไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุข และทรงบริหารราชอาณาจักรแห่งนี้ให้เจริญรุ่งเรืองที่สุดในช่วงปี พ.ศ. 1822 ถึง พ.ศ. 1842 - คำขวัญประจำจังหวัด: มรดกโลกล้ำเลิศ กำเนิดลายสือไทย เล่นไฟลอยกระทง ดำรงพุทธศาสนา งามตาผ้าตีนจก สังคโลกทองโบราณ สักการแม่ย่าพ่อขุน รุ่งอรุณแห่งความสุข (แต่งโดยสำราญ สีแก้ว อาจารย์โรงเรียนสวรรค์อนันต์วิทยา อำเภอสวรรคโลก โดยคำขวัญเดิมคือ "กำเนิดอักษรไทย งานใหญ่ลอยกระทง มั่นคงพุทธศาสนา พระแม่ย่ามิ่งเมือง อดีตรุ่งเรืองคือเมืองสุโขทัย") - พันธุ์ไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัด: ต้นมะค่า () - ต้นไม้ประจำจังหวัด: ต้นตาล () - ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกบัวหลวง ()การเมืองการปกครองหน่วยการปกครอง การเมืองการปกครอง. หน่วยการปกครอง. การปกครองแบ่งออกเป็น 9 อำเภอ 86 ตำบล 843 หมู่บ้าน1. อำเภอเมืองสุโขทัย 2. อำเภอบ้านด่านลานหอย 3. อำเภอคีรีมาศ 4. อำเภอกงไกรลาศ 5. อำเภอศรีสัชนาลัย 6. อำเภอศรีสำโรง 7. อำเภอสวรรคโลก 8. อำเภอศรีนคร 9. อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวม 91 แห่ง ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย, เทศบาลเมือง 3 แห่ง ได้แก่ เทศบาลเมืองศรีสัชนาลัย เทศบาลเมืองสวรรคโลก และเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี, เทศบาลตำบล 18 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 69 แห่ง- อำเภอเมืองสุโขทัย - เทศบาลเมืองสุโขทัยธานี - เทศบาลตำบลบ้านสวน - เทศบาลตำบลเมืองเก่า - เทศบาลตำบลบ้านกล้วย- อำเภอบ้านด่านลานหอย - เทศบาลตำบลลานหอย - เทศบาลตำบลตลิ่งชัน- อำเภอคีรีมาศ - เทศบาลตำบลทุ่งหลวง - เทศบาลตำบลบ้านโตนด- อำเภอกงไกรลาศ - เทศบาลตำบลกงไกรลาศ- อำเภอศรีสัชนาลัย - เทศบาลเมืองศรีสัชนาลัย - เทศบาลตำบลหาดเสี้ยว- อำเภอศรีสำโรง - เทศบาลตำบลศรีสำโรง- อำเภอสวรรคโลก - เทศบาลเมืองสวรรคโลก - เทศบาลตำบลในเมือง - เทศบาลตำบลป่ากุมเกาะ - เทศบาลตำบลคลองยาง - เทศบาลตำบลเมืองบางขลัง- อำเภอศรีนคร - เทศบาลตำบลศรีนคร- อำเภอทุ่งเสลี่ยม - เทศบาลตำบลทุ่งเสลี่ยม - เทศบาลตำบลเขาแก้วศรีสมบูรณ์ - เทศบาลตำบลกลางดงทำเนียบเจ้าเมืองและผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยการขนส่ง การขนส่ง. จังหวัดสุโขทัยมีทางหลวงสำคัญ ได้แก่ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ซึ่งเป็นถนนสายเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เชื่อมต่อกับจังหวัดตากและจังหวัดพิษณุโลก, ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 เชื่อมต่อกับจังหวัดกำแพงเพชรและจังหวัดแพร่, และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 102 เชื่อมต่อกับจังหวัดอุตรดิตถ์ การขนส่งทางราง มีสถานีรถไฟ 2 แห่ง ได้แก่ สถานีรถไฟสวรรคโลก อำเภอสวรรคโลก และสถานีรถไฟคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร นอกจากนี้ ในอนาคตจะมีทางรถไฟความเร็วสูงตัดผ่าน มีสถานี 2 แห่ง ได้แก่ สถานีรถไฟความเร็วสูงสุโขทัย และสถานีรถไฟความเร็วสูงศรีสัชนาลัยสถานที่ท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยว. - อำเภอเมืองสุโขทัย - ศาลหลักเมืองสุโขทัย ตำบลเมืองเก่า - อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตำบลเมืองเก่า - พิพิธภัณฑ์ปลาในวรรณคดี ตำบลบ้านสวน - สวนหลวง ร.๙ ตำบลบ้านสวน - พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติรามคำแหง ตำบลเมืองเก่า - พิพิธภัณฑ์สังคโลก ตำบลบ้านหลุม - พระราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ตำบลเมืองเก่า - พระราชานุสาวรีย์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ตำบลเมืองเก่า - ศาลพระแม่ย่า ศาลากลางจังหวัดสุโขทัย ตำบลธานี - พระพุทธอุทยานสุโขทัย ตำบลธานี - ทุ่งทะเลหลวง ตำบลบ้านกล้วย - พุทธมณฑลสุโขทัย ทุ่งทะเลหลวง ตำบลบ้านกล้วย - โครงการสวนสัตว์สุโขทัย ตำบลบ้านกล้วย - สวนพฤษศาสตร์พระแม่ย่า สุโขทัย ตำบลบ้านกล้วย - วัดศรีชุม(พระอจนะ) ตำบลเมืองเก่า - วัดสะพานหิน ตำบลเมืองเก่า - เตาทุเรียง ตำบลเมืองเก่า - เขื่อนทำนบพระร่วง(สรีดพงษ์) ตำบลเมืองเก่า- อำเภอศรีสัชนาลัย - ศาลหลักเมืองศรีสัชนาลัย ตำบลศรีสัชนาลัย - ศาลหลักเมืองเชลียง ตำบลศรีสัชนาลัย - อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ตำบลศรีสัชนาลัย - ย่านพานิชย์หัตกรรมเงินทองโบราณ 800 ปี ตำบลศรีสัชนาลัย ตำบลท่าชัย - สนามแข่งขันBMXเฉลิมพระเกียรติ(หนองช้าง) ตำบลศรีสัชนาลัย - วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรวิหาร(วัดพระปรางค์)ตำบลศรีสัชนาลัย - แหล่งขุดข้นโบราณคดีโครงกระดูก(วัดชมชื่น)ตำบลศรีสัชนาลัย - แก่งหลวง ตำบลศรีสัชนาลัย - พระราชานุสาวรีย์พระมหาธรรมราชาที่ ๑(พระยาลิไท)ตำบลศรีสัชนาลัย - วัดเชิงคีรี(หลวงพ่อโต 700 ปี) ตำบลศรีสัชนาลัย - พิพิธภัณฑ์ชุมชนศรีสัชนาลัย ตำบลศรีสัชนาลัย - บ้านศิลปะศิลาแลงอาร์ตแกลอรี่(วัดโคกสิงคาราม) ตำบลศรีสัชนาลัย - อุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย ตำบลบ้านแก่ง - อ่างเก็บน้ำแม่ท่าแพ ตำบลบ้านแก่ง - ศูนย์ศึกษาและอนุรักษ์เตาสังคโลก(เตาทุเรียง)ตำบลหนองอ้อ - ศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้านโบราณหาดเสี้ยว(สุนทรีผ้าไทย)ตำบลหนองอ้อ - ชุมชนผ้าทอไทครั้ง ตำบลหนองอ้อ - สาธรพิพิธภัณฑ์ผ้าทองคำ ตำบลหาดเสี้ยว - ชุมชนไทพวน บ้านหาดเสี้ยว ตพบลหาดเสี้ยว - ท่องเที่ยวเชิงนิเวศบ้านนาต้นจั่น ตำบลบ้านตึก - ปางช้างศรีสัชนาลัย(หมู่บ้านช้างบ้านภูนก) ตำบลบ้านตึก - ศูนย์การท่องเที่ยวชุมชนบ้านคุกพัฒนา โดย อพท. ตำบลสารจิตร- อำเภอทุ่งเสลี่ยม - หลวงพ่อศิลา วัดทุ่งเสลี่ยม - วัดพิพัฒน์มงคล(พระพุทธรูปทองคำ) - ถ้ำลม-ถำ้วัง - วัดเชิงผา(ศูนย์ปฏิบัติธรรม) - โบราณสถานวัดใหญ่ชัยมงคล - โบราณสถานวัดเจดีย์เจ็ดแถว - หอรบโบราณ - โบราณสถานแนวถนนพระร่วง- อำเภอสวรรคโลก - ศาลหลักเมืองสวรรคโลก ตำบลเมืองสวรรคโลก - กุฏิพระสวรรค์วรนายก (ทองคำ โสโณ) วัดกลาง - พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสวรรควรนายก ตำบลวังไม้ขอน - พิพิธภัณโรงเรียนสตรีประจำจังหวัดสวรรคโลก"อนันตนารี" ตำบลเมืองสวรรคโลก - พิพิธภัณโรงพักเรือนทรงปั้นหยา ยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่2 - พิพิธภัณที่ว่าการอำเภอสวรรคโลก(หลังเก่า) - ศูนย์วัฒนธรรมอำภอสวรรคโลก (ตั้งอยู่ภายในโรงเรียนสวรรค์อนันต์วิทยา) - สวนหลวงพระร่วงเฉลิมพระเกียรติ (ทุ่งแม่ระวิง) ตำบลป่ากุมเกาะ - วัดสว่างอารมณ์วรวิหาร (วัดจวน) ตำบลเมืองสวรรคโลก - วัดสวรรคาราม(วัดกลาง) ตำบลวังพิณพาต - เมืองโบราณบางขลัง ตำบลเมืองบางขลัง - โครงการเกษตรอินทรีย์สนามบินสุโขทัย ตำบลคลองกระจง - ท่าอากาศยานสุโขทัย(สนามบินสุโขทัย)ตำบลคลองกระจง - พระราชานุสาวรีย์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์(วัดคุ้งวารี)ตำบลย่านยาว - ชุมชนบ้านโบราณตลาดเมืองสวรรคโลก - พระราชานุสาวรีย์พ่อขุนบางกลางหาว พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ตำบลเมืองบางขลัง - อำเภอบ้านด่านลานหอย - เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าถ้ำเจ้าราม - พิพิธภัณฑ์โบราณคดีชุมชนบ้านวังหาด- อำเภอศรีสำโรง - เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำเจ้าราม- อำเภอคีรีมาศ - อุทยานแห่งชาติรามคำแหง - ศาลพระแม่ย่า อำเภอคีรีมาศ - แหล่งเคื่องปั่นดินเผาบ้านทุ่งหลวง- อำเภอกงไกรลาศ - ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมบ้านกง- อำเภอศรีนคร - มูลนิธิสายใจไทยในพระบรมราชูปถัมภ์(โครงการที่ดินทำกิน)งานเทศกาลและประเพณีงานเทศกาลและประเพณี. - งานลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟ อำเภอเมืองสุโขทัย - งานวันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช อำเภอเมืองสุโขทัย - งานสักการะพระแม่ย่าและงานกาชาด อำเภอเมืองสุโขทัย - งานออกพรรษาแห่ตาชูชก อำเภอเมืองสุโขทัย - งานมหาสงกรานต์กรุงเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย - งานสงกรานต์เสื้อลายดอก ถนนข้าวตอกสุโขทัย อำเภอเมืองสุโขทัย - งานแข่งขันเรือพายเทโวโรหณะ อำเภอเมืองสุโขทัย - ประเพณีบวชนาคแห่ช้างหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย - งานประเพณีแห่น้ำขึ้นโฮง อำเภอศรีสัชนาลัย - งานประเพณีสรงน้ำโอยทานสงกรานต์ศรีสัชนาลัย อำเภอศรีสัชนาลัย - งานนสมโภชพระธาตุเฉลียงและพระธาตุมุเตา(วัดพระปรางค์) อำเภอศรีสัชนาลัย - งานย้อนอดีตศรีสัชนาลัยนุ่งผ้าไทยใส่เงินทองโบราณ อำเภอศรีสัชนาลัย - งานของดีศรีสัชนาลัยและเทศกาลอาหาร อำเภอศรีสัชนาลัย - งานประเพณีแห่กฐินทางน้ำ(เฮือซ่วง) อำเภอศรีสัชนาลัย - งานประเพณีบุญบั้งไฟบ้านหาดสูง อำเภอศรีสัชนาลัย - งานประเพณีออกพรรษาศรีสัชฯ-ท่าชัย อำเภอศรีสัชนาลัย - งานหมากม่วงหมากปรางและงานของดีศรีสวรรคโลก อำเภอสวรรคโลก - งานประเพณีสงกรานต์และเทศกาลอาหารเมืองสวรรคโลก อำเภอสวรรคโลก - งานวันพิชิตยอดเขาหลวง อำเภอคีรีมาศ - ประเพณีการทำขวัญผึ้ง อำเภอคีรีมาศบุคคลที่มีชื่อเสียงบุคคลที่มีชื่อเสียง. - วิจารณ์ พลฤทธิ์ – นักชกเหรียญทองโอลิมปิก - เท่ง เถิดเทิง – นักแสดงตลก - ส้มเช้ง สามช่า – นักแสดงตลก - พวง เชิญยิ้ม – นักแสดงตลก - ชินกร ไกรลาศ – นักร้อง ศิลปินแห่งชาติ - ระพิน ภูไท – นักร้องลูกทุ่ง - ทัตเทพ ประสงค์ – นักร้อง ร้องนำวงโซคูล - อติรุจ กิตติพัฒนะ – นักร้องเดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปี 8 - ประทีป สุขโสภา – ศิลปินเพลงพื้นบ้าน/เพลงขอทาน - นิคม รายยวา – นักเขียนชีไรท์ - ภาคินัย กสิรักษ์ – นักเขียนนิยายสยองขวัญ/คอมเมดี้ - สมศักดิ์ เทพสุทิน – อดีตรองนายกรัฐมนตรี - อนงค์วรรณ เทพสุทิน – นักการเมือง - พรรณสิริ กุลนาถศิริ – นักการเมือง - บุญส่ง นาคภู่ – ผู้กำกับภาพยนตร์ - สนธิ ลิ้มทองกุล – สื่อสารมวลชน - วรัญญา กาบัว – นักร้องลูกทุ่งแชมป์ออฟเดอะแชมป์จากรายการชิงช้าสวรรค์วงดนตรีลูกทุ่งโรงเรียนทุ่งเสลี่ยมชนูปถัมภ์ - ดรุณี สุทธิพิทักษ์ – นักแสดง นักร้อง พิธีกร
ความหมายของชื่อจังหวัดสุโขทัยคืออะไร
3411
{ "answer_end": [ 21 ], "answer_start": [ 11 ], "text": [ "จ้าว หงอิน" ] }
863632
จ้าว หงอิน จ้าว หงอิน (; สิ้นพระชนม์ 3 กันยายน ค.ศ. 956) เป็นพระราชบิดาในจักรพรรดิซ่งไท่จู่และจักรพรรดิซ่งไท่จงแห่งราชวงศ์ซ่งเหนือ จ้าว หงอิน ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 956 เมื่อจ้าว ควงอิ้น บุตรชายคนโตปราบดาภิเษกขึ้นเป็นจักรพรรดิซ่งไท่จู่ ปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ซ่ง ก็ได้สถาปนาพระราชบิดาของพระองค์คือจ้าว หงอิน ให้มีพระอิสริยยศเทียบเท่าจักรพรรดิมีพระนามว่า จักรพรรดิเสฺวียนจู่
ใครคือพระราชบิดาของจักรพรรดิซ่งไท่จู่และจักรพรรดิซ่งไท่จงแห่งราชวงศ์ซ่งเหนือ
3412
{ "answer_end": [ 471 ], "answer_start": [ 466 ], "text": [ "2,100" ] }
50496
อินทรี อินทรี เป็นนกจำพวกนกล่าเหยื่อขนาดใหญ่ ในวงศ์ Accipitridae อันดับ Accipitriformes (วงศ์และอันดับเดียวกับ เหยี่ยว) มีโครงสร้างทางกายภาพที่แข็งแรง ประกอบด้วยโครงกระดูก กล้ามเนื้อ ส่วนต่าง ๆ ขน และกรงเล็บเป็นหลัก จัดอยู่ในประเภทนกที่ล่าเหยื่อเป็นอาหาร มีขนาด ปีก และ หาง ที่กว้าง ลักษณะปลายปีกแหลมหรือปีกแตก จะงอยปากงองุ้มเป็นตะขอ อินทรีเป็นนกที่มีลักษณะสวยงาม แข็งแรง สายตาคม บินเร็ว โจมตีแม่นยำ มองเห็นเป้าหมายได้จากระยะไกล มีเพดานบินตั้งแต่พื้นราบจนถึงความสูง 2,100 เมตร และจัดได้ว่าเป็นสัตว์ที่มีสายตาดีที่สุดในโลก อีกทั้งยังถือเป็นนกหรือสัตว์ปีกที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลกอีกด้วย โดยมีอายุได้มากถึง 70 ปี ส่วนใหญ่จะมีสีเข้มและสร้างรังบนหน้าผาที่สูงชัน อินทรีเป็นนกที่มีขนาดใหญ่และแข็งแรง เป็นนกที่กินเนื้อเป็นอาหาร ซึ่งได้แก่ ปลา, งู, สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ขนาดเล็กเช่น หนู และเป็นนกนักล่าซึ่งล่านกด้วยกัน และไข่นกที่มีขนาดเล็กกว่าเป็นอาหาร อินทรีพบอาศัยกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นที่เขตต่าง ๆ ทั่วทุกแห่งในโลก ยกเว้นพื้นที่ในทวีปแอนตาร์กติก ที่มีอากาศหนาวเย็น ในประเทศไทย มีอินทรีอยู่ด้วยกันจำนวนหนึ่ง อาทิ นกออก (Haliaeetus leucogaster), อินทรีหัวนวล (H. leucoryphus), อินทรีดำ (Ictinaetus malaiensis), อินทรีปีกลาย (Clanga clanga) เป็นต้น เนื่องจากเป็นนกขนาดใหญ่ น่าเกรงขาม และบินได้สูงและกว้างไกล ทำให้มีความสง่างาม ในเชิงของการเป็นสัญลักษณ์แล้ว อินทรีถูกมนุษย์ใช้ในเชิงสัญลักษณ์เป็นระยะเวลายาวนาน ในหลายวัฒนธรรมของทุกมุมโลก เช่น เป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ชนิดหนึ่งของไทย หรือ สหรัฐอเมริกาได้ใช้อินทรีหัวขาว (Haliaeetus leucocephalus) เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ เป็นต้น
นกอินทรีสามารถบินได้สูงถึงกี่เมตร
3413
{ "answer_end": [ 13 ], "answer_start": [ 7 ], "text": [ "อินทรี" ] }
50496
อินทรี อินทรี เป็นนกจำพวกนกล่าเหยื่อขนาดใหญ่ ในวงศ์ Accipitridae อันดับ Accipitriformes (วงศ์และอันดับเดียวกับ เหยี่ยว) มีโครงสร้างทางกายภาพที่แข็งแรง ประกอบด้วยโครงกระดูก กล้ามเนื้อ ส่วนต่าง ๆ ขน และกรงเล็บเป็นหลัก จัดอยู่ในประเภทนกที่ล่าเหยื่อเป็นอาหาร มีขนาด ปีก และ หาง ที่กว้าง ลักษณะปลายปีกแหลมหรือปีกแตก จะงอยปากงองุ้มเป็นตะขอ อินทรีเป็นนกที่มีลักษณะสวยงาม แข็งแรง สายตาคม บินเร็ว โจมตีแม่นยำ มองเห็นเป้าหมายได้จากระยะไกล มีเพดานบินตั้งแต่พื้นราบจนถึงความสูง 2,100 เมตร และจัดได้ว่าเป็นสัตว์ที่มีสายตาดีที่สุดในโลก อีกทั้งยังถือเป็นนกหรือสัตว์ปีกที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลกอีกด้วย โดยมีอายุได้มากถึง 70 ปี ส่วนใหญ่จะมีสีเข้มและสร้างรังบนหน้าผาที่สูงชัน อินทรีเป็นนกที่มีขนาดใหญ่และแข็งแรง เป็นนกที่กินเนื้อเป็นอาหาร ซึ่งได้แก่ ปลา, งู, สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ขนาดเล็กเช่น หนู และเป็นนกนักล่าซึ่งล่านกด้วยกัน และไข่นกที่มีขนาดเล็กกว่าเป็นอาหาร อินทรีพบอาศัยกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นที่เขตต่าง ๆ ทั่วทุกแห่งในโลก ยกเว้นพื้นที่ในทวีปแอนตาร์กติก ที่มีอากาศหนาวเย็น ในประเทศไทย มีอินทรีอยู่ด้วยกันจำนวนหนึ่ง อาทิ นกออก (Haliaeetus leucogaster), อินทรีหัวนวล (H. leucoryphus), อินทรีดำ (Ictinaetus malaiensis), อินทรีปีกลาย (Clanga clanga) เป็นต้น เนื่องจากเป็นนกขนาดใหญ่ น่าเกรงขาม และบินได้สูงและกว้างไกล ทำให้มีความสง่างาม ในเชิงของการเป็นสัญลักษณ์แล้ว อินทรีถูกมนุษย์ใช้ในเชิงสัญลักษณ์เป็นระยะเวลายาวนาน ในหลายวัฒนธรรมของทุกมุมโลก เช่น เป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ชนิดหนึ่งของไทย หรือ สหรัฐอเมริกาได้ใช้อินทรีหัวขาว (Haliaeetus leucocephalus) เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ เป็นต้น
สัตว์ปีกที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลกคือสัตว์ปีกชนิดใด
3414
{ "answer_end": [ 86 ], "answer_start": [ 79 ], "text": [ "ยู ไอดะ" ] }
71337
ดอกไม้เพชฌฆาต กันสลิงเกอร์ เกิร์ล ดอกไม้เพชฌฆาต () เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น ผลงานของ ยู ไอดะ ลงตีพิมพ์ในนิตยสารคอมิกเด็งเงคิไดโอรายเดือน ของมีเดียเวิกส์ ต่อมาได้ถูกสร้างเป็นอะนิเมะ ดราม่าซีดี และเกมเรื่องย่อบริษัทในกันสลิงเกอร์ เกิร์ล บริษัทในกันสลิงเกอร์ เกิร์ล. ในอิตาลีมีหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ ซึ่งเบื้องหลังเป็นบริษัทที่นำเด็กสาวที่บาดเจ็บสาหัสแบบต่างๆ มาฝึกฝนให้เป็นนักฆ่าของรัฐบาล เพื่อปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายที่เรียกว่า กบฏ 5 ชาติ ซึ่งกลุ่มนี้ใช้การวางระเบิดเป็นวิธีหลักในการก่อการร้าย ภายในบริษัทที่ว่านี้ แบ่งเป็น 2 แผนก คือ แผนก 1 เป็นฝ่ายวางแผน และแผนก 2 เป็นฝ่ายปฏิบัติการ ซึ่งแผนกนี้นี่เองที่ฝึกและจัดหาเด็กสาวเข้าสู่บริษัท บริษัทนี้ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีอิตาลี ได้รับงบประมาณไม่เปิดเผย ดำเนินงานอิสระ สามารถขอความร่วมมือได้จากทุกหน่วยงานของอิตาลี โดยแผนก 2 มี ฌอง โครเช่ เป็นหัวหน้าระดับปฏิบัติการ ควบคุมเจ้าหน้าที่ของแผนกประมาณ 18 คนรวมถึง โจเซ่ โครเช่ ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของฌองด้วยตัวละครตัวละคร. - เฮนริเอ็ตต้า : เด็กสาวที่รอดชีวิตมาจากเหตุการณ์ฆาตกรรมยกครัว โดยมีเพียงเธอที่รอดชีวิตแต่ก็ต้องเผชิญกับการถูกข่มขืนท่ามกลางซากศพของคนในครอบครัว มี โจเซ่ เป็นผู้ดูแลซึ่งเลือกเธอมาเพราะทั้งสงสารและอยากจะช่วยเหลือ แต่เหตุผลลึกๆนั่นคือ เธอมีหน้าตาที่คล้ายคลึงกับน้องสาวของเขาและฌอง คือ เอนริก้า ที่เสียชีวิตเมื่อหลายปีก่อน นิสัย - ขี้อาย รักโจเซ่มากกว่าชีวิตตนเอง- ริโค่ : เด็กสาวที่มีร่างกายพิการมาตั้งแต่เกิด ทางบริษัทหรือฉากหน้าที่เรียกว่า หน่วยงานสังคมสงเคราะห์ รับดูแลมาจากพ่อและแม่ของริโค่ ที่มักจะทะเลาะกันเพราะความพิการของริโค่เสมอๆ เมื่อเธอได้มาอยู่ที่บริษัทเธอจึงได้รับร่างกายที่สมบูรณ์ครบ 32 ประการ มี ฌอง เป็นผู้ดูแล ไม่มีประวัติว่าเลือกมาเพราะอะไร นิสัย - ร่าเริง ยิ้มเสมอ รักการเรียนรู้- ทริเอร่า : เป็นเด็กสาวที่ฮิลเซอร์ช่วยออกมาจากการโดนมาเฟียทรมานเพื่อถ่ายหนังวิปริต โดยแลกกับชีวิตกับเพื่อนร่วมงานของฮิลเซอร์ โชคชะตาเล่นตลกให้ฮิลเซอร์กลับต้องมาพบกับทริเอล่า อีกครังในฐานะเพื่อนร่วมงาน- คลาเอส : สำหรับเธอคนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยที่มา ปัจจุบันไม่มีผู้ดูแล เนื่องจากราบาโล เป็น ผู้ดูแลเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ ปัจจุบันคลาเอสจึงใช้ชีวิตอยู่ในองค์กรโดยไม่ต้องออกไปทำงาน แต่ถูกใช้เป็นตัวอยางสำหรับร่างทดลอง- แองเจลิก้า : เด็กที่รอดชีวิตจากการโดนพ่อตัวเอง ฆ่าเอาเงินประกัน ถูกองค์กรรับตัวมาดัดแปลงในฐานะร่างทดลองเป็นคนแรก เนื่องจากใช้เทคโนโลยีที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา แองเจลิกจึงไม่ไช่ร่างทดลองที่สมบูรณ์นัก ทำให้ความทรงจำของเธอขาดหายไป ทำให้มาร์โก ผู้ดูแลของเธอไม่พอใจมากรายชื่อตอน
ใครเป็นผู้เขียนการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องดอกไม้เพชฌฆาต หรือกันสลิงเกอร์ เกิร์ล
3415
{ "answer_end": [ 180 ], "answer_start": [ 166 ], "text": [ "คณะวิทยาศาสตร์" ] }
42882
พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีทางภาพ พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีทางภาพ เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับเทคโนโลยีภาพถ่ายและการพิมพ์ ตั้งอยู่ที่ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางภาพถ่ายและเทคโนโลยีทางการพิมพ์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นับเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียที่จัดแสดงกล้องถ่ายภาพ ภาพถ่าย การพิมพ์และเทคโนโลยีทางภาพอื่น ๆ เป็นการเฉพาะและครบวงจรประวัติ ประวัติ. พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีทางภาพ ได้รับการอนุญาตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางภาพถ่ายและเทคโนโลยีทางการพิมพ์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในวาระเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ และรัชมังคลาภิเษกสมโภช นอกจากนี้ ยังเป็นวาระที่การถ่ายภาพของโลกมีกำเนิดมาครบ 153 ปีอีกด้วย พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีทางภาพได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ทรงรับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไว้ในพระอุปถัมภ์ เมื่อสร้างแล้วเสร็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ แทนพระองค์ไปทรงเปิดพิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีทางภาพฯ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2534
พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีทางภาพตั้งอยู่ที่คณะใดในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3416
{ "answer_end": [ 254 ], "answer_start": [ 250 ], "text": [ "2542" ] }
67818
ชลธี ธารทอง ชลธี ธารทอง เป็นนักแต่งเพลงลูกทุ่งชื่อดังระดับตำนาน โดยมีผลงานเป็นที่รู้จักและคุ้นหูคนไทยมากมาย และได้สร้างนักร้องชื่อดังหลายคนประดับวงการลูกทุ่งไทย ชลธี ธารทอง ได้รับการประกาศให้เป็นศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (นักแต่งเพลงลูกทุ่ง) ปี 2542ประวัติ ประวัติ. ชลธี ธารทอง มีชื่อจริงว่า สมนึก ทองมา เกิดเมื่อ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2480 ที่ จ.ชลบุรี พ่อมีอาชีพรับจ้างเร่ร่อนไปทั่ว แม่เจ็บท้องคลอดตอนกำลังเกี่ยวข้าว และตกเลือดตายตั้งแต่อายุ 6 เดือน ตอนเขาเกิด แม้แต่ผ้าขี้ริ้วที่จะนำมาทำผ้าอ้อมก็ยังไม่มี ชีวิตในวัยเด็กนั้นยากจน ชลธีเข้าเรียนชั้นประถม 1 ที่โรงเรียนวัดแก้วศิลาราม ที่ชลบุรี มาต่อชั้นประถม 4 ที่โรงเรียนวัดโคกขี้หนอน ที่ชลบุรี จบการศึกษาชั้นมัธ ยมศึกษาจากโรงเรียนประชาสงเคราะห์ อ.พานทอง จ.ชลบุรี จากนั้นก็ย้ายมาอยู่กับญาติที่ราชบุรี เขาเคยผ่านงานมาหลากหลาย ทั้งทำนา ทำไร่ ขุดดินเผาถ่าน ช่างไม้ ก่อสร้าง นักมวย ลิเกนักพากย์หนัง หางเครื่อง กรรมกร และนักร้อง ปัจจุบันมีถิ่นพำนักอยู่ที่ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรีเข้าสู่วงการ เข้าสู่วงการ. ชลธีสนใจการร้องเพลงลูกทุ่งมาตั้งแต่เล็ก และเคยเป็นนักร้องเพลงเชียร์รำวงของวงดาวทอง เชียร์รำวงชื่อ ดังอีกวงของยุคนั้น ต่อมาสมัครเข้าเป็นนักร้องในวงดนตรีของสุรพล สมบัติเจริญ ราชาเพลงลูกทุ่งไทย และได้ขึ้นเวทีในวันที่มาสมัคร แต่เนื่องจากไม่มี่ที่พักในกรุงเทพฯ ต้องเดินทางไปกลับต่างจังหวัด (ราชบุรี) ขณะเดียวกันก็ไม่ชำนาญเส้นทางในกรุงเทพ จึงมาเข้าวงสายตลอด 3 วันถัดมา จึงถูกไล่ออก จากนั้นก็มีผู้ชักชวนให้มาอยู่กับวงลิเก และพากย์หนัง ก่อนจะบวช หลังจากสึกก็มาเป็นหางเครื่องอยู่กับวงเทียนชัย สมญาประเสริฐ ที่มีนักร้องดังอย่าง ผ่องศรี วรนุช ซึ่งเป็นภรรยารวมอยู่ด้วย แต่ลาออกจากวงเพราะถูกกล่าวหาว่าขโมยทองของนักร้องในวงระหว่างที่รถของคณะเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ ต่อมา ได้สมัครประกวดร้องเพลงที่จัดโดยวงรวมดาวกระจายของครูสำเนียง ม่วงทองโดยใช้เพลงที่เขาแต่งขึ้นเอง ซึ่งเขาก็ชนะ และครูสำเนียงรับให้มาอยู่ร่วมคณะ แต่ไม่ได้ขึ้นร้องเพราะนักร้องเต็ม และครูสำเนียงเป็นคนตั้งชื่อให้เขาว่า ชลธี ธารทอง เพราะเป็นคนเมืองชลฯ หลังจากอยู่มาปีครึ่ง ชลธี จึงได้ขึ้นร้องเพลง และต่อมาได้อัดแผ่นเสียงรวม 4 เพลง แต่ไม่ดังซักเพลง ระหว่างนั้น ถ้ามีเวลาว่า เขาก็ ได้ศึกษาวิชาแต่งเพลงอย่างเป็นกิจจะลักษณะจากครูสำเนียง และก็ได้นำความรู้ความสามารถในการเขียนโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน มาใช้ในการแต่งเพลง ระหว่างที่อยู่วงรวมดาวนี้เองที่เพลง "พอหรือยัง" ของชลธี ถูกศรคีรี ศรีประจวบนำไปร้องจนประสบความสำเร็จ แต่ไม่มีใครเชื่อว่าเขาเป็นคนแต่ง เพราะเพลงนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เขาไปหลงรักสาวร่วมคณะรวมดาวกระจาย และก็อกหัก เลยแต่งเพลงนี้นำมาร้องแก้กลุ้ม พอดีมีนักร้องชายในวงอีกคนเกิดชอบ ก็มาขอไปร้องบนเวที ต่อมานักร้องคนนั้นโดนไล่ออก และได้ไปอยู่กับวงศรคีรี และเมื่อศรคีรีได้ยินเพลงนี้จึงถามว่าใครแต่ง นักร้องคนนั้นได้บอกว่าเขาแต่งเอง ศรคีรีจึงขอเอามาอัดแผ่นเสียงโดยใช้ชื่อคนแต่งว่าศรคีรี เมื่อชลธี ธารทอง ออกมา ทักท้วง ศรคีรี ก็ได้มาอธิบายจนเป็นที่เข้าใจกันทุกฝ่าย ครั้งที่อยู่กับวงรวมดาวกระจาย ชลธีมีโอกาสบันทึกเสียง 4 เพลง แต่ไม่ดังสักเพลง ต่อมาชลธี ถูกไล่ออกจากวงรวมดาว ในข้อกล่าวหาดังแล้วแยกวง ซึ่งไม่เป็นความจริง จากนั้นก็มีนายทุนออกเงินตั้งวงให้ ชื่อวง "สุรพัฒน์" แต่ก็ไปไม่รอด ขณะที่เพลงของเขาก็ขายไม่ค่อยได้เพราะคนไม่รู้จักชื่อเสียง ก็พอดีกับศรคีรีมาขอให้ช่วยแต่งเพลงให้ แต่พอเขาแต่งเพลงชุดนั้นเสร็จ ศรคีรีก็มาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเสียก่อน ชลธีจึงตัดสินใจหันหลังให้วงการเพลง และหอบครอบครัวไปช่วยพ่อตาแม่ยายทำไร่ข้าวโพดที่แก่งเสือเต้น แต่ก่อนจะไปจากกรุงเทพฯ เขาบังเอิญไปพบกับเด็กล้างรถที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งแถวบุคคโล ซึ่งมีเสียงถูกใจจึงได้มอบเพลง 2 เพลงที่กะจะให้ศรคีรีกับเด็กคนนั้นไปโดยไม่คิดเงิน ต่อมาเด็กคนนั้นก็คือสายัณห์ สัญญา ที่โด่งดังจากเพลง"ลูกสาวผู้การ" และ "แหม่มปลาร้า"ที่เขามอบให้ในวันนั้น เมื่อสายัณห์โด่งดัง เขาจึงถูกมนต์ เมืองเหนือเรียกตัวกลับกรุงเทพเพื่อให้มาแต่งเพลง ทำให้ลูกศิษย์คนต่อมาของเขาก็คือ เสกศักดิ์ ภู่กันทอง โด่งดังจากเพลง"ทหารอากาศขาดรัก" จากนั้นชลธีก็ตั้งหน้าตั้งตาผลิตผลงานและสรรหานักร้องคุณภาพออกมาประดับวงการอยู่เนืองๆ จนประสบความสำเร็จอย่างมาก และในที่สุดก็ได้รับฉายาจาก "ยิ่งยง สะเด็ดยาด" คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ว่า " เทวดาเพลง " ชลธี ธารทองเคยหันมาจับธุรกิจทำวงดนตรีลูกทุ่ง โดยทำวงให้กับ สุริยัน ส่องแสง แต่ปรากฏว่า นักร้องนำถูกยิงตายเสียก่อน เขาเลยต้องเป็นหนี้ยกใหญ่ บทเพลงของชลธี ธารทองมีจุดเด่นในการเลือกสรรถ้อยคำในลักษณะของกวีนิพนธ์มาใช้ในการแต่งเพลง เนื้อหามีสาระส่งเสริมคุณค่าวิถีชีวิตไทย ท่วงทำนองเพลงมีความไพเราะตรึงใจผู้ฟัง บทเพลงมีความดีเด่นในศิลปะการประพันธ์ที่ใช้ฉันทลักษณ์หลายรูปแบบ เป็นนักแต่งเพลงที่แต่งทั้งคำร้องและทำนองเพลงเอง ผลงานเพลงล้วนแต่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของนักฟังเพลง สร้างนักร้องลูกทุ่งให้มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมากอาทิ สายัณห์ สัญญา, ยอดรัก สลักใจ, เสกศักดิ์ ภู่กันทอง, วิไล พนม, สดใส รุ่งโพธิ์ทอง, เสรีย์ รุ่งสว่าง, เอกพจน์ วงศ์นาค, บุษบา อธิษฐาน, สุนารี ราชสีมา, ดำรง วงศ์ทอง, นพรัตน์ ไม้หอมเป็นต้นผลงาน ผลงาน. ชลธี ธารทองมีผลงานการประพันธ์เพลงมากกว่า 2,000 เพลงที่เป็นที่รู้จักกันดีก็อย่างเช่น- พอหรือยัง (ศรคีรี ศรีประจวบ) - อีสาวทรานซิสเตอร์ (อ้อยทิพย์ ปัญญาธร) - ไอ้หนุ่มตังเก (ไพรวัลย์ ลูกเพชร) - หนาวใจที่ชายแดน (ไพรวัลย์ ลูกเพชร) - สำรวยลืมคำ (ไพรวัลย์ ลูกเพชร) - ล้นเกล้าเผ่าไทย (สายัณห์ สัญญา) - จำปาลืมต้น (สายัณห์ สัญญา) - ไอ้หนุ่มรถไถ (สายัณห์ สัญญา) - คาถามัดใจ (สายัณห์ สัญญา) - ปิดห้องร้องไห้ (สายัณห์ สัญญา) - นางฟ้ายังอาย (สายัณห์ สัญญา) - สาวเวียงหนุ่มไทย (จินตหรา พูนลาภ) - แรงงานข้าวเหนียว (จินตหรา พูนลาภ) - พบรักปากน้ำโพ (สายัณห์ สัญญา) - คำสั่งเตรียมพร้อม (สายัณห์ สัญญา) - แหม่มปลาร้า (สายัณห์ สัญญา) - ลูกสาวผู้การ (สายัณห์ สัญญา) - กินอะไรถึงสวย (สายัณห์ สัญญา) - แฟนฉันไม่ต้องหล่อ (สุนารี ราชสีมา) - เทพธิดาผ้าซิ่น (เสรีย์ รุ่งสว่าง) - จดหมายจากแม่ (เสรีย์ รุ่งสว่าง) - หนุ่มทุ่งกระโจมทอง (เสรีย์ รุ่งสว่าง) - เรียกพี่ได้ไหม (เสรีย์ รุ่งสว่าง) - จดหมายจากแนวหน้า (ยอดรัก สลักใจ) - ล่องเรือหารัก (ยอดรัก สลักใจ) - ทหารอากาศขาดรัก (เสกศักดิ์ ภู่กันทอง) - หน้าอย่างเธอจะรักใครจริง (สดใส รุ่งโพธิ์ทอง) - วันนี้สวยกว่าเมื่อวาน (สุริยัน ส่องแสง) - กินข้าวกับน้ำพริก (ผ่องศรี วรนุช) - จำปาคืนต้น (ผ่องศรี วรนุช) - สาวปากน้ำโพ (ผ่องศรี วรนุช) - เมตตาธรรม (เพลงการกุศล สมทบกองทุนเพื่อเด็กไทย) - สาวเพชรบุรี (พุ่มพวง ดวงจันทร์) - พาร์ตเนอร์เบอร์ห้า (พุ่มพวง ดวงจันทร์) - ยังรักเสมอ ( ดำรง วงศ์ทอง ) - นักรบนิรนาม ( แมงปอ ชลธิชา ) - ฟ้าร้องไห้ (เพลงถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช) งานเขียน- หนังสือ "ชลธี ธารทอง เทวดาเพลง" (2547)เกียรติยศเกียรติยศ. - แผ่นเสียงทองคำพระราชทาน 1 รางวัล จากเพลง“อีสาวทรานซิสเตอร์” ปี 2525 - รางวัลเสาอากาศทองคำ 3 รางวัล จากเพลง “น้ำตาอีสาน”ปี 2518, “ใต้ถุนธรณี” ปี 2521และ "ห่มธงนอนตาย” ปี 2519 - รางวัลงานกึ่งศตวรรษลูกทุ่งไทยภาค 1-2 รวมจำนวน 7 รางวัล จากเพลง "ไอ้หนุ่มตังเก", "ไม้เรียวครู", " สาวใต้ไร้คู่" และ "อีสาวทรานซิสเตอร์" ปี 2532 และจากเพลง “ล้นเกล้าเผ่ไทย", "เทพธิดาผ้าซิ่น" และ แรงงานข้าวเหนียว ปี 2534 - รางวัลชนะเลิศเพลงประเพณีสงกรานต์ของสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ 1 รางวัล ปี 2533 - รางวัลลูกทุ่งดีเด่นส่งเสริมวัฒนธรรมไทย 3 รางวัล จากเพลง" หนาวใจชายแดน", "พบรักนครพนม" และ"จงทำดี” - โล่เกียรติคุณงานมหกรรมเพลงอาเซียนที่ประเทศมาเลเซียจากเพลง"อีสาวทรานซิสเตอร์" ปี 2524 - ได้รับเกียรติให้นำผลงานเพลง "ล้นเกล้าเผ่าไทย" แสดงในงาน 60 ปี เล่าขานตำนานลูกทุ่งไทย
ชลธี ธารทอง ได้รับการประกาศให้เป็นศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดงในปี พ.ศ. อะไร
3417